เผยผลศึกษานักวิจัยซานฟรานซิสโก ชี้คนฉีดวัคซีนบูสเตอร์ แต่ติดโอไมครอน มีอาการแค่คัดจมูกเท่านั้น เทียบกับคนไม่ฉีดพบเป็นไข้ได้มากกว่า เผยโควิดโอไมครอนทำให้เกิดอาการระบบหายใจส่วนบนมากกว่าเดลต้าที่ทำให้ปวดตามร่างกาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่า นักวิจัยจากนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกาได้รายงานผลการเก็บข้อมูลจากกลุ่มทดลองจำนวน 63,000 ราย ที่พบว่าติดเชื้อโควิด-19 เพื่อประเมินว่าอาการของไวรัสโควิด-19 นั้นมีการพัฒนาการอย่างไรบ้าง
“มันไม่ใช่โรคเดียวกับที่เราได้เห็นกับสายพันธุ์เดลต้า และสายพันธุ์ก่อนหน้านี้” นพ.จอห์น สวอตซ์เบิร์ก ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านโรคติดเชื้อและวัคซีนกล่าวมหาวิทยาลัยยูซี เบิร์กลีย์กล่าว
นพ.สวอตซ์เบิร์กกล่าวต่อว่าการศึกษานี้พบว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นพบว่าจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคทางเดินหายใจในส่วนบนมากขึ้น อาทิ โรคเกี่ยวกับจมูก, ลําคอ,อาการคัดจมูก ส่วนผู้ที่ติดโควิดด้วยสายพันธุ์เดลต้านั้นพบว่าจะมีอาการในลักษณะเป็นไข้ และปวดเมื่อยตามตัวได้มากกว่า
ขณะที่การศึกษาจากองค์กรที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยยูซี เบิร์กลีย์ ได้แก่องค์กร the Chan Zuckerberg Biohub และองค์กร Latino Task Force นั้นระบุว่าอาการส่วนมากในช่วงระหว่างโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นพบว่าเป็นอาการไอ ตามด้านการเจ็บคอ คัดจมูก ส่วนอาการการสูบเสียการรับรู้กลิ่นและรสนั้นพบว่ามีน้อยมาก
“ถ้าหากคุณฉีดวัคซีนบูสเตอร์ อาการที่จะมีโดยมากมักจะเป็นอาการคัดจมูก อาทิ จมูกจะมีน้ำมูกมากขึ้น แต่ถ้าหากคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเลย คุณก็อาจจะมีอาการที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจส่วนบนน้อยกว่าคนฉีดวัคซีนก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณจะมีอาการป่วยโดยรวมนั้นรุนแรงกว่า อาทิ อาการเป็นไข้ และอาการปวดตัวอย่างรุนแรง” นพ.สวอตซ์เบิร์กกล่าว
ส่วนผลการเก็บข้อมูลจาก Latino Task Force พบว่าหลังจากพ้นระยะเวลากักตัว ซึ่งมีการแนะนำว่าอยู่ที่ 5 วันนั้น พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนมากยังคงมีผลตรวจเป็นบวกอยู่
ขณะที่ พญ.ซูซาน โรจัส จาก Latino Task Force กล่าวว่าจากการเก็บข้อมูลนั้นพบว่าอาการป่วยไข้นั้นมีน้อยมากสำหรับในกลุ่มที่รับวัคซีนบูสเตอร์ไปแล้ว เมื่อเทียบกับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหรือว่าฉีดวัคซีนไปแค่ครบโดสเท่านั้น
“สิ่งที่เราอนุมานได้ก็คือว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์นั้นจะมีอาการการคัดจมูกมากเป็นพิเศษ นี่อาจจะหมายความว่าระบบภูมิคุ้มกันนั้นสามารถรับรู้ไวรัสได้เร็วขึ้นมาก ทำให้ยากต่อการที่ไวรัสนั้นจะทำให้มีอาการรุนแรงอื่นๆ” พญ.โรจัสกล่าว
อนึ่งการศึกษาดังกล่าวนั้นกำลังอยู่ในกระบวนการทบทวนในด้านของงานวิจัย