'WHO' หวั่นโควิดระบาดเกาหลีเหนือทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ ชี้ประชากรทั้งประเทศเสี่ยงป่วยหนัก-เสียชีวิตเพราะยังไม่ได้ฉีดวัคซีนและมีปัญหาสุขภาพ ด้านทางการเกาหลีเหนืออ้าง มีคนติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเพียงเล็กน้อย แต่พบป่วยไข้หวัดลึกลับ 1.7 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรนาไวรัสว่า องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมาแถลงข่าวแสดงความกังวลว่าการระบาดของไวรัสโควิดในประเทศเกาหลีเหรือนั้นอาจนำมาซึ่งไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ประเทศเกาหลีเหนือกำลังพยามรับมือกับสิ่งที่เรียกกันว่าเป็นการแพร่กระจายของไข้หวัดลึกลับตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.
โดย นพ.ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายฉุกเฉินของ WHO ได้กล่าวในงานแถลงข่าวในวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างแน่นอนถ้าหากมีประเทศที่ไม่ได้ใช้เครื่องที่มีอยู่ ณ เวลานี้เพื่อจะรับมือกับการระบาด และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะเกิดสายพันธุ์ใหม่ๆขึ้นมา ผ่านการแพร่เชื้อที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ
ขณะที่นายเทดรอส อัดฮานอม เกบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO กล่าวเตือนว่าเกาหลีเหนือควรจะแบ่งปันข้อมูลต่างๆที่จำเป็นเกี่ยวกับการระบาด
“WHO มีความกังวลยิ่งเกี่ยวกับความเสี่ยงของการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ต่อไปในเกาหลีเหนือ เพราะว่าประชากรนั้นยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน และภาวะสุขภาพของประชากรโดยมากนั้นก็ประสบปัญหาส่งผลทำให้ประชากรเกาหลีเหนือนั้นมีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงและเสียชีวิตได้” นายเกบรีเยซุสกล่าวกับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 17 พ.ค.
ทั้งนี้ข้อมูลล่าสุดในวันที่ 18 พ.ค.นั้น เกาหลีเหนือได้รายงานว่ามีผู้ป่วยด้วยไข้หวัดลึกลับรายใหม่ 232,880 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกหกราย ส่งผลทำให้ทั้งประเทศมีผู้ติดเชื้อรวม 1.7 ล้านราย และผู้เสียชีวิตรวม 62 ราย
ส่วนทางการเกาหลีเหนือได้กล่าวยืนยันว่าทั้งประเทศมีจำนวนผู้ติดโควิด-19 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรายงานว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกได้ให้ความเห็นว่าคำว่าไข้หวัดลึกลับที่เกาหลีเหนือได้รายงานดังกล่าวนั้น อาจจะเป็นโควิด-19
ขณะที่สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของเกาหลีเหนือได้รายงานว่านายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้กล่าวโทษทางการกาหลีเหนือว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างไม่สมบูรณ์และมีความหย่อนยานในการรับมือกับไวรัสทั่วประเทศ และเขายังเรียกร้องให้ทางการได้เสริมความแข็งแกร่งในด้านมาตรการควบคุมโควิด-19 ในที่ทำงาน และพยายามขึ้นเป็นสองเท่าในการจัดหาสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการรักษาเสถียรภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน