'ออสเตรีย' เผยผลวิจัยติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนป้องกันโควิดสายพันธุ์อื่นไม่ได้ พบฉีด mRNA 3 โดสแล้วติดโอไมครอนสามารถป้องกันติดซ้ำได้สูง แนะเร่งฉีดบูสเตอร์-ขณะ WHO เผยวันหยุดสัดสัปดาห์คนตายจากโควิดมากกว่าวันธรรมดา 6 เปอร์เซ็นต์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์เกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรนาไวรัสว่ามีการสรุปผลการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการทบทวนทางวิชาการพบข้อมูลว่าการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะไปจำกัดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งถ้าหากผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสได้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อติดเชื้อดังกล่าวไปแล้ว พบว่าจะไม่สร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์อื่นๆแต่อย่างใด
รายงานวิจัยระบุด้วยว่าสารภูมิคุ้มกันหรือว่าแอนติบอดีที่ได้จากการติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะไม่เหมือนกับแอนติบอดีที่ได้จากการฉีดวัคซีนหรือการติดไวรัสโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ โดยแอนติบอดีที่มาจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน BA.1 และ BA.2 นั้นพบว่าจะไม่ป้องกันไวรัสอื่นๆ ทั้งนี้การศึกษาดังกล่าวมาจากการที่นักวิจัยได้มีการวิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของผู้ที่ติดโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
ขณะที่ผลวิจัยจาก Nature Portfolio ที่ถูกโพสต์บนเว็บ Research Square พบว่าผู้ซึ่งติดเชื้อโควิดแบบก้าวหน้า โดยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนหลังจากการฉีดวัคซีนแบบ mRNA เป็นจำนวนสามโดส ซึ่งเป็นวัคซีนที่ออกแบบมาสำหรับไวรัสโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้พบว่ามีภูมิคุ้มกันในระดับที่สูงมากต่อไวรัสโควิดโอไมครอนทั้งสองสายพันธุ์ย่อย แต่อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันต่อโอไมครอนนั้นก็ยังไม่สูงเทียบเท่ากับภูมิคุ้มกันต่อโควิดสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
ส่วนทางด้านของ พญ.คาริน สเตียสนี และ นพ. จูดิตี้ อเบอร์เล มหาวิทยาลัยการแพทย์แห่งเวียนนา ประเทศออสเตรียได้ตอบผ่านอีเมลว่า สำหรับผู้ที่ภูมิคุ้มกันยังไม่เคยรู้จักไวรัสโควิดมาก่อนเลยไม่ว่าจะทั้งจากการติดเชื้อหรือว่าจากการฉีดวัคซีน พบว่าบุคคลนั้นจะมีภูมิป้องกันแต่โควิดสายพันธุ์โอไมครอนอย่างเดียว แต่แทบจะไม่มีภูมิต่อโควิดสายพันธุ์อื่นๆเลย และแอนติบอดีจากโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ BA.2 ก็พบว่าไม่สามารถจะป้องกันต่อสายพันธุ์อื่นๆได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนเพื่อกระตุ้นการป้องกันของภูมิคุ้มกัน
ขณะที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ยังได้มีการรายงานว่าพบข้อมูลที่เก็บได้ตั้งแต่เดือน มี.ค. 2563-มี.ค. 2565 พบว่ามีผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากไวรัสโควิดเป็นจำนวนที่สูงกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับอัตราผู้เสียชีวิตในวันธรรมดา ซึ่งเบื้องต้นนักวิจัยคาดการณ์ว่าตัวเลขที่สูงดังกล่าวนั้นอาจเกี่ยวกับปัจจัยด้นบุคลากรที่ทำงานในโรงพยายาลซึ่งแตกต่างกันออกไปในวันหยุดและวันธรรมดา แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปว่าอะไรเป็นปัจจัยทำให้เกิดความเสี่ยงที่แตกต่างกันออกไประหว่างวันธรรมดาและในช่วงสุดสัปดาห์