ศาลรับฟ้อง ‘ช่อ พรรริการ์’ คดีโพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวข้องกับสถาบัน สร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับประชาชน ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ วางหลักทรัพย์ 3 หมื่นบาท ศาลอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว นัด 25 เม.ย.สอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2565 พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือ ช่อ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เป็นจำเลยในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโ ดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศก หรือก่อให้เกิดความตระหนกแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14(2) และ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 มาตรา 8
พฤติการณ์กล่าวหาสรุปว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2556- 9 มิ.ย.2562 มีการโพสต์เฟซบุ๊กของจำเลยด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อจิตใจประชาชนไทยทั่วไป ก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชนและส่งผลกระทบกระเทือนถึงจิตใจและเกิดการตื่นตระหนกตกใจกับประชาชน
โดยศาลอาญาประทับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.567/2565
ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของ น.ส.พรรณิการ์ เปิดเผยว่า อัยการยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อเวลา 10.00 น. จนเสร็จเรียบร้อยในเวลา 12.30 น. วันนี้ศาลรับคำฟ้องเอาไว้ โดย น.ส.พรรณิการ์ในฐานะจำเลยได้ขอยื่นประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ในวงเงิน 30,000 บาท ศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว นัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน ประชุมคดีสืบพยานโจทก์ จำเลย ในวันที่ 25 เม.ย.2565 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร ในเวลา 09.00 น
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ เปิดเผยภายหลังได้รับการประกันตัว ว่า คดีนี้แม้มีการแจ้งข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่จากคำฟ้องของอัยการ ระบุชัดว่าได้ตีความว่าโพสต์เฟซบุ๊กของตนเอง สร้างความไม่สบายใจและตื่นตระหนกให้แก่ประชาชน เนื่องจากเกี่ยวโยงกับสถาบัน
“ในความเป็นจริงทั้ง 2 โพสต์เกิดขึ้นในช่วง กปปส.โพสต์หนึ่งเป็นการยกเอาเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยามาทั้งท่อน ซึ่งเพลงยาวนี้เผยแพร่ทั่วไป มีแม้แต่ในหนังสือเรียน อีกโพสต์เป็นการวิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์ว่าใช้สถาบันเป็นเครื่องมือทำลายล้างศัตรูทางการเมือง ซึ่งขณะนั้นแกนนำพรรคหลายคนออกมาเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” น.ส.พรรณิการณ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการณ์ กล่าวอีกว่า จึงเป็นเรื่องประหลาดมากที่ทั้งสองโพสต์ถูกหาว่าสร้างความตื่นตระหนกและเป็นภัยต่อความมั่นคง เพียงเพราะมีคำว่าสถาบันอยู่ในโพสต์ แถมยังเป็นโพสต์เก่าเกือบ 10 ปี มาแล้ว นี่เป็นการสะท้อนว่าการนำสถาบันมาเป็นเครื่องมือทำลายล้างกันทางการเมืองยังคงมีอยู่ และเพดานเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในสังคมไทยกำลังถูกกระบวนการยุติธรรมกดให้ต่ำลงอย่างน่าตกใจ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวอีกว่า คดีของตนเป็นเพียงหนึ่งในกว่า 100 คดีที่สะท้อนปัญหาการนำกฎหมายมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และคนที่โดนไม่ได้มีแต่นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล แต่ยังรวมถึงประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนคนหนุ่มสาว ซึ่งในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 จากการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วกว่า 173 คน และคดี 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ อีกจำนวนมาก