'อังกฤษ' เผยวัคซีนบูสเตอร์มีประสิทธิภาพป้องกันโอไมครอนดี แต่เสื่อมถอยลงเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 2 เดือน ชี้วัคซีนไฟเซอร์ 3 โดสประสิทธิภาพลดเหลือ 45.7 เปอร์เซ็นต์เมื่อผ่านไปแล้ว 10 สัปดาห์ ขณะวัคซีนไฟเซอร์ 2 โดส+ โอไมครอน พบประสิทธิภาพอยู่ที่ 64.4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไป 5-9 สัปดาห์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์อันเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า มีการค้นพบจากประเทศอังกฤษว่าแม้ว่าการฉีดวัคซีนในเข็มบูสเตอร์จะให้ประสิทธิภาพดีต่อการป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของวัคซีนนั้นก็เริ่มที่จะเสื่อมถอยลงเมื่อเวลาผ่านไปได้ 2 เดือน
โดยผู้ที่ดำเนินการศึกษาดังกล่าวนั้นได้แก่สำนักงานหลักประกันสุขภาพของประเทศอังกฤษ ที่ได้ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการติดเชื้อโควิดในประเทศอังกฤษนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ย. 2564- 12 ม.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ระบาดอย่างแพร่หลาย และข้อมูลการศึกษานั้นมาจากการสำรวจประชากรกว่า 1 ล้านคนที่ติดเชื้อโควิดไม่ว่าจะเป็นทั้งจากสายพันธุ์เดลต้าและสายพันธุ์โอไมครอน
นักวิจัยสำรวจว่าผู้ที่ติดเชื้อนั้นจะมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย และบางคนอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่ และก็พบว่าวัคซีนเข็มบูสเตอร์นั้นเพิ่มศักยภาพอย่างมากในการป้องกันการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่เกิดจากไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน โดยวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบออนเทคจำนวน 2 โดสนั้นพบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอยู่ที่ 8.8 เปอร์เซ็นต์เมื่อเวลาผ่านไปได้ 25 สัปดาห์หรือมากกว่า แต่เมื่อมีการฉีดวัคซีนในโดสที่ 3 แล้ว อัตราประสิทธิภาพจะเพิ่มไปอยู่ที่ 67.2 เปอร์เซ็นต์แต่อย่างไรก็ตามอัตราประสิทธิภาพนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 45.7เปอร์เซ็นต์เมื่อเวลาผ่านไปได้ 10 สัปดาห์
ส่วนการใช้วัคซีนบูสเตอร์ที่เป็นวัคซีนจากบริษัทโมเดอร์นา เมื่อฉีดให้กับผู้ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 โดสแรกนั้น พบว่าในช่วงเวลา 2-4 สัปดาห์หลังจากการฉีดบูสเตอร์ อัตราประสิทธิภาพการป้องกันจะอยู่ที่ 73.9 เปอร์เซ็นต์ในการป้องกันอาการป่วยเล็กน้อยที่เกิดจากโควิดสายพันธุ์โอไมครอน แต่อย่างไรก็ตามอัตราประสิทธิภาพนี้จะตกลงไปอยู่ที่ 64.4 เปอร์เซ็นต์ในช่วงหลังจาก 5-9 สัปดาห์ผ่านไป
เรียบเรียงจาก:https://www.newscientist.com/article/2237475-covid-19-news-booster-protection-against-omicron-may-wane-in-months/