‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ไลฟ์สดครั้งแรก ห่างบ้าน 4 ปี คิดถึงประชาชน สะเทือนใจเห็นคนไทยลำบาก ขอร้องรัฐบาลแก้ปัญหาของแพง-ค่าแรง
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.2565 เวลา 10.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไลฟ์สดครั้งแรก ผ่านเฟซบุ๊ก Yingluck Shinawatra ครั้งแรก โดยมีนายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ อดีตโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เป็นผู้ดำเนินรายการ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงการใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาว่า จะบอกว่าสบายดีก็คงไม่ใช่ คนเราจากบ้านเกิด จากสิ่งที่เราเคยทำมาทุกวัน ห่างบ้านห่างเมือง ไม่ได้เจอญาติพี่น้องเพื่อนฝูงหรือคนรู้จักก็คิดถึง แต่ก็ต้องทำอย่างไรให้เราดำรงอยู่ให้ได้ ทำตัวเองให้มีความสุข เพื่อคนที่รัก นั่นคือสิ่งแรกที่ต้องทำ ต้องพยายามอยู่ให้ได้ แต่ใจยังรัก คิดถึงห่วงใย ตลอดเวลา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงถึงการติดตามสถานการณ์ในประเทศ ว่า เรามาอยู่นี่เกือบ 4 ปี แต่ใจห่วงประชาชน อ่านข่าวสารตลอด เป็นห่วงเศรษฐกิจ ราคาข้าวของสินค้าแพง เงินในกระเป๋าไม่ขึ้น เป็นช่วงที่ยากลำบาก เจอภาวะโควิดเหมือนเป็นการซ้ำเติม เรารู้ว่าประชาชนไม่มีทางออก ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เราอยู่ไกล ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ได้แต่ส่งกำลังใจ หวังว่าทุกคนช่วยกันเข้มแข็ง ขอร้องรัฐบาลให้ช่วยพี่น้องประชาชน เพราะลำบากกันจริง ๆ
“ส่วนเรื่องค่าแรง รัฐบาลต้องดูแล ต้องคำนวณดูว่า ค่าใช้จ่ายวันนี้กับค่าครองชีพที่สูงขึ้นจะทำอย่างไรให้แรงงานมีเพียงพอต่อการยังชีพ รัฐต้องไปดูให้ว่า ถ้าเงินเฟ้อ ค่าครองชีพสูงขึ้น จะเพิ่มค่าแรงได้อย่างไร แต่ก็จะไม่ถาวรเท่ากับการสร้างรายได้ให้กับประเทศ เพราะจะทำให้ทุกคนมีรายได้เพิ่มขึ้น” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่าอยากเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ตอนนี้เรียกว่า หมดยุคแล้ว เป็นยุคของคนรุ่นใหม่แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะ นายกรัฐมนตรีอยู่ที่ประชาชน เราจะบอกว่าให้เอาใครมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้หรอก เพราะต้องฟังเสียงประชาชนว่าอยากให้ใครมาบริหารประเทศ ไทยเรามีคนมีความรู้ความสามารถมาก ส่วนดิฉันไม่ว่าสถานะไหนก็อยากช่วยประชาชนในฐานะประเทศไทยเป็นประเทศบ้านเกิด ตัวอยู่ที่นี่ ใจอยู่ไทยตลอดเวลา
น.ส.ยิ่งลักษณ์ เล่าย้อนถึงการเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ยากอยู่แล้ว ต้องบริหารบ้านเมืองช่วงความขัดแย้ง ช่องว่างระหว่างคนรวยคนจนก็เยอะ แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และต้องทำอย่างไรให้ไทยเป็นผู้นำภูมิภาคอาเซียน พอเป็นหญิงก็ลำบากกว่า เพราะความคาดหวังเยอะ บางทีไปมองเรื่องเพศหญิง ทำไม่ได้ อ่อนแอ ก็ต้องอดทน ทำงานหนักเป็น 2 เท่า พิสูจน์ว่าเราทำได้และอดทน ความเป็นหญิงไม่ได้ทำให้งานลดน้อยถอยลง
เมื่อถามว่าหากเจอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ยังคุยได้อยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า “ต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เจอหน้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังคุยกันได้อยู่หรือไม่”
ทั้งนี้ เมื่อผู้ดำเนินการรายการกล่าวต่อว่า “พูดชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดี๋ยว พล.อ.ประยุทธ์ จะอารมณ์เสียอีก” ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หัวเราะแล้วตอบทันทีว่า “นั่นสิ เปลี่ยนเรื่องก็ได้นะ แต่แฟนคลับอาจจะไม่ถูกใจ บอกว่าอยากคุยเรื่องนี้ต่อ”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังตอบคำถามที่เกี่ยวกับเยาวชนกับบทบาทการเมืองไทยด้วยว่า ต้องถามก่อนว่าสนใจเป็นนักการเมืองหรือสนใจเรื่องการเมือง เพราะมันต่างกัน การสนใจเป็นนักการเมืองก็คุยกันอีกยาว แต่ถ้าสนใจการเมืองเป็นเรื่องที่ถูกต้อง คนรุ่นใหม่มีความรู้ มีความเข้าใจ เห็นอะไรเยอะ ได้รับข้อมูลข่าวสารเยอะ เขาอยากจะเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดี แล้วก็มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นเพื่ออนาคตของเขา แล้วเราในฐานะผู้ใหญ่ก็ควรรับฟัง
อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า วันนี้ได้หายคิดถึง มีโอกาสได้พูดได้บอกความรู้สึกตัวเองกับแฟนคลับ จริงๆ สิ่งที่จะบอกก็คือ วันนี้ไม่ได้อยู่บ้านเกิดมา 4 ปีแล้ว เป็นปกติที่เราต้องคิดถึงกัน เหมือนเพลงพี่เบิร์ด (ธงไชย แมคอินไตย์) ชื่อเพลงเล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าฝนจะตกที่ไหน คนทางนี้ก็ต้องคิดถึง ต้องอยากรู้เรื่องราว ถ้าบ้านเราทุกข์ยากลำบากอะไร คนทางนี้ ทั้งดิฉัน และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็สะเทือนใจ เป็นห่วง นี่คือสิ่งที่อยากจะบอกทุกคน
“ฝนตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้เหมือนกัน แม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่เป็นกำลังใจ และการอยู่เคียงข้างทุกคน เราจะไม่มีวันลืม ความคิดถึงบอกกันทุกวัน แล้วหวังว่าวันหนึ่ง เราจะได้มีโอกาสที่ประเทศไทยจะลืมตาอ้าปาก มีรายได้ที่ดี ดิฉันเองขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว