ป.ป.ช.ชี้มูล 157 อดีต ผอ.กองการศึกษา อบจ.ยโสธรใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ รองนายกฯอบจ. คนอนุมัติโดนหางเลขด้วย -ยื่นเรื่อง อสส.ฟ้องศาลทุจริตแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2565 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติประจำจังหวัดยโสธร (ป.ป.ช.ยโสธร) ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นายรุ่งรัก ลูกบัว ผู้อำนวยการกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กับพวก ใช้รถหลวงไปตีกอล์ฟ ไป-กลับ บ้านพัก
ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติแต่งตั้งคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงเรื่องกล่าวหา นายรุ่งรัก ลูกบัว ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบจ.ยโสธร กับพวก กรณี นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ในการเดินทางไป - กลับ ระหว่างบ้านและที่ทำงาน และนำรถยนต์ของทางราชการไปตีกอล์ฟ
ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558 นายรุ่งรัก ลูกบัว ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อนายสถิรพร นาคสุข นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงเดือนมีนาคม 2559 ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรเพื่อขออนุญาตนำรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน กค 7127 ยโสธร ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตน บ้านเลขที่ 11 หมู่ที่ 3 ตำบลทรายมูล อำเภอทรายมูล จังหวัดยโสธร และได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทางไป - กลับ ระหว่างบ้านพักและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร โดยไม่เคยนำรถยนต์มาจอดเก็บรักษาไว้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าวไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟกรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา พฤติกรรมของนายรุ่งรัก ลูกบัว จึงเป็นการนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบสำหรับนายสถิรพร นาคสุข และนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ ได้อนุมัติให้นายรุ่งรัก ลูกบัว นำรถยนต์ของทางราชการไปเก็บรักษาไว้ที่บ้านพัก และใช้เป็นพาหนะในการขับขี่ ไป-กลับ ระหว่างบ้านพักและที่ทำงาน และสนามกอล์ฟ การกระทำของบุคคลทั้ง 2 รายดังกล่าว จึงได้กระทำไปโดยเอื้อให้นายรุ่งรัก ลูกบัว ได้ใช้รถยนต์ของทางราชการนำไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ดังกล่าว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่า
1..การกระทำของนายรุ่งรัก ลูกบัว มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2562 มาตรา 192 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ทั้งนี้ ในส่วนของคดีอาญา อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด ส่วนมูลความผิดทางวินัย ได้มีคำสั่งขององค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร ได้สั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562
2. การกระทำของนายสถิรพร นาศสุข และนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ มีมูลความผิดอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 /1 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192
ทั้งนี้ ในส่วนของคดีอาญา อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด ส่วนมูลความผิดทางวินัย ได้มีคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ 1206/2564 ให้นายสถิรพร นาคสุข พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ 1 ส.ค. 2555 - 26 ต.ค. 2563 และนายพงษ์ศิริ เหมือนชาติ พ้นจากตำแหน่งตั้งแต่ 15 ส.ค. 2555 - 26 ต.ค. 2563
ด้านนายอดุลย์ วันดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดยโสธร กล่าวว่า เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญยิ่งและเป็นบทเรียนสำหรับผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในพื้นที่จังหวัดยโสธรที่จะต้องสอดส่องดูแลการช้รถยนต์ราชการ ให้เป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย และใช้ในราชการเท่านั้น หากนำไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตน ถือว่าเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม หรือผลประโยชน์ทับซ้อน ก็อาจต้องถูกดำเนินคดีอย่างเช่นคดีนี้ ซึ่งผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จึงขอแจ้งเตือนมาด้วยความห่วงใย มิให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีก และเป็นการเสริมสร้างความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน โดยไม่นำเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุดผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด