‘สมาคมพ่อค้าฯ’ เตรียมยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งฯ ขอให้เพิกถอนคำพิพากษาขับไล่ออกจากที่ดิน ‘ถนนราชบพิธ’ หลังมีหลักฐานใหม่ อ้าง ‘หอการค้าไทย’ เปลี่ยนชื่อเจ้าของโฉนดที่ดิน 3 แปลง มูลค่า 2 พันล้านบาท ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
..................................
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นายสมพล จินตรุ่งเรืองชัย นายกสมาคมพ่อค้าไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯอยู่ระหว่างเตรียมการยื่นฟ้อง หอการค้าไทย ต่อศาลแพ่งฯ เพื่อขอให้ศาลฯมีคำสั่งเพิกถอนคำพิพากษาเมื่อปี 2559 ที่ให้ขับไล่สมาคมพ่อค้าไทยฯออกจากตึกที่ทำการของสมาคมฯ ซึ่งตั้งอยู่บนโฉนดที่ดิน 3 แปลง เลขที่ 704, 705 และ 706 เนื้อที่รวม 4 ไร่ 2 งาน ถนนราชบพิธ แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ
เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ที่บ่งชี้ว่า หอการค้าไทย ไม่ใช่ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 3 แปลง ขณะที่การขีดฆ่าหรือแก้ไขชื่อในสารบัญโฉนดที่ดินเลขที่ 704, 705 และ 706 จาก สมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็น หอการค้าไทยนั้น เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2559 ที่ผ่านมา ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้สมาคมพ่อค้าไทยฯ ย้ายออกจากที่ดินทั้ง 3 แปลง หลังจาก หอการค้าไทย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฯให้ขับไล่สมาคมพ่อค้าไทยฯ ออกจากที่ดินดังกล่าว เนื่องจากสมาคมพ่อค้าไทยฯ ค้างจ่ายค่าเช่าเป็นเงินหลายแสนบาท ทั้งนี้ หอการค้าไทย อ้างหลักฐานเป็นโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง ที่ระบุว่า หอการค้าไทย เป็นเจ้าของโฉนดที่ดินเนื้อที่รวม 4 ไร่ 2 งาน บริเวณถนนราชบพิธ มูลค่า 2,000 ล้านบาท
สำหรับพยานหลักฐานใหม่ที่สมาคมพ่อค้าฯจะยื่นต่อศาลฯ ได้แก่ หลักฐานที่ระบุว่า การที่ หอการค้าไทย เปลี่ยนชื่อเจ้าของโฉนดที่ดินจาก สมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็น หอการค้าไทย นั้น เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมาย และยังมีบันทึกการประชุมของสมาคมพ่อค้าไทยฯ ที่ระบุว่า สมาคมพ่อค้าไทยฯมีมติให้กรรมการไปจัดทะเบียนก่อตั้ง สมาคมหอการค้ากรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทั้ง 3 แปลง ดังนั้น สมาคมพ่อค้าไทยฯจึงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทั้ง 3 แปลงด้วย
(สมพล จินตรุ่งเรืองชัย)
นายสมพล กล่าวว่า สมาคมพ่อค้าไทยฯก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2476 โดยกลุ่มพ่อค้าที่มีฐานะมั่งคั่ง ต่อมาในปี 2489 สมาคมพ่อค้าไทยฯ มีมติมอบหมายให้กรรมการของสมาคมฯไปจดทะเบียนจัดตั้ง ‘สมาคมหอการค้ากรุงเทพ’ หรือต่อมาคือ ‘สมาคมหอการค้าไทย’ ขณะที่ในช่วงปี 2490 สมาคมหอการค้ากรุงเทพ ได้เข้าซื้อที่ดิน 3 แปลง (โฉนดที่ดินเลขที่ 704, 705 และ 706) และใช้เป็นที่ตั้งของ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ และสมาคมพ่อค้าไทยฯ เลขที่ 150 ถนนราชบพิธ
อย่างไรก็ตาม ต่อมาในปี 2509 รัฐบาลได้ตรา พ.ร.บ.หอการค้า พ.ศ.2509 และมีการจัดตั้ง หอการค้าไทย ขึ้น ส่งผลให้ ‘สมาคมหอการค้ากรุงเทพ’ หรือ ‘สมาคมหอการค้าไทย’ ต้องสิ้นสภาพการเป็นสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่หลังจากสมาคมหอการค้าไทยสิ้นสภาพไปแล้ว ไม่พบว่ามีการโอนทรัพย์สิน โดยเฉพาะที่ดินทั้ง 3 แปลง ของสมาคมหอการค้าไทย (สมาคมหอการค้ากรุงเทพ) ไปเป็นกรรมสิทธิ์ของ หอการค้าไทย แต่อย่างใด
แต่ปรากฎว่า ในวันที่ 14 ส.ค.2545 หอการค้าไทย ส่งตัวแทนเข้ายื่นเรื่องต่อสำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ ขอให้แก้ไขชื่อเจ้าของโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง จาก สมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็น หอการค้าไทย และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แก้ไขชื่อผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็น หอการค้าไทย ในวันเดียวกัน
ขณะที่ สมาคมพ่อค้าไทยฯ ได้ยื่นคัดค้านการแก้ไขชื่อในโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง เพราะเห็นว่า สมาคมหอการค้ากรุงเทพ และ หอการค้าไทย เป็นคนละนิติบุคคลกัน และมีวัตถุประสงค์ต่างกัน จึงไม่สามารถสามารถนำมาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.หอการค้า พ.ศ.2509 มาบังคับใช้ได้ แต่ สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ ไม่เห็นด้วยกับสมาคมพ่อค้าฯ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมาย สำนักงานที่ดินกรุงเทพฯ จึงยื่นเรื่องไปยัง สำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ขอให้พิจารณาเรื่องดังกล่าว
กระทั่งต่อมาในเดือน ส.ค.2559 สำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน มีความเห็นว่า การที่ หอการค้าไทย ยื่นแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้ง 3 แปลง เป็นการจดทะเบียนแก้ไขโดยไม่ถูกต้องตรงความเป็นจริง และเห็นควรให้ดำเนินการเพิกถอนการจดทะเบียนแก้ไขชื่อดังกล่าว เพื่อให้โฉนดที่ดินเป็นชื่อ สมาคมหอการค้ากรุงเทพ เป็นผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินตามนัยมาตรา 61 วรรคหนึ่งแห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
นายสมพล กล่าวต่อว่า หลังจากสมาคมพ่อค้าฯแพ้คดีฟ้องขับไล่ที่ดินในช่วงต้นปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่สำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน จะมีความเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินทั้ง 3 แปลงในเดือน ส.ค.2559 นั้น สมาคมฯไม่ได้มีความเคลื่อนไหวอะไร เนื่องจากการทำงานของกรรมการสมาคมฯไม่ค่อยเป็นเอกภาพมากนัก แต่เมื่อสมาคมฯได้กลับมามีเอกภาพแล้ว ประกอบกับตนและกรรมการฯ มีนโยบายจะฟื้นฟูสมาคมฯอีกครั้ง จึงได้ดำเนินการเรื่องนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับที่ดินพิพาททั้ง 3 แปลง (โฉนดที่ดิน 3 แปลง เลขที่ 704, 705 และ 706) ดังกล่าว มีสมาคมที่เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างน้อย 3 สมาคม ได้ สมาคมพ่อค้าไทย ,หอการค้าไทย และสมาคมหอการค้ากรุงเทพ ซึ่งนอกจากคดีที่ หอการค้าไทย ฟ้องขับไล่ สมาคมพ่อค้าไทย ออกที่ดินทั้ง 3 แปลงแล้ว
เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2563 ที่ผ่านมา พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ในฐานะสมาชิกสมาคมหอการค้ากรุงเทพ ได้ร่วมกับคณะกรรมการชั่วคราวของสมาคมหอการค้ากรุงเทพ เช่น น.ส.วิจิตติพร อภิบาลภูวนาถ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง หอการค้าไทย ต่อศาลแพ่งฯ โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งเพิกถอนการขีดฆ่าหรือแก้ไขชื่อในสารบัญโฉนดที่ดินเลขที่ 704, 705 และ 706 ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น