อธิบดีปศุสัตว์รับนโยบายนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมสั่งการด่วนทุกพื้นที่กวดขันเข้มมาตรการควบคุมโรค พร้อมประสานงานทุกภาคส่วน เร่งเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรโดยลดผลกระทบให้น้อยที่สุด ด้าน 'ประภัตร' เชื่อมีปัจจัยอื่นแทรกทำหมูแพง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2565 น.สพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศพบโรค ASF ในสุกร ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยอย่างมากได้เรียกประชุมด่วนเพื่อเร่งแก้ปัญหาโรคระบาดหมู โดยได้มอบนโยบายให้กรมปศุสัตว์เร่งตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรเจ้าของฟาร์มผู้เสียหายให้ครอบคลุมทั้งรายย่อยและรายใหญ่ โดยให้ประสานความร่วมมือไปยังกระทรวงมหาดไทย องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ และให้กรมปศุสัตว์ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพการเลี้ยงสุกร ทั้งโรงฆ่าสัตว์ และเขียงหมูโดยเร็ว รวมทั้งให้ปศุสัตว์จังหวัดและสัตวแพทย์ ติดตามพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคเพื่อเร่งสอบสวนหาสาเหตุเพื่อควบคุมโรคได้โดยเร็ว และให้เพิ่มช่องทางและเน้นการประชาสัมพันธ์สื่อสารข้อมูลเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงหมู รวมทั้งการช่วยเหลือเยียวยาเกษตรกรผู้เสียหาย เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายแก่เกษตรกรและอุตสาหกรรมการผลิตสุกรให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด นั้น
กรมปศุสัตว์เร่งดำเนินการทันทีตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ได้ประชุมด่วนทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากประชุมกับนายกรัฐมนตรีในวันนี้ (14 ม.ค.65) ทันที ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศผ่านระบบออนไลน์ ประกอบด้วยสำนักงานปศุสัตว์เขต 1-9 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกจังหวัด ด่านกักกันสัตว์ สำนักควบคุม ป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ กองสารวัตรและกักกัน สำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ สำนักพัฒนาพันธุ์สัตว์ สำนักพัฒนาอาหารสัตว์ สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ เป็นต้น เพื่อเร่งดำเนินการตามนโยบายนายกรัฐมนตรีและดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรคของกรมปศุสัตว์อย่างเคร่งครัด
โดยได้สั่งการให้ทุกเขตและจังหวัดจัดตั้ง WARROOM เพื่อสื่อสารข้อมูลกับประชาชนและรายงานการดำเนินงานทุกวันต่อผู้บริหารอย่างทันท่วงที ทุกพื้นที่ให้การบังคับใช้กฎหมายในการควบคุมป้องกันและการเคลื่อนย้ายสัตว์ต้องโปร่งใส ไม่มีการสร้างเงื่อนไข และให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นหลัก ไม่สร้างความเดือดร้อนหรือภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มแก่เกษตรกร สำรวจการขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูและปริมาณหมูที่คงเหลือในระบบ พร้อมทั้งสำรวจปริมาณความต้องการประชาชนต่อการบริโภคและใช้เนื้อหมูในประเทศ รวมทั้งปริมาณการส่งออก เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์บริหารจัดการแก้ไขปัญหาความต้องการสุกรทั้งระบบ ให้ศึกษาการเพิ่มผลผลิตสุกรแม่พันธุ์และลูกหมูในระบบการเลี้ยงที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพและการช่วยเหลือบริการเกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยและรายเล็ก การช่วยเหลือด้านอาหารสัตว์และศึกษาวิจัยด้านอาหารสัตว์เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิต การร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น พาณิชย์ในการตรวจสอบห้องเย็น เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง การรายงานโรคตามระบบรายงานโรคระบาดในสุกรให้ดำเนินการตามมาตรการที่แจ้ง โดยจังหวัดที่พบโรคให้รีบรายงานแจ้งไปยังผู้ว่าราชการและส่วนกลางทันที บูรณาการกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อสอบสวนโรคทางระบาดวิทยาและหาสาเหตุเพื่อควบคุมโรคโดยเร็ว ทำการประเมินความเสี่ยงและการตรวจสอบให้แน่ใจว่าปลอดเชื้อโรค ASF ในสุกรก่อนทำการลงเลี้ยงรอบใหม่
สิ่งสำคัญที่สุดคือการผลักดันให้เกษตรกรผู้เลี้ยงรายย่อยทำการเลี้ยงโดยปรับปรุงฟาร์มให้มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นการป้องกันโรคเข้าฟาร์มได้ดีที่สุดเนื่องจากโรคนี้ไม่มีวัคซีนและยารักษาที่จำเพาะ โดยทำฟาร์มที่มีระบบการป้องกันโรคและการเลี้ยงสัตว์ที่เหมาะสม (GFM: Good Farming Management) เพื่อเป็นการลดความเสียหายสามารถป้องกันการเกิดโรคได้และเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเพื่อยกระดับเป็นฟาร์มที่มีการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) และการรายงานผลตรวจโรคหากตรวจพบผลบวกต่อเชื้อ ASF ในสุกรให้ในใบรายงานผลเพิ่มข้อแนะนำและมาตรการดำเนินการให้เกษตรกรทราบเพื่อจะได้ดำเนินการได้ถูกต้องเพื่อลดความเสียหายจากการแพร่กระจายโรคด้วย
ทั้งนี้ ขอย้ำให้ทุกเขตทุกจังหวัดทำการสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรรายย่อยให้ปรับปรุงฟาร์มให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการป้องกันโรค หากพบโรคให้จังหวัดรายงานและดำเนินการสอบสวนทันทีถ้าไม่ทำตามจะถือว่ามีความผิดละเลยการปฏิบัติงานในหน้าที่ การปฏิบัติงานและการรายงานของ WARROOM ในทุกเขตและจังหวัดให้ดำเนินการทุกวันไม่เว้นแม้ในวันหยุดราชการและเสาร์-อาทิตย์จนกว่าสถานการณ์โรคจะคลี่คลาย พร้อมเร่งช่วยเหลือเยียวยาให้บริการเกษตรกรและจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียหายจากการทำลายสุกรเพื่อป้องกันโรคโดยเร็ว โดยขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ การดำเนินงานทุกอย่างให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชน ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นสำคัญ อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวทิ้งท้าย
'ประภัตร' เชื่อมีปัจจัยอื่นแทรกทำหมูแพง
ในวันเดียวกันนี้ นายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าต้นเหตุที่ราคาเนื้อสุกรมีราคาแพงขึ้นนั้น เกิดจากการเกิดการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) จึงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ปี 2564 มีลูกสุกรเข้าคอกเลี้ยงเฉลี่ยราว 350,000 ตัว ซึ่งปัจจุบันปริมาณลูกสุกรเข้าเลี้ยงก็ยังคงมีตัวเลขใกล้เคียงกัน อีกทั้งยังมีจำนวนสุกรที่เข้าโรงเชือดที่มีปริมาณคงที่มาโดยตลอด จึงเป็นที่น่าสนใจว่าเหตุใดราคาเนื้อสุกรจึงมีราคาแพงขึ้น โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญอาจมาจากการกักตุนสินค้าในช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว จึงได้ประสานงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม กรณีการพบการระบาดของโรค ASF นั้น กรมปศุสัตว์จะจัดตั้งวอร์รูมขึ้นทั่วประเทศ เพื่อสแกนพื้นที่เสี่ยงในการเกิดโรคระบาด ASF พร้อมเข้าช่วยเหลือผู้เลี้ยงสุกร โดยเฉพาะรายเล็กและรายย่อย ในการยกระดับมาตรการควบคุมป้องกันโรคอย่างเข้มข้น ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้จะมีอาสาปศุสัตว์เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
"ขอยืนยันว่าหากตรวจพบการเกิดโรค ASF กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ จะเร่งเข้าควบคุมโรคโดยทันที ภายใต้มาตรการต่าง ๆ อย่างรัดกุม และจำกัดวงเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรน้อยที่สุด" นายประภัตร กล่าว