กทม.ผวาโอไมครอน หลังยอดพุ่ง ปรับรูปแบบการเรียนการสอนโรงเรียนชั้นมัธยมศึกษา 109 แห่งเป็นออนไลน์ เริ่ม 7-16 ม.ค. 2565 พร้อมเตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 12 ปี อีก 1.6 หมื่นภายใน ม.ค. ขณะที่ ก.พ.ให้กลุ่มอายุ 5-11 ปี ตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2565 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ในประเทศไทย ที่พบว่าผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด และความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครู และบุคลากรทางการศึกษา สำนักการศึกษา กทม. จึงปรับรูปแบบการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาในสังกัด 109 โรงเรียน จากรูปแบบ ON-SITE เป็นรูปแบบการเรียนการสอนแบบ ONLINE ตั้งแต่วันที่ 7-16 ม.ค. 2565 หรือจนกว่าสถานการณ์มีแนวโน้มดีขึ้น
โดยกำหนดแผนและแนวทางการจัดการเรียนการสอนให้เหมาะสมตามบริบทของแต่ละโรงเรียน รวมถึงประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดในพื้นที่และคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากรุงเทพมหานครเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ได้เตรียมความพร้อมในการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (Pfizer) ให้แก่นักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษากลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปที่ยังไม่ได้รับวัคซีน จำนวน 16,391 คน ในเดือน ม.ค.2565 และกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี ในเดือน ก.พ. 2565 โดยให้สำนักอนามัยดำเนินการตามแนวทางที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้อนุมัติขยายขอบเขตข้อบ่งใช้ของวัคซีน สำหรับกลุ่มเด็กอายุ 5-11 ปี จากเดิมที่ให้มีการฉีดได้ในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้น โดยการฉีดวัคซีนไฟเซอร์แก่เด็กอายุ 5-11 ปี ฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อและลดปริมาณวัคซีนลงเหลือ 10 ไมโครกรัม หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนที่ฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยเว้นระยะห่าง 21 วัน จากเข็มที่ 1 เพื่อฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งการฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี จะต้องเป็นไปตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครองต้องให้การยินยอม