เผยคำพิพากษาศาลฎีกา ตัดสินให้ 'วัชราภรณ์ คำบุญเรือง' อดีตเจ้าพนักงานธุรการ อบจ.ชัยภูมิ พ้นผิดไม่ต้องรับโทษจำคุก 5 ปี คดีปกปิดสอบราคาโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ขณะที่ ศาลปค.สูงสุด ยืนให้เพิกถอนคำสั่งไล่ออก ได้เงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 111,894.16 บาท กลับเข้ารับราชการตามเดิม
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เคยนำเสนอข่าวในช่วงเดือนเมษายน 2558 ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดทางวินัย นางวิภาภรณ์ ปิ่นมณี ผู้อำนวยการกองพัสดุและทรัพย์สิน องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ชัยภูมิ และ น.ส.วัชราภรณ์ คำบุญเรือง เจ้าพนักงานธุรการ 3 (ปฏิบัติหน้าที่พัสดุ) อบจ.ชัยภูมิ กรณีมีพฤติการณ์ปกปิดการสอบราคาโครงการก่อสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านกวางโจน ต.กวางโจน หมู่ที่ 18 ถึงบ้านฉนวน หมู่ที่ 2 ต.บ้านดอน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เพื่อมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอรายใดมีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดวินัยไม่ร้ายแรงแก่ นางวิภาภรณ์ ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความเจริญก้าวหน้าแก่ราชการ และมีมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง น.ส.วัชราภรณ์ ฐานทุจริตต่อหน้าที่ และความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิด หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 161
ทั้งนี้ ป.ป.ช. มีหนังสือถึงอัยการสูงสุด (อสส.) ให้ดำเนินคดีอาญา น.ส.วัชราภรณ์ และมีหนังสือถึงนายก อบต.ชัยภูมิ ขอให้พิจารณาโทษทางวินัยแก่บุคคลทั้งสอง
ขณะที่ อบจ.ชัยภูมิ พิจารณาลงโทษทางวินัยให้ภาคทัณฑ์ นางวิภาภรณ์ และลงโทษไล่ออกจากราชการ น.ส.วัชราภรณ์ แล้ว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการติดต่อจากตัวแทน นางวัชราภรณ์ คำบุญเรือง ว่าเกี่ยวกับคดีความกรณีของนางวัชราภรณ์ ที่ถูกไล่ออกจากราชการเพราะกระทำการทุจริต คดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดแล้วทั้งคดีอาญา (คำพิพากษาฎีกาที่ 6807/2561 ) และคดีปกครอง (ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีแดงที่ อบ 42/2564) ที่ตัดสินให้นางวัชราภรณ์ พ้นผิดไม่ต้องรับโทษจำคุก 5 ปี และให้เพิกถอนคำสั่งไล่ออก ได้เงินชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 111,894.16 บาท และกลับเข้ารับราชการตามเดิมแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 ศาลฎีกา มีคำพิพากษายกฎีกาของอัยการจังหวัดชัยภูมิ ในฐานะโจทก์ที่ยื่นฟ้องคดีนี้ หลังจากที่ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 จำคุก 5 ปี
ต่อมาศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 เนื่องจากพิจารณาหลักฐานแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พฤติการณ์ของ จำเลย ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด ยังมีคำพิพากษาในคดีที่นางวัชราภรณ์ ฟ้องคดีต่อ นายกอบต.ชัยภูมิ เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการข้าราชการ อบจ.ชัยภูมิ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 อบจ.ชัยภูมิ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 กรณีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากคำสั่งทางปกครอง
ศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษายืน และเห็นพ้องด้วยในการที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาเพิกถอนคำสั่ง อบจ.ชัยภูมิ ที่ลงโทษไล่ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการตามมติของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. เพิกถอนมติของคณะกรรมการข้าราชการ อบจ.ชัยภูมิ ที่ยกอุทธรณ์ของผู้ฟัองคดี โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่ออกคำสั่งและมติดังกล่าวและให้ อบจ.ชัยภูมิ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ฟ้องคดี เป็นเงิน 1,876.62 บาท และดอกเบี้ยผิดนัดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินเดือน ๆ ละ 17,880 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่า นายกอบต.ชัยภูมิ จะออกคำสั่งให้ผู้ฟ้องคดี กลับเข้ารับราชการ ทั้งนี้ ให้ชำระเงินดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ คืนค่าธรรมเนียมศาลในอัตราร้อยละ 2 ของจำนวนเงิน 111,894.16 บาท ที่มิใช่ทุนทรัพย์ในคดีนี้ และคืนค่าธรรมเนียมศาลตามส่วนของการชนะคดีให้แก่ผู้ฟ้องคดีคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางหรือวิธีการดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาว่า เมื่อศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าวให้สิ้นผลแล้ว นายกอบต.ชัยภูมิ และ คณะกรรมการข้าราชการ อบจ.ชัยภูมิ มีหน้าที่ตามกฎหมายที่จะต้องดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีได้กลับเข้ารับราชการในสังกัดอบจ.ชัยภูมิ ดังเดิมและดำเนินการให้ผู้ฟ้องคดีได้รับเงินเดือนและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ผู้ฟ้องคดีถูกไล่ออกจากราชการจนถึงวันก่อนวันที่ผู้ฟ้องคดีกลับเข้ารับราชการ