นายกรัฐมนตรีขอร้องม็อบจะนะ อย่ามาชุมนุม ยันไม่สามารถยกเลิกโครงการได้ จ่อนำเข้าหารือ ครม.พรุ่งนี้ ย้ำพร้อมรับฟังความคิดเห็น สั่งทบทวนเพิ่มการมีส่วนร่วม ดักคอคนไม่เกี่ยวข้อง อย่าเข้ามาสร้างความวุ่นวาย ทางม็อบพร้อมเครือข่ายเดินขบวนมุ่งสู่ทำเนียบ ยันไม่ถอย แม้เจอ คฝ.ตรึงกำลังขวาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา ว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่ จะนำเข้าสู่ความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค. 2564) โดยมีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เป็นประธานคณะกรรมการ เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการดำเนินการขยายผลโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต หรือนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา เพื่อจะนำเอาปัญหาต่างๆ มาสู่กระบวนการการแก้ปัญหา ซึ่งมติ ครม.ไม่สามารถที่จะให้ทำนั่นทำนี่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการทำประชาพิจารณ์ การจัดให้มีการศึกษาผลกระทบในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA และประเมินผลต่างๆ โดยต้องกลับมาทบทวนใหม่ทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ดังนั้น จะต้องเป็นเคสตัวอย่างเคสหนึ่งในการทำอะไรต่างๆ ก็ตาม ที่ทำตามนโยบายรัฐบาล ซึ่งเจตนารมณ์ของรัฐบาลคือ ต้องการให้พรรคใต้ของเรามีรายได้ที่ดีขึ้น มีกิจการกิจกรรมต่างๆ เพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของขั้นตอนการดำเนินการที่ยังมีปัญหาอยู่ก็ต้องมาทบทวนใหม่ โดยเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนมากยิ่งขึ้น จึงอยากขอร้องกันว่าอย่าชุมนุมกันอีกเลย รัฐบาลก็รับมาพิจารณาให้แล้ว และจะดำเนินการให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชน
“แต่จะบอกว่าให้ยกเลิกเลย อย่างนี้มันไม่ได้ เพราะมีกฎหมายหลายตัวที่เกี่ยวข้องอยู่ ทั้งในเรื่องการทำประชาพิจารณ์ การทำ SEA การปรับพื้นที่สีเขียว สีม่วง ต่างๆ ซึ่งมีกฎหมาย และกระบวนการของเขาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ครม.สั่งไม่ได้ ก็มีแต่เพียงว่าต้องกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ไปทำให้ถูกต้อง ตรงกับความต้องการของพื้นที่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องของที่ดินจะถูกหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของจะต้องไปตรวจสอบกันอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเอามาพันทั้งหมด ก็จะไม่สามารถแก้อะไรได้สักอัน ยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้เดินหน้าไปสู่ความต้องการของประชาชน ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยก็ต้องไปดู
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่อยากให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาสนับสนุนให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้นเอง กระบวนการทำได้อยู่แล้วก็ขอให้เชื่อมั่น และตนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่ได้หยุดคิดมาเลยหลายวันที่ผ่านมา
“แต่ที่ยังไม่พูดเพราะต้องการให้คนของเราได้ไปเช็กและไปตรวจสอบ อย่างวานนี้ (11 ธ.ค. 2564) ก็ได้ส่งรองนายกฯ สุพัฒนพงษ์ ไปพูดคุยกับแกนนำมาแล้ว ในชั้นต้นก็ได้ทำความเข้าใจกันดีขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือ การให้ข้อมูลข่าวสารต้องรวดเร็ว และทั่วถึง วันนี้มีการตรวจสอบจากรายงานด้วยกัน ทั้งกรรมการสิทธิมนุษยชน เจ้าพนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินต่างๆ ก็ได้มีคำชี้แจงออกมาแล้ว และจะมีการหารือกันใน ครม.วันพรุ่งนี้” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ทางด้านเครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่น ได้ประกาศเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล พร้อมด้วยกลุ่มกิจกรรมทางการเมือง อาทิ กลุ่มทะลุฟ้า กลุ่มโรนินฝั่งธน และเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี อีกทั้งเครือข่ายภาคประชาชนมาสมทบร่วม 150 คน จากสมาพันธ์สมาคมประมงพื้นบ้าน, SAVE นาบอน กพ.อปช.ภาคใต้ รักษ์โตนสะตอ พัทลุง และ สมาคมเอกชนสอนศาสนาอิสลามภาคใต้ และยังมีอีกหลายเครือข่ายที่แจ้งว่าจะตามมาสมทบ เช่นสมาพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เครือข่ายประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และภาคี SAVEบางกลอย เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่มวลชนชาวจะนะเริ่มตั้งขบวนเตรียมเดินเท้าจากหน้า ยูเอ็น ถนนราชดำเนินนอกมุ่งหน้าทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เกือบ 100 นาย ทำการปิดกั้นการจราจรบริเวณแยกมัฆวานรังสรรค์
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลนางเลิ้ง ได้เข้ามาเจรจา และแจ้งถึงพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ห้ามใช้ถนนราชดำเนิน และขอให้มวลชนอย่าฝ่าแนวกั้นเข้าไปที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะจะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมขอให้ใช้เส้นทางอื่นแทน ทางมวลชนได้ต่อรองว่าเส้นทางที่เจ้าหน้าที่แจ้ง เป็นการเดินทางที่ไกลว่าเส้นทางเดิม จึงขอให้เปิดทางได้หรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเข้าใจแต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย
จากนั้น ทางแกนนำได้ประกาศเดินขบวนไปข้างหน้า ผ่านสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไปทางกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อยืนยันว่าจะไปทำเนียบฯ และขอให้เจ้าหน้าที่เปิดทาง แต่เจ้าหน้าที่ยังคงตั้งแนวไม่ยอมเปิดเส้นทาง
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ชาวบ้านจึงตัดสินใจนั่งบนถนน ต่อหน้าตำรวจแทน ส่วนแกนนำได้ประกาศถึงสาเหตุที่เดินทางมาที่กรุงเทพมหานคร เพราะพี่น้องจะนะมาเพื่อทวงสัญญากับการยุติโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จ.สงขลา หรือ 'เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต' โดยไม่ได้มาทะเลาะกับตำรวจ แต่ต้องการรักษาทะเลและแหล่งอาหารของประเทศ อีกทั้งยังสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศ ดังนั้นทางกลุ่มจะไม่ท้อถอย และจะเดินหน้าต่อ เพื่อให้รู้ว่ารัฐบาลนี้ผิดสัญญา ไร้สัจจะกับชาวบ้าน
เวลาประมาณ 15.30 น. แกนนำได้ประกาศให้ตำรวจเปิดเส้นทางอีกครั้ง และขอให้มวลชนยืนขึ้นก้าว 3 ก้าว เพื่อกดดันเจ้าหน้าที่ให้เปิดเส้นทาง เพราะเป้าหมายคือการเดินทางไปทำเนียบในวันนี้ให้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังมีท่าทีนิ่งเฉย ต่อมาแกนนำจึงประกาศเปลี่ยนแผนไปใช้เส้นทางผ่านหน้าวัดโสมนัสราชวรวิหาร แยกนางเลิ้ง และแยกเทวกรรม แทนการเดินทางผ่านกระทรวงศึกษาธิการ และเดินขบวน โดยมี ไครียะห์ ระหมันยะ หรือสมญานามว่า 'ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ' นำขบวน
“วันนี้เรามาทวงสัญญาที่เคยให้กับพวกเรา พี่น้องจะนะผิดตรงไหน แผ่นดินของเรา แม่น้ำของเรา เรามาทวงคืนสิทธิของเรา พี่น้องไม่ได้เป็นศัตรูกับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็อย่ามาเป็นศัตรูกับพวกเรา เราเดินทางมาทำเนียบเพราะคนในทำเนียบเคยทำสัญญาไว้กับพวกเรา และคนในทำเนียบเช่นกันที่สร้างปัญหาให้กับพวกเราที่อุ้มนายทุน ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะแย่งพื้นที่ของเรา เราได้มาถึงทำเนียบในวันที่ 6 ธันวาคมไม่ถึง 5 ชั่วโมง ทำไมหรือครับ คนจะนะไม่มีสิทธิ์นั่งหรือ คนจะนะจ่ายภาษีให้กับพวกท่าน ไม่มีสิทธิ์นั่งหน้าบ้านของท่านหรือครับ” ตัวแทนชาวจะนะ กล่าว