'WHO' เตือนคนแก่อายุมากกว่า 60 ปี มีปัจจัยเสี่ยง ยังไม่ฉีดวัคซีนควรเลื่อนเดินทางไป ตปท. เสี่ยงติดเชื้อโอไมครอน แนะเดินทางไป ตปท.ทำได้ แต่นักเดินทางต้องระวัง ด้านโมเดอร์นาคาดอาจต้องเปลี่ยนวัคซีนรับมือโอไมครอน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสว่าองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกประกาศเตือนว่าบุคคลที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปและยังได้รับการฉีดวัคซีนหรือว่ายังเคยเป็นโควิด-19 ก่อนหน้านี้นั้นควรจะหลีกเลี่ยงจากการเดินทางไปยังพื้นที่การแพร่เชื้อในชุมชนสูง โดยระบุถึงกรณีการระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอบซึ่งถูกกำหนดให้เห็นไวรัสสายพันธุ์อันน่ากังวล
ทั้งนี้ในแถลงการณ์ของ WHO ยังได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการการห้ามการเดินทางซึ่งถูกประกาศใช้โดย 56 ประเทศด้วยว่าการเดินทางไปต่างประเทศเพื่อภารกิจที่จำเป็นนั้นยังคงเป็นสิ่งที่ควรทำได้อยู่ ตราบใดที่ผู้เดินทางมีความระมัดระวัง
โดย WHO ได้ระบุต่อไปว่าบุคคลที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเต็มโดสหรือว่าไม่พบว่าเคยผ่านการติดเชื้อไวรัสโควิดมาก่อนหน้านี้นั้นพบว่ามีความเสี่ยงที่จะมีอาการป่วยที่รุนแรงและเสียชีวิต ซึ่งบุคคลที่ว่านี้ก็รวมไปถึงผู้ที่อายุมากกว่า60 ปี หรือผู้ที่มีโรคอื่นมาก่อน อาทิ โรคหัวใจ,มะเร็ง และเบาหวาน กลุ่มคนเหล่านี้ก็มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากการติดไวรัสโควิด-19 เช่นกัน ดังนั้นจึงควรแนะนำให้เลื่อนการเดินทางไปยังพื้นที่มีความเสี่ยงด้านการแพร่เชื้อที่สูง
WHO ได้แนะนำต่อไปด้วยว่าให้แต่ละประเทศนั้นประเมินความเสี่ยงของตนเองและใช้มาตรการต่างๆเช่นการคัดกรองผู้โดยสารและกักตัวผู้เดินทางจากต่างประเทศตราบเท่าที่จำเป็น
“การดำเนินการมาตรการต่างๆนั้นควรจะดำเนินการโดยวัดจากความเสี่ยง,ข้อจำกัดด้านเวลา ศักด์ศรีและหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของผู้ที่เดินทาง” WHO ระบุ
ส่วนสถานการณ์อื่นๆนั้นมีรายงานว่าสำนักข่าวซีเอ็นบีซี เปิดเผยคำแถลงข่าวของนายสเตฟาน บ็องเซล ผู้บริหาร บริษัทโมเดอร์นา จำกัด ถึงประสิทธิภาพวัคซีนต่อเชื้อโควิดกลายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ ว่า ในการพัฒนาและจัดส่งวัคซีนที่กำหนดเป้าหมายไวรัสที่เป็นสาเหตุของโควิด อย่างโอไมครอนโดยเฉพาะ อาจใช้เวลาหลายเดือน แต่การฉีดวัคซีนบูสเตอร์โดส ขนาด 100 ไมโครกรัมที่สูงกว่าปกติอาจมีความพร้อมได้เร็วกว่า
“การเพิ่มปริมาณของบูสเตอร์โดสสามารถทำได้ทันที แต่จะใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่ตัวแปรเฉพาะของโอไมครอนจะพร้อมส่งในปริมาณมาก” บ็องเซล กล่าว
นายบ็องเซล กล่าวต่อว่า ทางโมเดอร์นาเชื่อว่าตัวแปรโอไมครอน สามารถแพร่เชื้อได้สูง ขณะเดียวกันการกลายพันธุ์กว่า 30 จุดในตำแหน่งโปรตีนหนามที่ใช้ในการแพร่ระบาดในเซลล์มนุษย์ อาจมีความเป็นไปได้ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนวัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
แต่จะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ในการพิจารณาว่าการกลายพันธุ์นี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของวัคซีนในตลาดปัจจุบันมากน้อยเพียงใด ซึ่งเราอาจตัดสินใจให้วัคซีนในปัจจุบันที่มีปริมาณสูงขึ้นทั่วโลกเพื่อปกป้องผู้คน บางทีคนที่มีความเสี่ยงสูงมาก ภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้สูงอายุควรได้รับเข็มที่ 4
อย่างไรก็ตาม บ็องเซล กล่าวอีกว่า อาการป่วยโควิดจากเชื้อกลายพันธุ์โอไมครอนที่แอฟริกาใต้เคยคาดการณ์ความรุนแรงไว้ อาจมากกว่าที่คาดการณ์ เพราะพบว่าน้อยกว่า 5% ของผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี และมีอาการป่วยเรื้อรังในแอฟริกาใต้ มีจำนวนน้อยกว่าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่พบว่าผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรังมีแนวโน้มป่วยมากกว่าประชาชนทั่วไป
ทั้งนี้ ตัวแปรโอไมครอน ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมร่วงลง 905 จุดในวันศุกร์หรือ 2.53% ซึ่งเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของปี
ขณะที่ นายอัลเบิร์ต โบร์ลา ผู้บริหารของ บริษัท ไฟเซอร์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลกระทบของโอไมครอนที่มีต่อวัคซีน 2 โดสของบริษัทนั้นยังคงต้องรอดูกันต่อไป ซึ่งตนเองได้คิดว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันได้ แต่อาจป้องกันได้น้อยลง อย่างไรก็ตามตรงนี้เราก็ยังไม่รู้ผลลัพธ์ที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทไฟเซอร์ได้ผลิตวัคซีนใหม่แล้ว โดยเริ่มทำแม่แบบ DNA ครั้งแรกไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการพัฒนาวัคซีน คาดว่าจะมีวัคซีนได้ภายในเวลาไม่ถึง 100 วัน
ด้าน นายสก็อตต์ กอตเลียบ อดีตกรรมการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวด้วยว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) สามารถดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่ออนุมัติวัคซีนใหม่ที่กำหนดเป้าหมายของโอไมครอน
เรียบเรียงจาก:https://www.cbsnews.com/news/travel-advisory-ages-60-up-world-health-organization/,Moderna CEO says it will take months to clear a new Covid vaccine targeting omicron