ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศ ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน ตั้งแต่ 1 ธ.ค.64 - 31 ม.ค.65 ปรับพื้นที่สถานการณ์โควิด-พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว ไม่มีโซนสีแดงเข้ม หรือ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พร้อมแพร่ข้อกำหนด ฉบับที่ 39 ยกเลิกเคอร์ฟิว มีผลตั้งแต่ 23.00 น. วันที่ 30 พ.ย.เป็นต้นไป ยังไม่เปิดผับ บาร์ สถานบันเทิง มอบ สธ.ประเมินสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 ราชกิจจานุเบกษา แพร่ประกาศ เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 15) โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 – 31 มกราคม 2565
สาระสำคัญตอนหนึ่ง ระบุว่า สถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 ในห้วงเวลาที่ผ่านมา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามลำดับ การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนดำเนินการได้ตามเป้าหมายอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง รัฐบาลให้ความสำคัญแก่การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสาธารณสุขควบคู่กับมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดีการระบาดในหลายประเทศทั่วดลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในทวีปยุโรปกลับมามีการระบาดอย่างรุนแรงขึ้นอีกครั้งจากสายพันธุ์โอไมครอนที่ติดเชื้อได้ง่ายกว่าสายพันธุ์เดลต้า ประกอบกับไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการระบาดได้ง่าย และในช่วงปีใหม่มีการรวมตัวและการเดินทางของประชาชนเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องคงไว้ซึ่งมาตรการในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคเพื่อความมั่นคงทางสาธารณสุขของชาติและชีวิตประชาชน
อ่านรายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/293/T_0063.PDF
วันเดียวกันนี้ ราชกิจจานุเบกษา ยังแพร่คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ที่ 22/2564 เพื่อกำหนดพื้นที่สถานการณ์ใหม่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ไม่มีการกำหนดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือ พื้นที่สีแดง ทั้งนี้กำหนดให้มีพื้นที่ควบคุมสูงสุด 23 จังหวัด พื้นที่ควบคุม 23 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 24 จังหวัด
ส่วนพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวมีทั้งหมด 26 จังหวัด ได้แก่ 1. กทม. 2.กระบี่ 3.กาญจนบุรี 4.ขอนแก่น (เฉพาะอำเภอเมืองขอนแก่น อำเภอเขาสวนกวาง อำเภอเปือยน้อย อำเภอพล อำเภอภูเวียง อำเภอเวียงเก่า และอำเภออุบลรัตน์) 5.จันทบุรี (เฉพาะอำเภอเมืองจันทบุรี และอำเภอท่าใหม่)
6.ชลบุรี (เฉพาะอำเภอเกาะสีชัง อำเภอบางละมุง เมืองพัทยา อำเภอศรีราชา และ อำเภอสัตหีบ เฉพาะตำบลนาจอมเทียนและตำบลบางเสร่) 7.เชียงราย (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงราย อำเภอเชียงของ อำเภอเชียงแสน อำเภอเทิง อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเวียงป่าเป้า)
8.เชียงใหม่ (เฉพาะอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอจอมทอง อำเภอดอยเต่า อำเภอแม่แตง และอำเภอแม่ริม) 9.ตราด (เฉพาะอำเภอเกาะกูด และอำเภอเกาะช้าง) 10.นครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ อำเภอโชคชัย อำเภอปากช่อง อำเภอพิมาย อำเภอวังน้ำเขียว และอำเภอสีคิ้ว) 11. นนทบุรี 12.บุรีรัมย์ (เฉพาะอำเภอเมืองบุรีรัมย์) 13.ปทุมธานี 14.ประจวบคีรีขันธ์(เฉพาะเทศบาลเมืองหัวหิน เฉพาะตำบลหัวหินและตำบลหนองแก) 14.พระนครศรีอยุธยา (เฉพาะอำเภอพระนครศรีอยุธยา) 16.จังหวัดพังงา
17.เพชรบุรี (เฉพาะเทศบาลเมืองชะอำ) 18.ภูเก็ต 19.ระนอง (เฉพาะเกาะพยาม) 20.ระยอง (เฉพาะเกาะเสม็ด) 21.เลย (เฉพาะอำเภอเชียงคาน) 22.สมุทรปราการ (เฉพาะบริเวณพื้นที่ท่าอากาสยานนานาชาติสุวรรณภูมิ) 23.สุราษฎร์ธานี (เฉพาะเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย) 24.สุรินทร์ (เฉพาะอำเภอเมืองสุรินทร์ และอำเภอท่าตูม) 25.หนองคาย (เฉพาะอำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ และอำเภอสังคม) และ 26.อุดรธานี (เฉพาะอำเภอเมืองอุดรธานี อำเภอกุมภวาปี อำเภอนายูง อำเภอบ้านดุง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และอำเภอหนองหาน)
อ่านรายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/293/T_0101.PDF
นอกจากนั้น ราชกิจจานุเบกษา ยังแพร่ข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 39) ระบุให้มีการปรับปรุงเขตพื้นที่จังหวัดตามพื้นที่สถานการณ์และการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยวเพิ่มเติม ทั้งนี้ให้ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถานสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 23.00 น.ของวันที่ 30 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ การห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค กิจกรรมรวมกลุ่มของบุคคลที่สามารถจัดได้โดยไม่ต้องขออนุญาต การปฏิบัติงานนอกสถานที่ของเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ มาตรการควบคุมแบบบูรณการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ และมาตรการควบคุมแบบบูรณาการในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว รวมถึงบรรดามาตรการ หลักเกณฑ์ หรือแนวปฏิบัติต่างๆ ให้มีผลบังคับใช้ตาม ข้อกำหนดฉบับที่ 37
ส่วนสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรือสถานที่อื่นที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการโดยมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจ ช่วยเหลือ และให้การสนับสนุนการเตรียมการของผู้ประกอบการตามความเหมาะสมและตามกรอบอำนาจหน้าที่ เพื่อให้สถานที่ดังกล่าวมีความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะสถานบริการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว หรือในพื้นที่ที่มีความพร้อม โดยรัฐบาลจะพิจารณาความเหมาะสมจากข้อมูลการประเมินสถานการณ์ของฝ่ายสาธารณสุข เพื่อให้ดำเนินการตามแผน นโยบาย และตามกรอบเวลาที่กำหนดต่อไป
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป
อ่านรายละเอียด : http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2564/E/293/T_0099.PDF
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/