กรมอนามัยเผยผลสุ่มประเมินห้างฯ 15 แห่ง ตั้งแต่ 28 ก.ย.-18 ต.ค. พบผ่านการประเมินเพียง 3 แห่ง คิดเป็น 20% ผ่านบางข้อ ไม่ผ่านบางข้อ 80% หรือ 12 แห่ง ส่วนใหญ่สอบตก ไม่เว้นระยะห่าง-จำกัดจำนวน เมินตรวจ ATK
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2564 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ว่า การป้องกันโควิด ในสถานประกอบการศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอล โดยใช้มาตรการ Covid Free Setting โดยยกระดับความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่
1) ด้านสิ่งแวดล้อม เน้นทำความสะอาดจุดสัมผัสร่วมกัน และทำความสะอาดห้องน้ำถี่ขึ้น 1-2 ชั่วโมง ใช้ดิจิตอลแทนการชำระเงินสด ทำสัญลักษณ์การเว้นระยะห่าง จำกัดเวลาใช้บริการไม่เกิน 2 ชม. โดยเฉพาะในกิจการเสี่ยง ร้านอาหาร นวด สปา นวดแผนไทย ร้านสัก ร้านตัดผม ฟิตเนส เป็นต้น ต้องจัดถ่ายให้มีระบบถ่ายเทอากาศทั้งในและนอกอาคารรวมถึงห้องน้ำ
2) ด้านพนักงาน ทุกคนควรฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามเกณฑ์ หรือเคยติดเชื้อมาก่อน 1-3 เดือน หรือ การตรวจ ATK แต่ไม่ต้องตรวจทุกกิจการ ให้พิจารณาตามความเสี่ยงทุก 3-7 วัน และมีมาตรการควบคุมป้องกันโรคขั้นสูงสุด และ 3) ด้านผู้ใช้บริการ ให้ทุกคนคัดกรองความเสี่ยงก่อนเข้าร้าน เช่น แพลตฟอร์มไทยเซฟไทย โดยผู้ประกอบการต้องประชาสัมพันธ์ให้ดำเนินการโดยเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวสูงสุดหรือครอบจักรวาล (Universal Prevention)
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาจะเห็นว่าตั้งแต่ข้อกำหนดฉบับ 32 เมื่อวันที่ 1 ต.ค.และล่าสุดตั้งแต่ 16 ต.ค. ภายใต้ข้อกำหนดฉบับ 35 ให้ห้างฯ ร้านค้า ต้องปฏิบัติตามมาตรการโควิด ฟรีเซ็ตติ้ง อย่างเคร่งครัด เมื่อติดตามผลพบว่าลงทะเบียน และประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai stop covid plus ลงทะเบียนทั้งหมด 354 แห่ง ทำได้ทุกข้อ 343 แห่ง คิดเป็น 96.9 % อีก 11 แห่ง หรือ 3.1 % ไม่สามารถทำผ่านเกณฑ์ทุกข้อ ทั้งนี้ มาตรการที่ปฏิบัติได้ดี คือ การทำสัญลักษณ์เว้นระยะห่าง ชำระเงินออนไลน์ มีฉากกั้นแคชเชียร์ การทำความสอาดพื้นผิวสัมผัสร่วม
ส่วนพื้นที่สีแดงเข้ม มีการประเมินตนเอง 51 แห่ง มี 49 แห่งประเมินผ่านทุกข้อ หรือ 95% มี 2 แห่ง ที่ประเมินผ่านบางข้อ คิดเป็น 5% โดยสำหรับประเด็นที่ผู้ประกอบการทำได้น้อย คือ การจำกัดเวลาใช้บริการไม่เกิน 2 ชม. ส่วนกิจการเสี่ยง มีส่วนหนึ่งที่ยังมีปัญหาการจัดการ ATK ตรวจพนักงานทุก 7 วัน การคัดกรองพนักงานทุกวัน และผู้มาติดต่อด้วยแอปฯ ยังมีจุดทำได้น้อย และการประชาสัมพันธ์ให้จัดระบบ รวมถึงที่เป็นประเด็นที่พบในโซเชียลมีเดีย คือศูนย์อาหารการจัดภาชนะสำหรับแต่ละบุคคล เป็นต้น
นพ.สุวรรณชัย กล่าวถึงผลการสุ่มตรวจสถานประกอบการห้างสรรพสินค้า เมื่อวันที่ 28 ก.ย.-18 ต.ค.64 จำนวน 15 แห่ง พบว่า มีการประเมินและผ่านทุกข้อเพียง 3 แห่ง หรือ 20% ผ่านบางข้อ ไม่ผ่านบางข้อ 12 แห่ง คิดเป็น 80% โดยสิ่งที่ทำได้ดี คือ คัดกรอง วัดอุณหภูมิ ลงทะเบียน จุดล้างมือ มีฉากกั้น การทำความสะอาดสม่ำเสมอ แต่ที่มีข้อจำกัดมากคือการจำกัดจำนวน ห้ามรวมตัว การเว้นระยะห้าง แม้ห้างฯ กำหนดมาตรการ แต่ไม่สามารถควบคุมให้เข้มงวด และเกิดการปฏิบัติ อีกส่วนที่มีการเผยแพร่ทางโซเชียลฯ และตรวจสอบพบศูนย์อาหาร ร้านอาหารไม่ได้จัดระห่างระหว่างที่นั่ง บางส่วนจัด แต่คนใช้บริการบอกมาด้วยกัน มาจากครอบครัวเดียวกันจะนั่งด้วยกัน บางแห่งไม่มีเจลล้างมือ บางจุดห้องน้ำระบายอาการไม่ดีพอ ทั้งนี้มีกิจการเสี่ยงจำนวนหนึ่งไม่ได้จัดชุดทดสอบให้พนักงานตรวจทุก 7 วัน และบางส่วนไม่มีการขอดูหลักฐานการคัดกรองความเสี่ยงเช่นหลักฐานฉีดวัคซีน การตรวจ ATK ก่อนเข้า หรือออกสถานที่ โดยเฉพาะกิจการเสี่ยง ร้านนวด ฟิตเนส เป็นต้น
“สรุปผลการสุ่มตรวจสอบคล้องการสำรวจความเห็นผู้ใช้บริการระหว่างวันที่ 1-15 ต.ค. จำนวน 2,069 คน พบว่าการสวมหน้ากากทำได้ดี แต่ยังไม่เป็นไปตามที่หวัง เพราะยังพบคนในห้างสวมหน้ากากถูกต้อง 88% แต่ก็ยังมีคนสวมไม่ถูกต้อง หรือไม่สวมบางเวลา 12% ส่วนการเว้นระยะห่าง การมีฉากกั้นโดยห้างยังทำได้ดี ส่วนที่อาจจะยังทำได้ไม่ดี คือการห้ามรวมตัวจุดใดจุดหนึ่ง การห้ามพนักงานรวมกลุ่มกัน การประชาสัมพันธ์จำกัดเวลาใช้บริการไม่เกิน 2 ชั่วโมงอย่างเพียงพอ ดังนั้น ขอให้เข้มงวดขึ้น มีความรับผิดชอบตัวเอง และมีหน่วยงานกำกับตรวจสอบเป็นระยะ หากยังพบการฝ่าฝืนจะมีการแนะนำ ตักเตือน และลงโทษได้ตามลำดับ”
นพ.สุวรรณชัย กล่าวเน้นย้ำว่า ขณะนี้ยังพบการฝ่าฝืนมาตรการ ดังนั้น ขอให้ช่วยกันคนละไม้คนมือ หากมีความเสี่ยงหรืออาการคล้ายโควิด-19 ขอให้หยุดอยู่บ้าน และตรวจหาเชื้อ ด้วยชุดตรวจ ATK แล้วเราจะผ่านโควิดได้อย่างปลอดภัย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage