สธ.ลงนามจัดซื้อ 'แอสตร้าเซนเนก้า' 60 ล้านโดส วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมนำเข้าวัคซีนรุ่นใหม่ หากผู้ผลิตคิดค้นสำเร็จ ด้าน 'แอสตร้าเซนเนก้า' เผยสัญญาระบุจัดหาวัคซีนให้รัฐบาลภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2564 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงษ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้บริหารกระทรวง ร่วมพิธีเซ็นสัญญาจัดหาวัคซีนโควิด-19 กับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด
นายอนุทิน กล่าาว่า กระทรวงได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคลงนามในหนังสือจัดหาวัคซีนกับทางแอสตร้าฯ สำหรับไว้บริการประชาชนในปี 2565 ตามสัญญาทางผู้ผลิต ต้องส่งให้ไทย 60 ล้านโดส และหากระหว่างการส่งมอบตามสัญญา เกิดประสบความสำเร็จในการศึกษาวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ก็ต้องให้ไทย ได้มีทางเลือก เพื่อเปลี่ยนตัววัคซีนด้วย สำหรับการจัดหาวัคซีนข้างต้นใช้งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จะมีบทบาทในการเป็นเข็มบูสเตอร์ ซึ่งทางภาครัฐ กำลังจัดหาจากผู้ผลิตรายอื่นเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมอนุมัติการจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดส โดยมีแผนการส่งมอบในปี 2565 แบ่งเป็น ไตรมาสแรก 15 ล้านโดส , ไตรมาสที่สอง 30 ล้านโดส และไตรมาสที่สาม 15 ล้านโดส
สัญญาระบุจัดหา 60 ล้านโดสให้ไทยภายในไตรมาส 3 ปี 65
เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2564 บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่เอกสาร ระบุว่า ตามข้อตกลงในสัญญาฉบับดังกล่าว แอสตร้าเซนเนก้า จะทำการจัดหาวัคซีนจำนวน 60 ล้านโดสให้แก่รัฐบาลไทยภายใน ไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 เพิ่มเติมจากข้อตกลงการจัดซื้อเดิม 61 ล้านโดสที่ทยอยส่งมอบภายในปี 2564 โดยที่ผ่านมาแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบวัคซีนแล้ว 24.6 ล้านโดส ซึ่งรวมยอดที่ส่งมอบเดือน ก.ย.จำนวน 8 ล้านโดสแล้ว
ภายใต้สัญญาฉบับใหม่นี้ รัฐบาลไทยสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนวัคซีนรุ่นเดิมของแอสตร้าเซนเนก้าเป้นวัคซีนรุ่นใหม่อย่าง AZD2816 ซึ่งจะต้องผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของไทยต่อไป ซึ่งวัคซีน AZD2816 อยู่ระหว่างการวิจัยในเฟสที่ 2 และ 3 โดยคาดว่าจะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโควิดสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงสายพันธุ์หลักได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า สัญญาการจัดซื้อวัคซีนฉบับใหม่นี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของเราในการร่วมสนับสนุนรัฐบาลไทยในการลดการติดเชื้อโรคโควิด-19 ในประเทศ และควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์เดลต้า เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เพื่อคนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเรารู้สึกขอบคุณรัฐบาลไทยที่เชื่อมั่นในความร่วมมือกับแอสตร้าเซนเนก้าเสมอมา
แอสตร้าเซนเนก้าและพันธมิตรผู้ผลิตได้ส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 กว่า 1.3 พันล้านโดสให้แก่ประเทศต่างๆ กว่า 170 ประเทศทั่วโลก โดย 2 ใน 3 ของจำนวนวัคซีนดังกล่าวได้ถูกส่งมอบให้กับกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางต่ำ
นับตั้งแต่มีการเริ่มใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าครั้งแรกในช่วงต้นปี 2564 วัคซีนได้สร้างประโยชน์อันยิ่งใหญ่ในการช่วยชีวิตผู้คนมากมายและป้องกันอาการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล
สำหรับ AZD2816 ถูกพัฒนาขึ้นมาจากโครงของอะดีโนไวรัสเช่นเดียวกันกับ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า (Vaxzevria) โดยการพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่นี้มีการปรับแต่งให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสารพันธุกรรมที่เกิดขึ้นในหนามโปรตีนผิวเซลส์ของสายพันธุ์เบตา หรือ B.1.351 จำนวน 10 ตำแหน่ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในหลายตำแหน่งนี้มีลักษณะที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่พบในสายพันธุ์กลายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังแพร่ระบาด โดยการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้เกิดการลดความสามารถของแอนติบอดี้ที่ถูกกระตุ้นเพื่อยับยั้งการเข้าสู่เซลล์ของไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม เพิ่มความสามารถในการติดเชื้อขึ้นจากไวรัสสายพันธุ์แรกดั้งเดิม และลดความไวต่อแอนตี้บอดี้ในการยับยั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ดั้งเดิม
แอสตร้าเซนเนก้า ยืนยันว่า การปรับแต่งดังกล่าวเป็นเพียงการปรับแต่งย่อย วัคซีน AZD2816 และวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้ารุ่นแรกไม่มีข้อแตกต่างในองค์ประกอบด้านอื่น ๆ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/