ททท.เผยหลังหารือร่วม กทม. เตรียมเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15 ต.ค.นี้ เนื่องจากประชาชนยังฉีดวัคซีนไม่ครบ 70% ขณะที่อีก 4 จังหวัด ชลบุรี-เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์-เชียงใหม่ ยืนยันพร้อมเปิด 1 ต.ค.นี้
------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย.2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังจากหารือร่วมกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ถึงความพร้อมการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในพื้นที่ กทม. ว่า กทม.มีความพร้อมที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ในขณะนี้ การฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มในพื้นที่ กทม.ยังไม่ครบตามเกณฑ์ 70% ของประชากร ซึ่งการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ของประชากร ปัจจุบันอยู่ที่ 33%
ทั้งนี้ คาดว่า ต้นเดือน ต.ค.นี้ ประชาชนในพื้นที่จะได้รับวีคซีนครบทุกเขต ประกอบกับ ต้องเว้นระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็ม 2 แอสตร้าเซนเนก้าที่ใช้เวลา 8-12 สัปดาห์ จึงสรุปร่วมกันว่า กทม.จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวไทยได้โดยไม่กักตัวจะเลื่อนจากกำหนดเดิมวันที่ 1 ต.ค. ออกไปอีก 2 สัปดาห์ หรือเป็นในวันที่ 15 ต.ค.นี้
โดยจะเปิดให้เที่ยวพร้อมกันทุกเขตใน กทม. เพื่อความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เมื่อเข้า กทม.จะไม่ต้องกักตัวในห้องพักทั้ง 14 วันในโรงแรมเหมือนปัจจุบัน และเมื่ออยู่ครบ 14 วันสามารถเดินทางไปเที่ยวที่พื้นทื่อื่นๆในประเทศได้ คาดว่าภายในสิ้นเดือนนี้ น่าจะได้ข้อสรุปเรื่องแนวทางการรับนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกับ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
"กทม.น่าจะสามารถเปิดได้ในวันที่ 15 ต.ค. 64 หลังจากที่ประชาชนในพื้นที่เกินกว่า 70% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว โดยจะเปิดพร้อมกันทั้ง 50 เขตทั่ว กทม. ซึ่งขณะนี้ ประชากรใน กทม.ได้รับวัคซีนโควิดเข็มแรกไปแล้วกว่า 90% หากเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนเข็ม 2 เร็วขึ้น ให้ได้ 70% ของประชากรภายในวันที่ 5 ต.ค. ก็จะสามารถเปิด กทม.ได้ ในวันที่ 15 ต.ค.นี้ ซึ่งจะรีบนำเรื่องนี้ไปหารือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอเร่งรัดการจัดสรรวัคซีนให้เร็วขึ้นต่อไป" นายพิพัฒน์ กล่าว
ขณะที่จังหวัดที่มีความพร้อมที่เหลือ 4 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ ยืนยันพร้อมเปิดวันที่ 1 ต.ค.นี้ ซึ่งจะดำเนินการเปิดประเทศควบคู่กับการใช้มาตรการป้องกันของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมาตรฐาน SHA หรือ SHA+
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage