โควิดวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,653 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,249,140 ราย หายป่วยมากกว่ายอดติดเชื้อ อยู่ที่ 18,262 ราย เสียชีวิต 271 ราย ดับคาบ้าน 3 ราย เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย ด้าน ศบค.ชี้ผู้ป่วยโควิดฉีดเข็ม 2 ได้ หลังหายดีแล้ว 3 เดือน พร้อมขยายเวลาขนส่งสาธารณะถึง 22.00 น. ให้พนักงานห้างที่มีความจำเป็นเดินทางกลับได้
---------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 14,653 ราย ติดเชื้อในประเทศ 14,395 ราย มาจากระบบบริการ 13,160 ราย เกิดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 1,235 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 256 ราย และอีก 2 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมทั้งหมด 1,249,140 ราย
ขณะที่มีผู้หายป่วย 18,262 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสม 1,079,966 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 159,800 ราย โดยเป็นผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจ 1,011 ราย และมีผู้เสียชีวิต 271 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 12,280 ราย
โดยมีผู้เสียชีวิต 271 ราย มาจากกทม.และปริมณฑล 145 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 7 ราย และจังหวัดอื่น 119 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 167 คิดเป็น 62% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 76 ราย คิดเป็น 28% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 90% ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้าน หรืออยู่ระหว่างนำส่ง 3 ราย และเป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด และมีอาชีพเสี่ยง
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 3,428 ราย สมุทรปราการ 1,237 ราย สมุทรสาคร 859 ราย ชลบุรี 822 ราย ระยอง 541 ราย นราธิวาส 465 ราย ราชบุรี 340 ราย นครราชสีมา 283 ราย สงขลา 279 ราย และนนทบุรี 278 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 2 ราย แบ่งเป็น กัมพูชา 1 ราย และมาเลเซีย 1 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 394,608 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 468,104 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 2,362 ราย รวมสะสม 34,292,537 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 24,542,140 ราย ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 9,152,799 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 จำนวน 597,598 ราย
@ หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อสะสมเดือน ส.ค.สูง ฉีดวัคซีนเข็มแรกเพียง 9.1%
สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์ เริ่มพบการระบาดมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.2563 และมาเพิ่มสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดในช่วงเดือน มิ.ย.เป็นต้นมา โดยเฉพาะในช่วงเดือน ส.ค.2564 มียอดผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งสูงขึ้นถึง 1,506 ราย ทำให้ภาพรวมของประเทศขณะนี้มีผู้ติดเชื้อรวมสะสม 2,878 ราย
เมื่อไปดูจำนวนผู้ที่ได้รับวัคซีนของประเทศไทย แยกตามกลุ่มเป้าหมายพบว่าขณะนี้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้หญิงตั้งครรภ์ไปได้เพียง 45,437 ราย คิดเป็น 9.1% และเข็มที่ 2 จำนวน 4,983 ราย คิดเป็น 1% จากจำนวนหญิงตั้งครรภ์มากกว่า 12 เดือนทั้งหมด 500,000 ราย ดังนั้นคงต้องเน้นย้ำให้ร่วมกันค้นหาหรือดูแลหญิงตั้งครรภ์ ให้ไปฉีดวัคซีน เพราะหากติดเชื้อแล้วมีโอกาสเกิดภาวะรุนแรงและเสียชีวิตได้
ทั้งนี้หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อ ขอให้สถานพยาบาลที่รับฝากครรภ์ดูแลด้วย แต่หากสถานพยาบาลนั้น ไม่มีศักยภาพ ขอให้ส่งต่อผู้ป่วยตามระบบผู้ป่วยโควิด ยกเว้นในกรณีที่มีภาวะฉุกเฉิน เช่น เลือดออกทางช่องคลอด เจ็บครรภ์ น้ำเดิน ครรภ์เป็นพิษ ขอให้ส่งโรงพยาบาลที่มีศักยภาพที่ใกล้ที่สุด
@ ชี้ผู้ป่วยโควิดฉีดเข็ม 2 ได้ หลังหายดีแล้ว 3 เดือน
พญ.อภิสมัย กล่าวแนะนำว่า สำหรับผู้ฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 เข็ม หลังจากนั้นติดเชื้อโควิด ขอให้นับหลังจากหายป่วยโควิดไปอีก 12 สัปดาห์ หรือ 3 เดือน สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มที่ 2 ได้อีกครั้ง
ซึ่งเป็นข้อมูลที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับว่าทั่วโลกยังไม่มีความรู้ความเข้าใจโควิดอย่างชัดเจน เพราะว่าถ้าเป็นโรคอีสุกอีใส หัดไทย หรือหัดเยอรมัน ถ้ามีการติดเชื้อโดยธรรมชาติก็จะเกิดภูมิคุ้มกันธรรมชาติตลอดชีวิต แต่ในโควิด เรายังไม่มีข้อมูลที่แน่นอน ฉะนั้นแม้ติดเชื้อไปแล้ว หลังจากหายป่วย 3 เดือน หรือ 12 สัปดาห์ ขอให้มาฉีดวัคซีน
@ ตั้งเป้ากระจายวัคซีนเดือนนี้ ให้ผู้สูงอายุ-กลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง
ส่วนแผนการกระจายวัคซีนเดือน ก.ย.นี้ เราตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนให้กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง โดยกรมควบคุมโรคจะเร่งกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อให้การฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมถึง 70% นอกจากนี้จะมีการค้นหาเชิงรุกเพื่อหาผู้สูงอายุ หรือกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง เพื่อการเข้ารับฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้หากบางจังหวัดฉีดวัคซีนได้พอสมควร ขอให้จังหวัดพิจารณากลุ่มที่ควรจะได้รับวัคซีนถัดไปตามความเหมาะสมเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยบางจังหวัดอาจมุ่งไปที่กลุ่มขนส่งสาธารณะ แคมป์คนงานก่อสร้าง หรือสถานประกอบการที่ให้บริการตามร้านอาหาร และร้านทำผม
อย่างไรก็ตามหากฉีดวัคซีนได้พอสมควรแล้ว ขอเน้นย้ำให้ประชาชนยังคงเว้นระยะห่าง และสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ ตลอดเวลา
@ ขยายเวลาขนส่งสาธารณะถึง 22.00 น. ให้พนักงานห้างที่มีความจำเป็นเดินทางกลับได้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ล่าสุดหลังปรับมาตรการ พบปัญหาการรอรถโดยสารแออัด จึงอนุญาตให้ขนส่งสาธารณะ จัดยานพาหนะให้เพียงพอ เพื่อลดความแออัด และอนุญาตให้ขนส่งสาธารณะบริการได้ถึง 22.00 น. พร้อมย้ำว่าไม่ได้ผ่อนคลาย แต่เพื่อให้พนักงานห้างร้านต่างๆ ที่มีความจำเป็นจริงๆ เดินทางกลับบ้านได้ แต่ยังขอความร่วมมือประชาชนทั่วไปให้วางแผนให้ดี ให้รีบกลับ เพื่อลดความแออัดของการโดยสารในช่วงที่รถมีจำกัด
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 677,150 รวมสะสม 219.95 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 677,150 ราย รวม 219,956,335 ราย อาการหนัก 104,722 ราย หายป่วย 196,595,478 ราย เสียชีวิต 4,557,478 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 177,568 ราย รวม 40,513,018 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,565 ราย รวม 662,853 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 45,482 ราย รวม 32,902,345 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 357 ราย รวม 439,916 ราย บราซิล พบเพิ่ม 26,497 ราย รวม 20,830,712 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 776 ราย รวม 582,004 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 29 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/