กรมอนามัยเผยพบการติดเชื้อในตลาด 132 แห่ง กระจาย 23 จังหวัด รวมกว่า 1.4 หมื่นราย เร่งยกระดับมาตรการ กำชับเตรียมสถานที่แยกกักผู้ป่วย ย้ำไม่แนะนำให้ฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อในอาหาร
----------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปัจจุบัน พบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานที่ที่มีคนมารวมกลุ่มกันลักษณะใกล้ชิด แออัด ตลาด เป็นบริบทหนึ่งที่มีคนจากหลายที่ มีกิจกรรมเอื้อต่อการแพร่ระบาดของโควิด
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ในตลาด โดยจำนวนผู้ติดเชื้อตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – วันที่ 10 ส.ค.64 พบผู้ติดเชื้อ 14,678 ราย ในตลาด 132 แห่ง ครอบคลุม 23 จังหวัด แยกเป็นจ.มหาสารคาม 217 ราย ตลาด 1 แห่ง ขอนแก่น 15 ราย 1 แห่ง นครราชสีมา 230 ราย 1 แห่ง สระบุรี 111ราย 3 แห่ง อยุธยา 61 ราย 2 แห่ง และนครปฐม 127 ราย 4 แห่ง ราชบุรี 606 ราย 1 แห่ง สมุทรสาคร 21 ราย 2 แห่ง กาญจนบุรี 7 ราย 1 แห่ง เพชรบุรี 19 ราย 2 แห่ง ประจวบคีรีขันธ์ 84 ราย 1 แห่ง นครศรีธรรมราช 154 ราย 3 แห่ง สุราษฎร์ธานี 13 ราย 1 แห่ง สงขลา 309 ราย 7 แห่ง กระบี่ 6 ราย 1 แห่ง ปทุมธานี 5,286 ราย 4 แห่ง นนทบุรี 724 ราย 7 แห่ง สมุทรสาคร 669 ราย 5 แห่ง ชลบุรี 722 ราย 5 แห่ง สระแก้ว 977 ราย 6 แห่ง ระยอง 73 ราย 2 แห่ง จันทบุรี 154 ราย 4 แห่ง และกทม. 4,093 ราย 68 แห่ง
ทั้งนี้ ตลาดที่พบผู้ติดเชื้อนี้เป็นตลาดที่ผ่านประเมิน 25% ไม่ผ่านประเมิน 5 % และไม่ได้ประเมินตนเอง 70 % บนแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID-19 หากตลาดทั้งหมดศึกษาแนวทาง ประเมินตนเอง ข้อไหนไม่ผ่านก็ให้ปรับปรุง ก็จะช่วยลดโอกาสเสี่ยงต่อการระบาดในพื้นที่ตลาด
@ ปิดตลาด จะยิ่งซ้ำเดิม หากไม่มีมาตรการรองรับ
“ทำไมเราพบผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดและพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน เพราะมีผู้คนมากและหลายกิจกรรม ทั้งการค้า การขนส่ง รวมถึงลักษณะสถานที่ตลาด ที่มีแบบเก่าแก่ เปิดใหม่ ใกล้ชิดชุมชน และที่สำคัญคนทำงานในตลาดบางกลุ่มมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ดังนั้น การควบคุมโรคในตลาด ต้องทำใน 2 ลักษณะคือ ตลาดที่ยังไม่พบการติดเชื้อ ต้องเน้นการปฏิบัติตามมาตรการเคร่งครัด เฝ้าระวังความเสี่ยงหากพบผู้ติดเชื้อ หรือการระบาดก็จำเป็นต้องปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุที่องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) กำหนด คือ การสอบสวนควบคุมโรค และทำความสะอาดสุขาภิบาล หากไม่พบการติดเชื้อ 14 วัน ก็สามารถกลับมาเฝ้าระวังได้ ส่วนบางตลาดที่พบการติดเชื้อจำนวนมาก สามารถทำ Bubble and seal เพื่อให้ดำเนินการภายใต้มาตรการควบคุมป้องกัน เพราะ หลายครั้งเราพบว่า หากปิดตลาดโดยไม่มีมาตรการรองรับ จะยิ่งทำให้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการเคลื่อนย้ายไปตลาดอื่นในจังหวัดอื่น ก็จะนำไปสู่การแพร่เชื้อสู่ชุมชน ครอบครัว ที่ทำงานอื่นๆ ตามมา” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า แผนเผชิญเหตุมีความจำเป็นต้องค้นหาผู้ติดเชื้อ และผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จึงกำหนดให้ขึ้นทะเบียนผู้ขาย แรงงาน และสุ่มตรวจหาเชื้อโควิด หากไม่พบผู้ติดเชื้อ ก็สามารถเปิดตลาดโดยเฝ้าระวังต่อไป หากพบ 1 ราย ให้ปิดเฉพาะแผงค้า หยุดทำความสะอาดพร้อมกับค้นหาผู้ติดเชื้อเสี่ยงสูง ซึ่งหากพบการติดเชื้อมากกว่า 2 แผง และอาจมากกว่า 2 รายขึ้นไป ต้องค้นหาผู้ติดเชื้อทั้งตลาด และหากผลการดำเนินการทั้งตลาด พบติดเชื้อไม่เกิน 10% จะหยุดทำความสะอาดและปรับปรุงสุขาภิบาล เน้นการปิดแผงค้าที่ติดเชื้อให้ครบ 14 วัน ดูแลเฝ้าระวังผู้คนที่ยังไม่พบการติดเชื้อ หากพบติดเชื้อมากกว่า 10% จำเป็นต้องปิดตลาด 14 วัน
@ เร่งตรวจเชิงรุก แยกกัก เพื่อคุมการระบาด
นพ.สุวรรณชัย กล่าวด้วยว่า การปิดตลาดโดยไม่มีมาตรการรองรับ จะยิ่งซ้ำเติมสภาพปัญหา ดังนั้น จำเป็นต้องทำคู่กับการสำรวจชุมชนรอบตลาด เพื่อหาผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ทำมาตรการแยกกักในชุมชน (Community Isolation) และพิจารณาการให้วัคซีนโควิด ชุมชนรอบตลาดและผู้ค้าที่ยังไม่ติดเชื้อ
ส่วนการยกระดับมาตรการป้องกันโควิดในตลาด คือ 1.ป้องกันคน คัดกรองร่างกายก่อนเข้าตลาด หรือมาตรการเสริมด้วยการตรวจหาเชื้อด้วย ATK ทุกคนในตลาด หรือสุ่มตรวจ 10% ในผู้ค้า แรงงานและเพิ่มการตรวจในผู้ที่อาศัยชุมชนโดยรอบ และผู้ใช้บริการตลาดทุกสัปดาห์ ฉีดวัคซีน 2 เข็มไม่น้อยกว่า 14 วัน และแสดงหลักฐานว่าเคยติดเชื้อไม่น้อยกว่า 14 วัน 2.ป้องกันสถานที่ ประเมินตลาดผ่าน Thai Stop COVID19 Plus เช่น จัดจุดทางเข้าออกทางเดียว คัดกรองอาการไข้ ตรวจประวัติเสี่ยง เป็นต้น จัดมาตรการ DMHTT จัดระบบสุขาภิบาลในตลาด จัดระบบผู้เข้าใช้บริการ และลดกิจกรรมสัมผัสใกล้ชิด 3.จัดระบบเฝ้าระวังควบคุมโรค สุ่มตรวจหาเชื้อในคนและสิ่งแวดล้อมหรือน้ำเสีย หากพบเชื้อโควิด ก็แสดงว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อในตลาด นำมาสู่การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกต่อไป และทุกตลาดต้องร่วมกับ อปทง จัดทำแผนเผชิญเหตุ มีผู้รับผิดชอบและการซักซ้อมแผน โดยแผนจะปรับเปลี่ยนตามพื้นที่ ลักษณะตลาดและบริบทผู้คน นอกจากนั้น ให้เตรียมสถานที่แยกกักสำหรับผู้ที่มีผลตรวจเอทีเคเป็นบวก
นพ.สุวรรณชัย กล่าวต่ออีกว่า การสุ่มตรวจด้วย ATK 10% ต่อสัปดาห์ ต้องเตรียมรองรับว่า 1.ผลลบ ไม่ได้มีความปลอดภัย 100% แต่สามารถออกเอกสารเป็นหลักฐานเข้าออกตลาด 2.ผลบวก ต้องค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก การแยกกักที่บ้านหรือชุมชน แต่ต้องมีการตรวจ RT-PCR ก่อน หากตรวจซ้ำแล้วให้ผลลบก็จะต้องเฝ้าระวังต่อไป แต่หากผลบวก จะต้องเอกซเรย์ปอด เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบแยกกักในชุมชน
“หัวใจสำคัญคือการบูรณาการ 3 ภาคี ได้แก่ หน่วยงานสาธารณสุข ผู้ประกอบการตลาดและ อปท. ทั้งนี้จะต้องดำเนินการภายใต้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร เพื่อกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมาย แม้ว่าตลาดจะมีความเสี่ยง แต่หากประชาชน เจ้าของตลาด อปท. และภาคราชการเข้ามากำกับ เคร่งครัดมาตรการ ก็เชื่อได้ว่าทั้งผู้ค้ารายย่อย ผู้ใช้บริการที่อาจมีรายได้ไม่มาก ก็สามารถดำเนินกิจการตามวิถีชีวิตใหม่ที่ปลอดภัยจากโควิด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
@ ไม่แนะนำฉีดแอลกอฮอล์ลงอาหาร ปรุงสุกผ่านความร้อนก็ฆ่าเชื้อแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า สามารถพ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อลงในอาหารได้หรือไม่ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เมื่อซื้อของกลับถึงบ้าน สิ่งแรกคือ ต้องทำความสะอาดตัวเอง ล้างมือ สวมหน้ากาก และทำความสะอาดของตามลักษณะและทิ้งบรรจุภัณฑ์ หลังจากนั้นให้จัดเก็บในภาชนะที่บ้านตัวเอง อุ่นอาหารให้สุก ร้อน ก่อนรับประทาน
“เราเข้าใจว่า อาหารที่เราซื้อมา และสามารถฉีดแอลกอฮอล์ลงไป แต่ต้องเรียนว่าแอลกอฮอล์ที่เอามาฉีด เป็นชนิดเอทิลแอลกอฮอล์ (ethyl alcohol)ที่มากกว่า 70% เพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยปกติไม่แนะนำให้ฉีดพ่นอาหาร เพราะอาจไม่ทั่วถึงอาหาร และอาจไม่มีผลการฆ่าเชื้อได้ ที่สำคัญในบางครั้งมีการใส่สารอื่นในแอลกอฮอล์ เช่น สี กลิ่น ฉะนั้นจึงไม่แนะนำให้ฉีด แม้ว่าผู้ผลิตบางรายบอกว่าเป็น ฟู้ด เกรด ที่มีคุณภาพในระดับหนึ่งแต่ไม่มีคำแนะนำให้ฉีดฆ่าเชื้อในอาหาร แต่เราสามารถล้างทำความสะอาด หรือการปรุงสุกมากกว่า 70 องศาเซลเซียส นานกว่า 5 นาที เชื้อโควิดก็จะตายหมด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
@ เดินตลาดแบบนิวนอมอล
เมื่อถามว่าความเสี่ยงที่ประชาชนต้องระวังขณะเข้าตลาด นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จุดที่เป็นพื้นผิวสัมผัสร่วม จุดแรกคือ ห้องน้ำ ที่ต้องจับประตู ก๊อกน้ำ ที่กดชักโครก เราจึงต้องสวมหน้ากากอนามัย จะให้ดีก็ควรสวม 2 ชั้น คือ ด้านในเป็นแบบทางการแพทย์และด้านนอกเป็นหน้ากากผ้า รวมถึงการล้างมือให้สะอาด และขอว่าอย่าถอดหน้ากาก อย่านำมือที่ยังไม่ได้ล้างด้วยแอลกอฮอล์มาสัมผัสใบหน้า อีกจุดหนึ่งคือ ภาชนะสัมผัสร่วมกันที่ต้องผ่านมือหลายคน จึงเน้นย้ำว่า หากจะไปตลาดให้วางแผน และมุ่งไปซื้อตามแผน
“เราคงไม่สามารถปฏิบัติตามเดิม คือ ไปเดินตลาด ดู หยิบ จับเลือกซื้อ ต่อรองราคา อันนั้นเป็นวิถีปกติ แต่ตอนนี้มีความเสี่ยง เราก็ต้องวางแผน เช่นเดียวกับผู้ค้าต้องจัดแลปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค ลดโอกาสที่ทำให้ผู้คนมาสัมผัสกันหลายจุด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage