โควิดวันนี้มีผู้เสียชีวิตทุบสถิติ 312 ราย ขณะที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 20,515 ราย เจอหนักสุดใน กทม. 4,154 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดทั้งหมด 968,957 ราย และมีผู้หายป่วยมากกว่ายอดติดเชื้อ อยู่ที่ 22,682 ราย ด้าน ศบค.เผยตั้งแต่เดือน ส.ค.64 เด็กติดเชื้อพุ่ง 1.5 หมื่น
--------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 20,515 ราย ติดเชื้อในประเทศ 20,498 ราย มาจากระบบบริการ 16,520 ราย เกิดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุก 3,730 ราย ติดเชื้อในเรือนจำ 248 ราย และอีก 17 รายเดินทางกลับจากต่างประเทศ ทำให้มีผู้ป่วยสะสมจากการระบาดทั้งหมด 968,957 ราย และมีผู้ติดเชื้อเข้าข่าย (ATK) อีก 7,210 ราย อยู่ระหว่างยืนยันด้วย RT-PCR
ขณะที่มีผู้หายป่วย 22,682 ราย ทำให้มีผู้หายป่วยสะสมทั้งหมด 753,338 ราย กำลังรักษาตัวอยู่ 207,553 ราย โดยเป็นผู้ป่วยหนัก 5,458 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 1,155 ราย
โดยมีผู้เสียชีวิต 312 ราย มาจากกทม. 78 ราย ปริมณฑล 70 ราย ภาคใต้ 16 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 37 ราย ภาคเหนือ 27 ราย และภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก 84 ราย
ในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 194 คิดเป็น 62% และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง 77 ราย คิดเป็น 24% ซึ่งหากรวมกันพบมีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 86% ขณะเดียวกันมีผู้เสียชีวิตที่บ้าย 3 ราย และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากในครอบครัว คนรู้จัก และอาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด
"สาเหตุที่ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งสูงในวันนี้ เนื่องจากเป็นการรายงานสะสมของบางจังหวัดหลายวันที่ผ่านมาและเพิ่งรายงานวันเดียว คือ ลพบุรี 25 ราย และชลบุรี 20 ราย จากการสอบถามไปยังจังหวัดพบว่า เมื่อมีการเสียชีวิตต้องใช้เวลาในการตรวจสอบข้อมูล และบางรายมีการเสียชีวิตก่อนการตรวจหาเชื้อ จึงทำให้กระบวนการรายงานล่าช้า 2-3 วัน" พญ.อภิสมัย กล่าว
สำหรับจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศรายใหม่ 10 จังหวัดอันดับสูงสุด ประกอบด้วย กทม. 4,154 ราย สมุทรสาคร 1,820 ราย สมุทรปราการ 1,335 ราย ชลบุรี 1,206 ราย นนทบุรี 756 ราย นครราชสีมา 719 ราย ฉะเชิงเทรา 632 ราย ศรีสะเกษ 471 ราย นครปฐม 468 ราย และอยุธยา 437 ราย
"ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงอยู่ในกทม.และปริมณฑล จึงอยากให้เน้นย้ำให้มีการตรวจหาเชื้อเชิงรุก และการจัดทำ Company Isolation ซึ่งจะมีหลักการคล้าย Factory Isolation เพียงแต่เป็นการจัดการสถานที่ทำงาน โดยให้ดูแลบุคลากรที่ติดเชื้อให้มีที่พักค้าง ซึ่งชุมชนต้องรับทราบและยอมรับด้วย จำเป็นต้องมีการจัดการขยะและมีโรงพยาบาลพี่เลี้ยงสนับสนุน ทุกบริษัทสามารถเตรียมการได้เลย" พญ.อภิสมัย กล่าว
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากจากต่างประเทศ ทั้งหมด 17 ราย แบ่งเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย แอฟริกาใต้ 1 ราย ไต้หวัน 2 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย มาเลเซีย 9 ราย เมียนมา 1 ราย และกัมพูชา 2 ราย
นอกจากนั้น มีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกเพิ่ม 355,408 ราย เข็มที่ 2 เพิ่ม 153,519 ราย และเข็มที่ 3 เพิ่ม 9,191 ราย รวมสะสม 24,618,749 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มแรก จำนวน 18,726,405 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 5,381,676 ราย และเข็มที่ 3 จำนวน 510,668 ราย
@ CCRT ลงพื้นที่อีก 47 ชุมชน พบเชื้อ 196 ฉีดวัคซีนเพิ่ม 1,302 ราย
สำหรับผลการดำเนินงานโดยกลุ่ม CCRT ในพื้นที่ กทม.ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-17 ส.ค.2564 ระบุว่า ลงพื้นที่อีก 47 ชุมชน รวมสะสม 3,068 ราย ตรวจหาเชื้อด้วย Antigen Test Kit เพิ่มอีกจำนวน 1,404 ราย พบเชื้อ 196 ราย รวมสะสม 4,608 ราย ส่งเข้าสู่ระบบการรักษาเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ ฉีดวัคซีนเพิ่ม 1,302 ราย แบ่งเป็น ผู้สูงวัย 179 ราย และผู้บริโภคประจำตัว 1,123 ราย สะสม 118,404 โดส
@ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา เด็กติดเชื้อกว่า 1.5 หมื่น คนมีโรคประจำตัวเสียชีวิตพุ่ง 15 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการรายงานสถานการณ์การติดเชื้อในเด็กอายุไม่เกิน 20 ปี ของกรมควบคุมโรคว่า พบตั้งแต่เดือน ส.ค.2564 เป็นต้นมา ติดเชื้อกว่า 15,000 ราย โดยในช่วงวันที่ 14 พ.ค.-16 ส.ค.2564 มีอัตราเสียชีวิต 19 ราย ซึ่งจำนวน 15 รายที่เสียชีวิต ดังนั้นจำเป็นต้องเพิ่มการฉีดวัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ และเด็กที่มีโรคประจำตัวด้วย ที่ผ่านมาจะเห็นเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป เข้ารับการฉีดวัคซีน เป็นไปตามนโยบายเด็กที่มีโรคประจำตัวให้ได้รับวัคซีน
@ สธ.แนะวิธีการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาล หลังหาต้นตอการติดเชื้อไม่ได้หลายเคส
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า ศบค.มีการประชุมเรื่องการป้องกันโควิดแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Prevention เนื่องจากตอนนี้การแพร่กระจายเชื้อเป็นไปอย่างกว้างขวาง หลังค้นหาต้นตอการติดเชื้อไม่ได้ในหลายเคส กระทรวงสาธารณสุขจึงเสนอแนวคิดนี้ มีรายละเอียดดังนี้
1) ออกจากบ้านเมื่อจำเป็น 2) เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ 3) สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ทั้งที่อยู่ในและนอกบ้านที่มีคนมากกว่า 2 คน 4) ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้ง ก่อนทานอาหาร หลังใช้ส้วม ไอจาม หรือสัมผัสสิ่งของร่วมกัน 5) หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสหน้ากากอนามัย
6) ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรัง หลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน 7) ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นผิวที่ถูกสัมผัสบ่อยๆ 8) แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิด 9) เลือกทานอาหารที่ร้อนหรือปรุงสุกใหม่ และ 10) หากสงสัยว่าตนเองมีความเสี่ยง ควรได้รับการตรวจด้วย ATK บ่อยๆ
@ ศบค.เห็นชอบจัดซื้อซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดส ยึดตามรายงาน รร.แพทย์ ชี้วัคซีนมีประสิทธิภาพ
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคว่า การจัดซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่ม 12 ล้านโดสนั้น มาจากความเห็นชอบของ ศบค. โดยยึดความเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งในพื้นที่และโรงเรียนแพทย์ที่หลากหลายจากผลการศึกษาการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งพบว่าบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มและมีการติดเชื้อหลัง 14 วันไปแล้วพบว่าจากรายงานประสิทธิผลของวัคซีนป้องกันการติดเชื้อถึง 72% และป้องกันการเสียชีวิตและเจ็บป่วยรุนแรงสูงที่ 98%
นอกจากนี้เมื่อเทียบกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่บุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อหลังฉีดนั้น พบมีประสิทธิผลในการป้องกันการติดเชื้อมากถึง 88% แต่เมื่อมีการฉีดวัคซีนสูตรผสมกัน พบว่าสามารถป้องกันการติดเชื้อ รวมถึงการเสียชีวิจและเจ็บป่วยรุนแรงได้สูงขึ้น
และอีกเหตุผลหนึ่ง คือ จากเดิมที่เราวางแผนการฉีดวัคซีนทั่วประเทศให้ได้ 100 ล้านโดส แผนเดิมที่วางไว้คือจะมีการเติมวัคซีนเข้ามา 2 ส่วน จากวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์สัน และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเดือนละ 10 ล้านโดส แต่วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันไม่สามารถจัดส่งวัคซีนให้ได้ในไตรมาส 4 ตามที่ตกลงกันไว้ เช่นเดียวกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่สามารถจัดส่งเหลือเดือนละ 5-6 ล้านโดส ทำให้มีความสมเหตุสมผลจำเป็นที่จะต้องจัดหาวัคซีนซิโนแวคเข้ามาเสริมในส่วนที่ขาดหายไป
@ ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 645,515 รวมสะสม 209.37 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 645,515 ราย รวม 209,377,555 ราย อาการหนัก 107,841 ราย หายป่วย 187,668,010 ราย เสียชีวิต 4,394,676 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 137,307 ราย รวม 37,896,582 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 873 ราย รวม 640,093 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 35,201 ราย รวม 32,285,101 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 440 ราย รวม 432,552 ราย บราซิล พบเพิ่ม 38,218 ราย รวม 20,417,204 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,137 ราย รวม 570,718 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 34 ของโลก
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage