ป.ป.ช. ชี้มูลผิด ‘ไพโรจน์ ทองคำ’ ผอ.สำนักการช่าง เทศบาลนครตรัง-พวก ปมออกใบรับรองก่อสร้างอาคารให้ตลาดชินตา ทั้งที่อาคารดังกล่าวเปิดใช้งานไปแล้ว-ยังไม่ได้รับอนุญาต ส่งสำนวนให้ อสส.ฟ้องอาญาแล้ว
................................................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2564 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดตรัง เผยแพร่เอกสารข่าว ระบุว่า กรณีสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับเรื่องกล่าวหานายไพโรจน์ ทองคำ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครตรัง จังหวัดตรัง กับพวก มีความเห็นควรออกใบรับรองการก่อสร้างอาคารฯ ตามแบบ อ.6 ให้กับตลาดชินตา ทั้งที่ที่อาคารดังกล่าวมีการเปิดใช้งานไปก่อนแล้วและยังไม่ได้รับอนุญาตใช้อาคารจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นนั้น
โดยเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาในการประชุม ครั้งที่ 71/2564 มีมติว่า นายไพโรจน์ ทองคำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และนายสมกูล มีขวัญ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ว่ามีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรงตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดตรัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2544 ข้อ 3 วรรคสาม และข้อ 6 วรรคสอง
ส่วนกรณีกล่าวหา นายสนั่น รักดำ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายยงยุทธ เบญจวรางกูล ผู้ถูกล่าวหาที่ 4 ว่ามีมูลเป็นความผิดหรือไม่ มติกรรมการ ป.ป.ช. เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่านายสนั่น รักดำ ผู้ถูกกล่าวหา ที่ 3 และนายยงยุทธ เบญจวรางกูล ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้กระทำความผิดทางอาญาตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาทางอาญาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป แต่มีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความอุตสาหะ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาประโยชน์ของทางราชการ และต้องไม่ประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดตรัง เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวน การลงโทษทางวินัย การให้อออกจากราชการ การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2544 ข้อ 5 วรรคหนึ่ง
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี กับนายไพโรจน์ ทองคำ และนายสมกูล มีขวัญ และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวนเอกสารหลักฐานและ คำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยกับนายไพโรจน์ ทองคำ นายสมกูล มีขวัญ นายสนั่น รักดำ และนายยงยุทธ เบญจวรางกูล ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณี ต่อไป
อย่างไรก็ดีการถูกชี้มูลจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage