ผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 7,058 ราย รวมสะสม 279,367 ราย ป่วยหนัก 2,564 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 1 ใน 3 เสียชีวิตเพิ่ม 75 ราย สธ.ชงปรับมาตรการ จำกัดการเดินทางข้ามพื้นที่ ยันไม่ใช่ล็อกดาวน์ ศบค.เร่งเปิดจุดตรวจวอร์คอิน
-------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.ค. 564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เผยแพร่สถานการณ์โควิดประจำวัน โดยพบผู้ติดป่วยรายใหม่ 7,058 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 6,981 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 5,249 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 1,732 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 68 ราย และอีก 9 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 279,367 ราย หายป่วยเพิ่ม 4,978 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 69,619 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 2,564 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 698 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 75 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 2,462 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 75 ราย มาจาก กทม. 38 ราย สมุทรปราการ 9 ราย นราธิวาส ปทุมธานี จังหวัดละ 4 ราย นครปฐม ยะลา จังหวัดละ 3 ราย ชัยภูมิ สงขลา อุทัยธานี จังหวัดละ 2 ราย และฉะเชิงเทรา สระบุรี นครราชสีมา บุรีรัมย์ ปัตตานี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย แบ่งเป็นชาย 39 ราย หญิง 36 ราย อายุระหว่าง 33-94 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ หลอดเลือดสมอง ติดสุรา โรคปอด โรคตับ อ้วน ส่วนปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อจากคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนในชุมชน เข้าในสถานที่แออัดพลุกพล่าน อาศัยหรือเดินทางไปพื้นที่ระบาด และประกอบอาชีพเสี่ยง ได้แก่ ค้าขาย รับจ้าง โดย 36% เสียชีวิตในช่วง 6 วันหลังได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ และมีบางรายตรวจพบเชื้อภายหลังที่เสียชีวิตแล้ว
ส่วน 10 จังหวัดที่มีอันดับผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 2,212 ราย สมุทรปราการ 565 ราย สมุทรสาคร 517 ราย ชลบุรี 290 ราย ปทุมธานี 229 ราย สงขลา 213 ราย นนทบุรี 180 ราย ปัตตานี 175 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 150 ราย และยะลา 146 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 9 ราย ประกอบด้วย อินโดนีเซีย 1 ราย บาห์เรน 1 ราย กัมพูชา 1 ราย มาเลเซีย 1 ราย และเมียนมา 2 ราย
ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 248,933 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 42,642 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 11,619,618 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 8,494,230 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 3,125,388 ราย
@ ยอดผู้ป่วยต่างจังหวัดพุ่ง เตรียมเพิ่มเตียงสีแดง
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับจำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบ 2,564 ราย ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 698 ราย คิดเป็น 1 ใน 3 มากที่สุดอยู่ที่ กทม. และปริมณฑล 313 ราย และจังหวัดอื่นๆ เช่น ชลบุรี 23 ราย นครราชสีมา 14 ราย ราชบุรี 12 ราย และปัตตานี 12 ราย ทั้งนี้ กรณีการเดินทางข้ามจังหวัด ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อต่างจังหวัดค่อนข้างสูงในการรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา และส่วนหนึ่งมีอาการรุนแรง ทำให้ต้องเพิ่มเตียงสีแดงในต่างจังหวัดด้วย
@ เร่งเปิดจุดตรวจหาเชื้อโควิดวอล์กอิน
พญ.อภิสมัย กล่าวถึง ยอดผู้ป่วยที่เดินเข้ามารับบริการในสถานพยาบาลสูงมากขึ้นถึง 5,249 ราย ส่วนผู้ป่วยจากการคัดกรองเชิงรุก มีสัดส่วนที่ต่างกันมาก ว่า ศบค.มีความเป็นห่วง และไม่นิ่งนอนใจ โดยเร่งหารือเพื่อวางมาตรการรองรับอย่างเร่งด่วน เปิดจุดตรวจหาเชื้อให้ประชาชนเข้าถึงมากขึ้น
ในวันที่ 12 ก.ค.จะมีรถตรวจพระราชทาน ที่สนามธูปเตมีย์ และสนามกีฬาหัวหมาก ส่วนที่กำลังให้บริการขณะนี้ คือ จุดตรวจประกันสังคม ตามมาตรา 33 ที่ อาคารกีฬาเวสน์ ในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) จะมีการค้นหาผู้ป่วย หากติดเชื้อก็นำเข้าสู่การรักษา แต่หากไม่มีการติดเชื้อก็จะจัดสรรให้ฉีดวัคซีนโควิดขึ้น
@ ตั้ง รพ.สนามในชุมชน ดูแลผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้านเต็มรูปแบบ
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์โควิดในพื้นที่ กทม. ว่า มีรายงาน 121 คลัสเตอร์ โดยที่ประชุมกำชับให้มีการเร่งรัดมาตรการแยกกักที่บ้าน (Home isolation) เป็นการดำเนินการของศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักงานเขต กทม. หรือ ศบส.ทั้งหมด 69 แห่ง ร่วมกับคลินิกอบอุ่น 201 แห่ง รวมแล้วจะมีกว่า 270 จุดที่จะเป็นเจ้าภาพ โดยมีสำนักอนามัยเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ ระบบการแยกกักที่บ้านจะต้องมีความปลอดภัย มีข้อจำกัด เช่น บางรายสุขภาพดี กลุ่มสีเขียว ก็แยกกักที่บ้าน จ่ายยาตามความเหมาะสม โดยจะมีการเร่งรัดมาตรการนี้ใน 1-2 วัน เพื่อเข้าระบบอย่างจริงจัง
พญ.อภิสมัย กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ จะมีการเร่งรัดจัดตั้งแยกกักในชุมชน (Community isolation) เรียกว่าเป็น โรงพยาบาลสนามในชุมชน ตรงนี้จะแต่ละเขตจะดำเนินการ และมี รพ.หลักเป็นพี่เลี้ยงสนับสนุน มีการทบทวนมาตรฐาน รพ.สนาม ที่ต้องใช้เวลา ต้องมีมากกว่า 100 เตียง โดยในเวลานี้ นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. เปรียบเหมือนเข้าสงคราม จะให้เรียบร้อยสมบูรณ์ทุกอย่างอาจทำไม่ได้ แต่ให้เป็นมาตรฐานยอมรับได้ และยึดความปลอดภัยโดยผู้ป่วยต้องเข้าสู่ศูนย์พักคอย อย่างที่ว่าดังกล่าว ให้เร็วที่สุด อย่างเดิมเป็นเตียงกล่องกระดาษ อาจต้องเป็นฟูกแทน และระยะนี้ ทางภาคสังคมก็มีความพยายามในการเข้ามาช่วยดำเนินงาน ต้องขอบคุณอย่างยิ่ง บางชุมชนให้ความร่วมมือ มีการจัดแบบขนาดเล็ก เป็นศูนย์พักคอยในชุมชน 10 เตียง หลักการเมื่อตรวจเยอะ เจอผู้ป่วยเยอะ ไม่อยากให้ผู้ป่วยรอที่บ้าน ต้องเข้ารับการดูแล ดังนั้น จึงต้องมีศูนย์พักคอย และรอการเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว
พญ.อภิสมัย กล่าวเน้นย้ำว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับมาตรการ Home Isolation และ Community Isolation เป็นการแยกกักที่บ้านและชุมชน จะใช้ผู้ป่วยกลุ่มอาการขาว และเขียวอ่อนๆ แต่หากเขียวเข้มอาจต้องไป รพ.สนาม ที่มีศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยเขียวแก่ๆ และเหลืองบวก
@ สธ.ชงปรับมาตรการ จำกัดการเดินทางข้ามจังหวัด
พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้มีการสรุปมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขมีการหารือด้วยความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น เสียชีวิตต่อวันสูงขึ้น ในจำนวนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ในวงแรงงาน หรือแคมป์คนงานต่างด้าว แต่อยู่ในลักษณะชุมชน สถานประกอบการ และผู้ติดเชื้อเป็นคนไทยสูงมาก จึงเสนอปรับมาตรการสาธารณสุขและมาตรการทางสังคมที่เข้มข้นมากขึ้น มายัง ศปก.ศบค. ดังนี้ การจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะห้ามการเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด มีการตั้งจุดตรวจเพื่อลดการเคลื่อนย้าย รวมถึงเสนอให้ปรับมาตรการ Work From Home ทั้งภาครัฐและเอกชนให้ระดับเข้มข้นสูงสุด ขอความร่วมมือเปิด-ปิดกิจการ ห้างสรรพสินค้า กิจการประเภทเดียวกัน รวมทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านข้าวต้มรอบดึก เพื่อลดการเคลื่อนย้าย ลดการเดินทางออกนอกพื้นที่ของประชาชน ให้อยู่บ้านลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ ปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะ
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมมีความเป็นห่วงว่าการลดเวลาต่างๆ และการปรับมาตรการต้องคำนึงถึงการคงไว้ความจำเป็น เช่น สาธารณูปโภค อาหาร อย่าง ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลาด อาจยังจำเป็นต้องเปิด แม้กระทั่งร้านขายเครื่องมืออุปกรณ์ช่าง เช่น กรณีมีการจำกัดเวลาแล้วเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ประชาชนจะยังคงได้รับความปลอดภัยด้วย พร้อมทั้งเน้นย้ำว่าเป็นมาตรการที่ สธ.หารือกัน และนำเสนอ ศบค.ชุดเล็กในวันนี้ แต่จะต้องมีการนำเสนอไปยัง ศบค.ชุดใหญ่ จะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) เวลา 10.00 น. จึงย้ำว่ามาตรการนี้ยังไม่มีผล และยังต้องปรับในรายละเอียดต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ขอให้ติดตามกันในวันพรุ่งนี้
@ ยืนยันไม่มีคำว่า 'ล็อกดาวน์'
พญ.อภิสมัย ตอบคำถามถึงผลการประชุมสาธารณสุขที่เสนอให้ ฟูลล็อกดาวน์ 14 วัน ห้ามออกจากบ้าน เริ่มวันศุกร์นี้ ว่า ยืนยันไม่มีคำว่า ล็อกดาวน์ โดยสิ่งที่ สธ.เสนอเป็นเรื่องการปรับมาตรการ มีรายละเอียดว่ากิจการและกิจกรรมใดมีการปรับ ระยะเวลาต้องเป็นอย่างไร พื้นที่ใด จังหวัด ยังไม่ได้เป็นข้อสรุปออก ต้องเสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาและอนุมัติในวันพรุ่งนี้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ทาง ศบค.เน้นย้ำเสมอว่าให้ประชาชนงดเว้นการเดินทาง ไม่แนะนำให้เดินทาง ยกเว้นกรณีมีความจำเป็น และขณะรอผลตรวจโควิดไม่ควรเดินทาง รวมถึงผู้ผลว่าติดเชื้อแล้วพยายามเดินทางกลับภูมิลำเนาไปรับการรักษา เพราะมีโอกาสแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น แต่หากมีความจำเป็นให้ติดต่อไปยังศูนย์ประสานงานยังคนกลับบ้านที่จังหวัดปลายทาง
@ ทั่วโลกป่วย 454,244 ราย สะสม 185.84 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 454,244 ราย รวม 185,843,562 ราย อาการหนัก 77,686 ราย หายป่วย 170,090,312 ราย เสียชีวิต 4,017,622 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 16,429 ราย รวม 34,643,902 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 244 ราย รวม 621,873 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 45,674 ราย รวม 30,708,570 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 817 ราย รวม 405,057 ราย บราซิล พบเพิ่ม 54,022 ราย รวม 18,909,037 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,595 ราย รวม 528,611 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 64 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/