ติดเชื้อรายใหม่ 5,533 ราย อาการหนัก 1,971 ราย รวมสะสม 264,834 ราย เสียชีวิตอีก 57 ราย ศบค.จ่อจัดสรรวัคซีนให้นครปฐมเพิ่ม พบ 2 คลัสเตอร์ใหม่ใน 2 จังหวัด ย้ำแต่ละจังหวัดเฝ้าระวังแรงงานพื้นที่เสี่ยงเดินทางกลับบ้าน ยันภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์พร้อม คุมมาตรการเข้ม
--------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) เผยแพร่สถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ติดป่วยรายใหม่ 5,533 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 5,477 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 3,788 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 1,689 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 44 ราย และอีก 12 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 264,834 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,223 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 52,052 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,971 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 566 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 57 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 2,080 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต 57 ราย มาจาก กทม. 34 ราย สมุทรปราการ 9 ราย ปทุมธานี 3 ราย นครปฐม นครนายก จังหวัดละ 2 ราย และเชียงราย ชัยภูมิ สงขลา นครศรีธรรมราช นราธิวาส สมุทรสาคร สุพรรณบุรี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 30 ราย หญิง 27 ราย อายุระหว่าง 30-94 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต โรคหัวใจ โรคปอด หลอดเลือดสมอง อ้วน มะเร็ง โรคตับ SLE ส่วนปัจจัยเสี่ยงติดเชื้อจากคนในครอบครัว เพื่อบ้าน เพื่อนร่วมงาน ลูกจ้าง ผู้ป่วยที่ศูนย์ดูแล ลูกค้า ไปในสถานที่แออัดพลุกพล่าน คือ ตลาด งานศพ โรงพยาบาล เรือนจำ ประกอบอาชีพเสี่ยง ได้แก่ ค้าขาย รับจ้าง จักรยานยนต์รับจ้าง ช่างตัดผม และอาศัยหรือเดินทางไปในพื้นที่ระบาด
ส่วน 10 จังหวัดที่มีอันดับผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 1,960 ราย สมุทรปราการ 435 ราย ปทุมธานี 321 ราย สมุทรสาคร 298 ราย สงขลา 272 ราย ชลบุรี 261 ราย นครปฐม 231 ราย นนทบุรี 224 ราย ปัตตานี 180 ราย และยะลา 136 ราย
ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ประกอบด้วย มัลดีฟส์ 1 ราย เมียนมา 2 ราย และกัมพูชา 9 ราย
@ เตรียมจัดสรรวัคซีนให้นครปฐมมากขึ้น
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์การฉีดวัคซีนในไทย มีผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 200,685 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 54,307 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 9,927,698 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 7,110,854 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 2,816,844 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรวัคซีนมากที่สุดเป็นกลุ่มจังหวัดระบาด พื้นที่สีแดงเข้ม คือ กทม. มีประชากร 7,699,174 ราย รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 2,411,559 ราย คิดเป็น 31.32% รองมาคือ สมุทรสาคร มีประชากร 953,167 ราย ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 แล้ว 178,809 ราย คิดเป็น 18.76% นนทบุรี มีประชากร 1,609,191 ราย รับเข็มที่ 1 แล้ว 289,822 ราย คิดเป็น 18.01% สมุทรปราการ มีประชากร 1,931,781 ราย รับเข็มที่ 1 แล้ว 302,355 ราย คิดเป็น 15.65% ปทุมธานี มีประชากร 1,533,871 ราย ได้รับเข็มที่ 1 แล้ว 150,684 ราย คิดเป็น 9.82%
ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก ได้มีการพิจารณาหารือจัดสรรวัคซีนให้กับ จังหวัดนครปฐมมากขึ้น เนื่องจากนครปฐม มีประชากร 1,125,349 ราย ได้รับเข็มที่ 1 แล้ว 64,104 ราย คิดเป็น 5.70% โดยกรมควบคุมโรคได้รับเรื่องไว้แล้ว
@ ย้ำจังหวัดเฝ้าระวังแรงงานพื้นที่เสี่ยงเดินทางกลับบ้าน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า จากรายงานผู้ป่วยใหม่ในช่วง 2 สัปดาห์ รวม 71 จังหวัด ในวันนี้มีกลุ่มจังหวัดที่มีผู้ป่วยมากกว่า 20 ราย จำนวน 26 จังหวัด จังหวัดที่มีผู้ป่วยอยู่ที่ 11-19 ราย มี 11 จังหวัด ผู้ป่วย 1-10 ราย มี 30 จังหวัด และไม่มีผู้ป่วยใหม่เลย 4 จังหวัด สะท้อนให้เห็นภาพที่ชัดเจน คือ ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเดินทางข้ามพื้นที่จาก กทม.และปริมณฑล ทำให้กระจายการติดเชื้อไปยังจังหวัดปลายทาง 32 จังหวัด ทั้งภาคเหนือ 20 ราย ภาคกลาง 23 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 84 ราย และภาคใต้ 2 ราย ส่งผลให้แต่ละจังหวัดออกประกาศอย่างเข้มงวดในการเดินทางเข้าจังหวัด โดยแต่ละพื้นที่ไดมีการประกาศให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังเข้มงวดสูงสุด เพราะอาจมีประชาชนที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยง กทม.และปริมณฑล หรือภาคใต้ มีการเคลื่อนย้ายแรงงานกลับบ้าน
พญ.อภิสมัย กล่าวเน้นย้ำว่า สำหรับผู้ที่เดินทางออกไปจากพื้นที่เสี่ยง จำเป็นที่จะต้องกักตัวเอง เพราะอาจจะเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยหลีกเลี่ยงการพบปะสังสรรค์ ไม่ไปในที่ชุมชน ปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุข เนื่องจากระยะฟักตัวของเชื้อโควิดจะอยู่ที่ 2-14 วัน ทั้งนี้ ขอให้แต่ละจังหวัดเน้นย้ำประกาศและติดตามผู้เดินทางเข้าจังหวัด รวมถึงโรงพยาบาลปลายทาง หากมีผู้เข้ารับบริการให้ตรวจโควิดทุกรายที่มีอาการปลอดอักเสบ ไข้ ไอ เสมหะ เนื่องจากผู้ที่มารับบริการอาจมาจากพื้นที่เสี่ยง พร้อมย้ำผู้ป่วย อย่าปกปิดข้อมูลกับบุคลากรทางการแพทย์
@ คลัสเตอร์วิทยาลัยเทคนิค จ.สระบุรี โยงคลัสเตอร์ฝึกงาน
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงในส่วนของคลัสเตอร์ใหม่ว่า มีรายงาน 2 แห่ง 2 จังหวัด รวม 115 ราย ดังนี้ นครปฐม โรงงานไก่ พื้นที่ดอนตูม พบการติดเชื้อ 104 ราย และสระแก้ว วิทยาลัยเทคนิค พื้นที่วังน้ำเย็น พบการติดเชื้อ 11 ราย มีความเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์นักศึกษาฝึกงานที่เคยรายงานไปก่อนหน้าที่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เดินทางไปฝึกงานตามโรงงานต่างๆ จึงต้องเน้นย้ำมาตรการของโรงงาน หากมีการรับคนเข้าทำงาน ต้องเข้มงวดมาตรการองค์กรมากขึ้น
@ ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์พร้อมรับนักท่องเที่ยว คุมมาตรการเข้ม
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่รับวัคซีนป้องกันโควิดครบเกณฑ์จากประเทศต้นทางที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ในโครงการ 'ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์' โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วยคณะทำงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม หากโมเดลนี้สามารถขับเคลื่อนไปได้ตามแผน จะเป็นตัวอย่างให้กับจังหวัดอื่นๆ ในมาตรการที่เข้มงวดขึ้น
พญ.อภิสมัย เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก มีการทบทวนมาตรการของภูเก็ตแซนด์ บ็อกซ์ โดยมีการพูดคุยหารือกันหลายเดือน และจังหวัดภูเก็ตได้ทำการบ้านมาอย่างรอบคอบ มีการนำเสนอในหลายที่ประชุม ทั้ง ครม. และคณะทำงานที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขในการเตรียมความพร้อม วันนี้จะเป็นการตรวจเยี่ยมอย่างเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่มาถึงสนามบินเป็นต้นไป
พญ.อภิสมัย กล่าวย้ำว่า ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ มีมาตรการที่เข้มงวด โดยทางจังหวัดได้มีการซักซ้อมเรื่องของแผนการจัดการกรณีพบการติดเชื้อหรือการแพร่ระบาด หากพบรายงานการติดเชื้อ 15 ราย ต่อจำนวนประชากร 1 แสนราย ใน 1 สัปดาห์ หมายความว่า ถ้ามีการติดเชื้อ 75 ราย จากประชากรจำนวน 5 แสนราย จะมีการทบทวนและชะลอยกเลิกโครงการ จึงขอเน้นย้ำเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าทุกมาตรการ เมื่อมีการประกาศใช้จะต้องมีการติดตามอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามหากภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์สามารถดำเนินการอย่างครบถ้วน ทุกภาคส่วนร่วมมืออย่างแข็งขัน สามารถทำได้ดี ก็จะเป็นโครงการนำร่องที่หลายจังหวัดเริ่มเสนอกันเข้ามาเช่น ทั้งนี้ ได้มีการหารือเรื่องการนำร่องในกลุ่มเกาะฝั่งอันดามัน ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา ฝั่งอ่าวไทย ที่สมุย พะงัน และ เกาะเต่า ในส่วนพื้นดินได้มีการตระเตรียมการนำเสนอแผน พยายามปรับมาตรการให้ภาคเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ เช่น เชียงใหม่ บุรีรัมย์
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ศบค. ชุดเล็ก ยังมีข้อเสนออีกว่า จังหวัดหรือพื้นที่อื่นๆ ที่มีความตั้งใจพัฒนาเศรษฐกิจที่อาจจะไม่ใช่เฉพาะการท่องเที่ยว ขอให้ดูแบบประเมินตนเอง จะมีข้อแตกต่างในแต่ละจังหวัด ในสถานการณ์การระบาดจะต้องสามารถควบคุมได้และประชากรในจังหวัดหรือพื้นที่นั้นจะต้องได้รับวัคซีนเพียงพออย่างน้อย 70% ของประชากรในพื้นที่ ก็สามารถเริ่มร่างมาตรการ เสนอเพื่อการพิจารณาได้ ทั้งนี้บางฝ่ายมองว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวอาจจะยังไม่มีความพร้อม แต่ทีมงานที่พยายามศึกษาหาข้อมูล มีคณะทำงานหลายฝ่าย พยามเสนอมาตรการและเน้นย้ำว่าจะสามารถกำกับติดตามได้อย่างเข้มงวด
@ ยันเช็กความพร้อมก่อนเปิดประเทศ 120 วัน แผนยืดหยุ่นได้
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกได้แสดงความเห็นว่าในระยะยาวโควิดจะยังไม่หายโดยเร็ว ยังอยู่กับประเทศไทย และอยู่กับโลก แต่จะไม่ก่อให้เกิดการระบาดที่รุนแรงหรืออัตราผู้เสียชีวิตเจ็บป่วยรุนแรงเป็นภาระต่อโลก จึงจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ที่ยังเป็นรูปที่ยังมาเป็นฤดูกาล ทั้งนี้ฝ่ายสาธารณสุขต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าในการเปิดประเทศการผ่อนปรนมาตรการต้องมีความจำเป็น เพราะถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ไม่เฉพาะภาคธุรกิจแต่ยังรวมไปถึงการท่องเที่ยว การดำเนินกิจการโรงงานสถานประกอบการ ทั้งนี้ มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด จะต้องสอดคล้องกับความอยู่รอดของประชาชนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคม โดยความเสี่ยงจะต้องอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้
ส่วนกรณีที่มีข้อกังวลเกี่ยวกับเปิดประเทศใน 120 วัน ที่จะเกิดขึ้นในเดือนต.ค.หรือ พ.ย.นี้ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การประกาศไม่ใช่การตัดสินใจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่มีการหารือกับคณะทำงาน หลายภาคส่วน และเน้นย้ำว่า 120 วันจากนี้ไป จะมีการกำกับติดตามมาตรการและขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆอย่างเข้มงวด และหากในระหว่างนี้มีการพิจารณาจากคณะทำงานว่ายังไม่พร้อม แผนก็จะมีการปรับเปลี่ยนยืดหยุ่นได้ การประกาศ 120 วันถือเป็นทิศทางที่จะขับเคลื่อนทุกภาคส่วน
@ อังกฤษ-อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนแล้ว แต่พบการระบาดต่อเนื่อง
พญ.อภิสมัย กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดของโควิดทั่วโลกว่า สำหรับประเทศที่ยังมีการรายงานสูง คือ อังกฤษมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 26,068 ราย สะสม 4.8 ล้านราย จะเห็นได้ว่า อังกฤษฉีดวัคซีนเกิน 50% ของประชากรแล้ว แต่ยังมีการระบาดต่อเนื่อง โดยมีการประกาศล็อกดาวน์แล้ว ขณะเดียวกัน อินโดนีเซีย มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนแล้วกว่า 39 ล้านราย แต่ยังมีการระบาดต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
@ ทั่วโลกป่วย 389,637 ราย สะสม 182.97 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 389,637 ราย รวม 182,975,530 ราย อาการหนัก 79,223 ราย หายป่วย 167,554,646 ราย เสียชีวิต 3,962,781 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 14,197 ราย รวม 34,540,845 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 249 ราย รวม 620,249 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 48,878 ราย รวม 30,410,577 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 991 ราย รวม 399,475 ราย บราซิล พบเพิ่ม 45,859 ราย รวม 18,559,164 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,127 ราย รวม 518,246 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 72 ของโลก
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage