"...ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือนแรกฉีดวัคซีนไป 13 ล้านคน พบคนที่แพ้แบบรุนแรงประมาณ 5 คนในหนึ่งล้านคน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต สำหรับผู้เสียชีวิต 113 คนจากผู้ฉีดวัคซีน 13 ล้านคน จากการสอบสวนพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอุบัติเหตุ หรือจากโรคประจำตัวที่มี ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน..."
............................................................
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2564 ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงความพร้อมด้านวัคซีนป้องกันโควิด ว่า สถานการณ์การระบาดโรคโควิดเป็นการระบาดใหญ่ในรอบร้อยปี นับจากการระบาดไข้หวัดสเปน เมื่อปี 2461 ในขณะนั้นประเทศไทยมีผู้เสียชีวิต ประมาณ 8 หมื่นคน จากจำนวนประชากรทั้งหมดประมาณ 8 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 1 โดยการระบาดครั้งนั้นใช้ระยะเวลา 2 ปี สถานการณ์จึงกลับมาสงบ
@วัคซีนยับยั้งโควิด คาด 1 ปีสถานการณ์เป็นปกติ
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า การระบาดโควิดครั้งนี้ ถ้าหากประเทศไทยไม่มีมาตรการใดๆ หรือแนวทางในการป้องกัน แนวโน้มผู้เสียชีวิตอาจจะมากถึงร้อยละ 1 หรือประมาณ 7 แสนคนของประชากรทั้งหมด จากแนวทางและมาตรการการป้องกันต่างๆ ทำให้อัตราผู้เสียชีวิตในประเทศน้อยมาก และแนวทางที่จะยุติอัตราการสูญเสียนี้ คือ การฉีดวัคซีน จะทำให้มีภูมิคุ้มกัน คาดว่าอีก 1 ปี สถาการณ์จะกลับสู่สภาวะปกติ
ศ.นพ.ยง กล่าวต่อว่า การถือกำเนิดของวัคซีนโควิด นับเป็นประวัติศาสตร์ของโลกที่สามารถสามารถคิดค้นประดิษฐ์วัคซีนมาต่อสู้กับโรคที่อุบัติใหม่ได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี วัคซีนที่กำลังได้รับความสนใจและถูกจับตามองในขณะนี้ คือ วัคซีนของบริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ที่กำลังจะขึ้นทะเบียนในประเทศไทยเร็วๆนี้ จุดเด่นของวัคซีนบริษัทนี้คือ การฉีดเข็มเดียว ก็สามารถป้องกันโรคได้ ส่วนวัคซีนที่กำลังจะฉีดในประเทศไทยขณะนี้ คือ วัคซีนจากบริษัทซิโนแวคและแอสตร้าเซเนก้า ที่ได้รับการยอมรับแล้วว่ามีประสิทธิภาพดี สามารถป้องกันโควิด และป้องกันความรุนแรงของโรคได้
@วัคซีนยี่ห้อไหน เหมาะกับใคร?
ศ.นพ.ยง กล่าวถึงสาเหตุว่าทำไมต้องฉีดวัคซีนให้กับบุคคลที่อายุ 18-59 ปี ว่า เนื่องจากวัคซีนเป็นวัคซีนใหม่ อยู่ในขั้นตอนการศึกษาระยะที่ 1 2 และ 3 ซึ่งเป็นขั้นตอนศึกษาในคน มีการศึกษาในคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เพียงร้อยละ 3-4 เท่านั้น ฉะนั้นข้อมูลจึงไม่เพียงพอ ไม่สามารถทราบได้ว่าหากฉีดให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป จะมีผลป้องกัน ผลข้างเคียง หรืออาการแทรกซ้อนอย่างไร จึงต้องรอผลการศึกษาเพิ่มเติม คาดว่าจะทราบผลไม่เกิน 1-2 เดือน
ศ.นพ.ยง กล่าวว่า สำหรับเด็กเป็นกลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีน เพราะขณะนี้ทุกบริษัท กำลังลงไปศึกษาในกลุ่มเด็ก ที่ผ่านมาทำการศึกษาผู้ใหญ่ก่อน เพราะกลุ่มเด็กเป็นกลุ่มที่หากติดเชื้อแล้ว อาการไม่รุนแรง ส่วนกรณีผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากเป็นวัคซีนใหม่ยังไม่มีการศึกษาในคนท้อง จึงแนะนำว่าไม่ให้คนท้องฉีด ยกเว้นคนท้องคนนั้นเสี่ยงมาก เช่นเป็นบุคลากรด่านหน้าที่อยู่กับโรค และหากติดโรคไปแล้ว ความเสี่ยงของการเกิดโรค จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของตัวบุคคลหรือของเด็กในครรภ์ ต้องพิจารณาเป็นรายกรณีไป
ศ.นพ.ยง กล่าวถึงกรณีการฉีดวัคซีนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าเป็นกรณีการฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีอายุเกิน 60 ปี จำเป็นต้องยึดกฎเกณฑ์หลักปฎิบัติก่อน นายกรัฐมนตรีต้องฉีดแน่นอน แต่ทันทีที่มีข้อมูลหรือผลการศึกษา
@อิสราเอลฉีดวัคซีนแล้ว 80% อัตราติดเชื้อลดลงกว่าครึ่ง
ศ.นพ.ยง ระบุว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนแล้วมากกว่า 220 ล้านโดส และมีบางประเทศฉีดเข็มแรกครอบคลุมประชากรแล้วถึงร้อยละ 80 เช่น ประเทศอิสราเอล หรือบางรัฐในสหรัฐอเมริกา ทำให้เห็นว่า โรคโควิดเริ่มลดลง หลังจากอิสราเอล เริ่มให้วัคซีน ตั้งแต่เดือน ธ.ค. พบว่าอัตราการติดเชื้อลดลงประมาณร้อยละ 50 และอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ แสดงให้เห็นประสิทธิภาพของการป้องกันโรคของวัคซีน
“ผมตอบได้เลยว่า ไม่ต้องเสียเวลาคิด เพราะการฉีดวัคซีน นอกจากป้องกันเราแล้ว อีกทั้งยังเป็นการป้องกันเขา หรือคนรอบข้างด้วย โรคก็จะลดลง” ศ.นพ.ยง กล่าว
ศ.นพ.ยง กล่าวย้ำว่า ขอเชิญชวนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากๆ ถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนเพื่อชาติ เนื่องจากเมื่อทุกคนได้รับวัคซีน สถานการณ์โควิดก็จะดีขึ้น โรคจะสงบ เศรษฐกิจก็จะฟื้นฟูกลับมาสู่สภาวะปกติ พร้อมเปิดเผยว่า สธ.ได้วางแผนการฉีดวัคซีน โดยจะทยอยฉีดตามความเสี่ยง เรียงลำดับจากบุคคลากรทางการแพทย์ พื้นที่เสี่ยงก่อน พร้อมแนะนำว่าเมื่อถึงลำดับที่จะได้รับวัคซีน ควรรีบเข้ารับเลย
@ฉีดแล้ว 220 ล้านโดสทั่วโลกยังไม่พบใครเสียชีวิต
ศ.นพ.ยง กล่าวถึงอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนว่า สามารถเกิดผลข้างเคียงได้ทุกชนิดวัคซีน แต่ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจภูมิต้านทานก่อนการฉีดวัคซีนหรือหลังฉีด ปัจจุบันทั่วโลกฉีดไปแล้ว 220 ล้านโดส ไม่พบว่าผู้เสียชีวิตจากวัคซีนแม้แต่คนเดียว
"ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือนแรกฉีดวัคซีนไป 13 ล้านคน พบคนที่แพ้แบบรุนแรงประมาณ 5 คนในหนึ่งล้านคน แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต สำหรับผู้เสียชีวิต 113 คนจากผู้ฉีดวัคซีน 13 ล้านคน จากการสอบสวนพบว่าสาเหตุการเสียชีวิตมาจากอุบัติเหตุ หรือจากโรคประจำตัวที่มี ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน" ศ.นพ.ยง กล่าว
@ฉีดวัคซีน ยังติดโควิดได้หรือไม่ ?
ศ.นพ.ยง กล่าวย้ำว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว สามารถติดเชื้อได้ เพราะข้อมูลต่างๆ บอกว่าไม่ได้ป้องกันโรคได้ร้อยละ 100 แต่การติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนส่วนใหญ่ จะทำให้มีอาการน้อยลง เพราะวัคซีนลดอัตราการเสียชีวิต ลดการรุนแรงที่จะเข้าโรงพยาบาล อาการป่วยน้อยลงเหลือเพียงหวัดธรรมดา
ส่วนกรณีเป็นโควิดแล้ว จะต้องฉีดวัคซีนอีกหรือไม่ ศ.นพ.ยง กล่าวว่า การเป็นโควิดแล้ว จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา แต่ภูมิต้านทานไม่ได้อยู่ตลอดไป จากผลศึกษาพบว่าหลังเป็นโควิด 3 เดือน จะเกิดภูมิต้านทาน และภูมิต้านทานจะลดลงไปหลัง 6 เดือน ฉะนั้นถ้าเป็นแล้ว อยากฉีดวัคซีน ควรรอฉีดหลัง 6 เดือน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage