"...ระบบมาเฟียนั้น มันต้องมีการจับมือกันระหว่างซุ้มผู้ประกอบการกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยต้องจัดตั้งกันจนเป็นระบบเลยทีเดียว อย่างบ่อนระยองนี่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่าถึงขั้นพัฒนาเป็นระบบให้สัมปทาน ที่เจ้าพ่อจ่ายเงินซื้ออำนาจตำรวจด้วยข้อตกลงเดียวกับเจ้าหน้าที่กลุ่มเดียว ก็ซื้อได้เรียบร้อยหมด ซื้อได้พื้นที่ทั้งจังหวัด ได้ความสมยอมของตำรวจทุกเหล่าทั้งโรงพักในพื้นที่และส่วนกลางเช่นกองปราบ และได้ทุกระดับด้วยทั้งจังหวัด กองบัญชาการ และกรม..."
....................................
ถาม โควิด 2 ต่างกับโควิด 1 อย่างไร
ตอบ โควิด 1 เป็นโควิดโลกาภิวัฒน์ ที่แพร่เข้าบ้านเราตามความใกล้ชิดกับต่างประเทศแต่โควิด 2 เป็น โควิดมาเฟีย ที่มีชุมชนแรงงานเถื่อนสมุทรสาคร กับบ่อนพนันตอนเหนือตะเข็บชายแดนพม่า และอาณาจักรบ่อนตะวันออก เป็นฐานซ่องสุมโรค ฐานโควิดทั้งสามฐานนี้ล้วนเกิดจากโครงข่ายมาเฟียทั้งสิ้นแพร่เข้ามาแล้วก็กระจายได้กว้าง เร็ว เงียบ เรามัวแต่ดักโรคที่สุวรรณภูมิ กว่าจะรู้ตัวว่าเข้าบ้าน เข้าห้างแล้ว ก็ไล่ตามไล่ตรวจกันไม่หวาดไม่ไหวจนวันนี้ก็ถึงขั้นต้องตั้งด่านตรวจกักกันกันทั้งภาคเลย วิกฤตทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าบ้านเราไม่มีโครงข่ายมาเฟียบ่อนพนันและมาเฟียค้าแรงงานเถื่อน ที่เติบกล้าครบวงจรแล้ว
ถาม เติบกล้าครบวงจรอย่างไร
ตอบ ระบบมาเฟียนั้น มันต้องมีการจับมือกันระหว่างซุ้มผู้ประกอบการกับเจ้าหน้าที่รัฐ โดยต้องจัดตั้งกันจนเป็นระบบเลยทีเดียว อย่างบ่อนระยองนี่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ระบุว่าถึงขั้นพัฒนาเป็นระบบให้สัมปทาน ที่เจ้าพ่อจ่ายเงินซื้ออำนาจตำรวจด้วยข้อตกลงเดียวกับเจ้าหน้าที่กลุ่มเดียว ก็ซื้อได้เรียบร้อยหมด ซื้อได้พื้นที่ทั้งจังหวัด ได้ความสมยอมของตำรวจทุกเหล่าทั้งโรงพักในพื้นที่และส่วนกลางเช่นกองปราบ และได้ทุกระดับด้วยทั้งจังหวัด กองบัญชาการ และกรม เมื่อซื้ออำนาจได้เบ็ดเสร็จด้วยการจ่ายเบ็ดเสร็จแบบนี้เมื่อใด ฝ่ายเอกชนผู้ประกอบการ(เจ้าพ่อ)ก็จะมั่นคงพอที่จะลุยลงทุนได้เต็มพิกัด จนระยองกลายเป็นมาเก๊าเมืองไทยไปเลยทีเดียว แล้วก็ยังขยายต่อไปจันทบุรี ชลบุรี อีกด้วย เมื่อโควิดเข้าบ่อนก็ลามเข้าบ้านจนถึงขนาดต้องปิดภาคตะวันออกตรวจกันอย่างที่เห็น
ถาม ถ้าซื้ออำนาจรัฐทั้งระบบอย่างนี้ไม่ได้ ก็ลงทุนจนเป็นองค์การมาเฟียไม่ได้
ตอบ เหมือนคุณเป็นพ่อเลี้ยงแม่สอด ลุยตัดไม้สักในพม่าได้มากมาย ต้องขนเป็นขบวนใหญ่จากแม่สอดมาลงเรือส่งออกที่คลองเตยเป็นสิบคันรถฯ ถามว่าคุณจะผ่านตำรวจมาได้อย่างไร ทั้งตำรวจภูธรตาม สน.รายทาง, ตำรวจป่าไม้,ตำรวจกองปราบ,ตำรวจทางหลวง,ตำรวจวิทยุฯ ทั้งหมดนี้คุณจะควักไปจ่ายไปเป็นด่านๆ ไม่ได้ มันต้องจ่ายครั้งเดียว แล้วให้เขาไปจัดการกันเอง มันถึงจะเป็นไปได้และคุมต้นทุนทางกฎหมายได้
ถาม ก็หนีไม่พ้นระบบขอสัมปทานขนไม้เถื่อนอีก ระบบสัมปทานอย่างนี้ก็ต้องมีมาเฟียอยู่ในฟากตำรวจด้วย ถึงจะจัดการอำนาจตำรวจได้เบ็ดเสร็จทุกส่วน
ตอบ ถูกต้องครับ เฉพาะสัมปทานบ่อนนี้ กำเริบเสิบสานมากตั้งแต่ยุค คสช.แล้ว คุณจะพบว่าในสมัย คสช.นั้น ระบบโยกย้ายแต่งตั้งตำรวจได้ถูกรื้อทิ้งหมดเลย กล่าวคือ
- ก่อน คสช.นั้น อำนาจโยกย้ายแต่งตั้ง ผู้การ,ผู้กำกับ จะอยู่ที่การประเมินผลและเสนอ กตร. โดยกองบัญชาการต่างๆ โดยระบบนี้การย้ายตำรวจข้ามภาคจะเกิดขึ้นได้ยาก
- ยิ่งไปกว่านั้นการย้ายแต่ละครั้ง จะทำได้เมื่อผู้นั้นดำรงตำแหน่งเกิน 2 ปีแล้ว ถ้าก่อน 2 ปี ต้องมีเหตุผลโดยชอบที่อธิบายได้
- ในส่วนของการเลื่อนระดับ ให้ถืออาวุโสเป็นเกณฑ์ เว้นแต่จะมีเหตุผลโดยชอบอันอธิบายได้
คุณลองคิดดูสิครับว่า ถ้าเกณฑ์ทั้งสามข้างต้นถูกรื้อทิ้งไปแล้ว อะไรจะเกิดขึ้น คำตอบก็คือ “มาเฟียตำรวจ” นั่นเอง
ถาม คงวิ่งเต้นหรือขายตัว กันได้ทั้งประเทศเลยเป็นแน่
ตอบ นั่นแน่นอนอยู่แล้วครับ เมื่อผู้กำกับหรือสารวัตร ใน สน.ระยอง สิบกว่า สน. จะถูกเตะถูกย้ายเมื่อไหร่ไปไหนก็ได้ แล้วเอาใครมานั่งก็ได้ อาวุโสเท่าใดก็ได้อย่างนี้ ซุ้มอำนาจในกรุงเทพ ก็ย่อมคัดสรรผู้ยอมตนเป็นลูกน้อง มาร่วมอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับสัมปทานบ่อนระยองได้ โดยสะดวก
ในแนวดิ่งนั้นคนไม่ดีจะก้าวข้ามอาวุโสตะกายขึ้นไปครองอำนาจได้ทุกขณะเช่นกัน
ถาม เห็นคุณสนธิระบุว่า คราวที่แล้วมีผู้กำกับในระยอง ชลบุรี ถูกเตะโด่งออกนอกภาค 2 สิบกว่าคนเลยนะครับ
ตอบ อันที่จริงเขาเตะข้ามภาคกันมาหลายปีแล้ว เพราะช่วง คสช.นั้นมีการซื้อขายตำแหน่งอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ถ้าคุณไม่เชื่อไปถามบิ๊กโจ๊กดูก็ได้ แต่พอมาถึงกรณีให้สัมปทานบ่อนตะวันออก มันก็เตะตามความเหมาะสมเพื่อหาคนที่ยอมร่วมมือมาอยู่ระยองเท่านั้น
ถาม เมื่อ คสช.รื้อระบบบริหารบุคคลของตำรวจจนเละเทะอย่างนี้ หลายปีที่ผ่านมานี้ คนดีๆมียางอายมีฝีมือในราชการตำรวจ คงต้องจมอยู่ตามพื้นที่บ้านนอก และหาความก้าวหน้า ก้าวขึ้นมาระดับสูงได้ยากมากใช่ไหมครับ
ตอบ เป็นเช่นนั้น อย่าหวังเลยว่าตำรวจยุคลุงตู่ จะใช้งานเพื่อบ้านเมืองได้อย่างจริงจัง “โควิดมาเฟีย ” ในวันนี้ เป็นผลบั้นปลายของความทรุดโทรมในราชการตำรวจยุค คสช. คุณอย่าไปเพ่งเล็งให้ปราบบ่อนหรือแรงงานเถื่อน หรือย้ายตำรวจเท่านั้น เพราะมันถึงขั้นเป็นโรคช้ำรั่วกันไปแล้ว
ถาม “ช้ำรั่ว” มันเป็นอาการกลั้นปัสสาวะไม่ได้ไม่ใช่หรือครับ มันเกี่ยวกับโควิดที่ตรงไหน
ตอบ โรคช้ำรั่วนี้มันกลั้นฉี่ไม่ได้ ก็เพราะระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่กระเพาะปัสสาวะมันเสื่อมไปหมดจนถึงหูรูดแล้ว ในทำนองเดียวกันเมื่อระบบตำรวจเสื่อมอาชญากรรมก็ต้องกำเริบไหลเรื่อยออกมาเหมือนปัสสาวะนั่นเอง
ถาม อย่างนี้เราก็ปราบบ่อนไม่ได้
ตอบ ถ้ากล้าจริงลงมือจริงก็ยังพอมีทางจะทำทั้งระบบด้วยตัวระบบเองได้ ไม่ต้องประกาศให้ชาวบ้านแจ้งนายกฯหรอกครับ วิธีนี้ในทางปกครองแล้ว มันน่าอายมาก
ถาม ขณะเดียวกันก็ต้องลงมือปฏิรูปผ่าตัดตำรวจไปด้วยเลย
ตอบ ผมไม่เคยเห็น คสช.เขาเอาจริงปฏิรูปอะไรเป็นเรื่องเป็นราว เขาปฎิวัติเข้ามาเป็นรัฐบาลประจำเท่านั้น ดูคดีนายบอสเป็นตัวอย่าง จะพบว่าเขาไม่มีเจตจำนงและความกล้าหาญที่จะปรับเปลี่ยนอะไรเลย ระบบสำคัญหลายอย่างในบ้านเมืองวันนี้จึงยังทรุดโทรมช้ำรั่วอยู่เหมือนเดิม
ที่ผมเรียก คสช. ว่า “คณะเสียเวลาแห่งชาติ ” จึงไม่น่าจะผิด
ถาม มาวันนี้เลือกตั้งแล้วสืบทอดเป็นรัฐบาลพลังประชารัฐแล้ว แล้วเป็นอย่างไรครับ
ตอบ ก็เป็น พปชร.คือ “พาประเทศช้ำรั่ว ” เสียเวลาไปวันๆเหมือนเดิมไงล่ะครับ
ถาม ฝ่ายค้านช่วยอะไรบ้านเมืองได้บ้างไหม
ตอบ ฝ่ายค้านไม่มี เรามีแต่ฝ่ายแค้นกับฝ่ายล้มเจ้าเท่านั้น ทุกวันนี้รายการขุดคุ้ยบ้านเมืองของคุณสนธิฯกำลังทำหน้าที่แทนฝ่ายค้านอยู่
โดดเดี่ยวเปิดหน้าลุยอยู่นอกระบบแต่มีคนฟังมากอย่างนี้...น่าเป็นห่วงมากครับ