"...ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าในอีกหลายปีต่อจากนี้ ทุกๆคนที่อยู่ตรงนี้จะสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิว่า พวกเขาได้ร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายนี้ แล้วผู้คนรุ่นหลังจากรุ่นเราจะได้กล่าวขานว่าชาวอังกฤษในรุ่นเรานี้มีความเข้มแข้งไม่แพ้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คุณลักษณะเด่นของชาวอังกฤษก็คือความมีวินัยในตัวเอง ความมีอารมณ์ขัน และความรู้สึกร่วมกันของความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งคุณลักษณะนี้ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจของเราในอดีต แต่ยังเป็นสิ่งที่กำหนดตัวตนเรา ณ ปัจจุบันและในอนาคตต่อไป...”
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) : เมื่อเวลา 20.00 น.ของ วันที่ 5 เม.ย. ตามเวลาในอังกฤษ หรือ 02.00 น. ของวันที่ 6 เม.ย. ตามเวลาในไทย สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สองแห่งสหราชอาณาจักร ทรงพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อให้กำลังใจผู้ที่ประสบภัยพิบัติจากโรคโควิด 19 หรือโคโรน่าไวรัสระบาด แพร่ทางโทรทัศน์, วิทยุ และสื่อสังคมออนไลน์ โดยพระราชดำรัสดังกล่าว มีการบันทึกเทปไว้ล่วงหน้าที่พระราชวังวินด์เซอร์
รายละเอียดพระราชดำรัส มีดังต่อไปนี้
“บัดนี้ ข้าพเจ้ากำลังพูดกับพวกท่านทุกคน ในช่วงเวลาที่ความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นทุกขณะ ในเวลาที่วิถีชีวิตของประเทศเราอยู่ในภาวะความยากลำบากอันนำไปสู่ความโศกเศร้า ปัญหาทางด้านการเงิน ซึ่งสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน
ข้าพเจ้าขอขอบคุณทุกๆท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ในระบบสาธารณสุขของประเทศอังกฤษ(NHS) ซึ่งเปรียบเสมือนกับเป็นด่านหน้าที่ต้องต่อสู้กับความยากลำบาก ณ เวลานี้ และขอขอบคุณผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญในด้านต่างๆ ผู้ปฏิบัติหน้าที่เหล่านี้เปรียบเสมือนกับผู้เสียสละที่ต้องทำหน้าที่อยู่นอกบ้านของตัวเอง เพื่อที่จะดูแลพวกเราทุกคน
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ทั้งประเทศจะร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกับข้าพเจ้าเพื่อแสดงความขอบคุณไปยังทุกๆท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ ณ เวลานี้ ในทุกๆชั่วโมงที่พวกท่านได้ทำงานหนัก พวกท่านได้ทำให้วิถีชีวิตของประเทศเราใกล้เข้าสู่ภาวะปกติไปแล้วอีกก้าวหนึ่ง
ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณไปยังประชาชนทั้งหลาย ที่กำลังกักตัวเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งจะเป็นการช่วยปกป้องชีวิตคนอื่น และป้องกันไม่ให้อีกหลายครอบครัวที่สูญเสียต้องเผชิญกับความเจ็บปวดจากการเสียบุคคลอันเป็นที่รักเพิ่มขึ้นอีก
ด้วยความร่วมมือร่วมใจกันของประชาชนทั้งประเทศ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถฝ่าฟันพิบัติภัยจากโรคระบาดนี้ไปได้ และข้าพเจ้าก็ขอให้ความมั่นใจว่าประเทศเรานั้นจะยังคงเป็นหนึ่งเดียว จะยังคงแน่วแน่ และจะมีชัยเหนือพิบัติภัยนี้ไปด้วยกัน
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าในอีกหลายปีต่อจากนี้ ทุกๆคนที่อยู่ตรงนี้จะสามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิว่า พวกเขาได้ร่วมมือกันรับมือกับความท้าทายนี้ แล้วผู้คนรุ่นหลังจากรุ่นเราจะได้กล่าวขานว่าชาวอังกฤษในรุ่นเรานี้มีความเข้มแข้งไม่แพ้ในช่วงเวลาที่ผ่านมา คุณลักษณะเด่นของชาวอังกฤษก็คือความมีวินัยในตัวเอง ความมีอารมณ์ขัน และความรู้สึกร่วมกันของความเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งคุณลักษณะนี้ไม่ใช่แค่ความภาคภูมิใจของเราในอดีต แต่ยังเป็นสิ่งที่กำหนดตัวตนเรา ณ ปัจจุบันและในอนาคตต่อไป”
ในช่วงเวลาซึ่งสหราชอาณาจักรได้มารวมตัวกัน เพื่อจะปรบมือให้กับบุคลากรซึ่งทำหน้าที่อันสำคัญ ช่วงเวลานี้จะถูกจดจำว่าเป็นการแสดงออกถึงจิตวิญญาณของชนชาติเราและจะเป็นสัญลักษณ์ ซึ่งในอนาคตเด็กๆจะได้รังสรรค์รูปภาพความสวยงามของเวลานี้เอาไว้
ตอนนี้ไม่ใช่แค่ประเทศในเครือจักรภพ แต่ยังรวมถึงทุกประเทศทั่วโลกที่ข้าพเจ้าได้เห็นเรื่องราวอันงดงามของผู้คนซึ่งได้มารวมตัว ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งการส่งอาหารและเวชภัณฑ์ ผู้คนซึ่งคอยดูแลเพื่อนบ้าน ผู้คนซึ่งยอมเปลี่ยนธุรกิจของตัวเอง เพื่อเป็นกลไกหนึ่งในการบรรเทาความทุกข์ยากนี้
รวมไปถึงผู้คนซึ่งยอมกักตัวเองห่างออกจากสังคม คอยภาวนา และสวดมนตร์วิงวอน แม้จะเป็นเรื่องที่ยากลำบากแต่ก็ยังกระทำด้วยความศรัทธาในช่วงเวลาซึ่งยังไม่เห็นหนทางที่ภัยโรคร้ายนี้ จะชะลอหรือหยุดลงก็ตาม
เรื่องราวอันงดงามเหล่านี้ทำให้ข้าพเจ้าได้รำลึกถึงเมื่อครั้งปี ค.ศ. 1940 ที่ข้าพเจ้าพร้อมด้วยพระขนิษฐา (เจ้าหญิงมาร์กาเร็ต)ซึ่งยังอยู่ในช่วงเยาว์วัย ได้มีพระราชดำรัสเป็นครั้งแรกจาก ณ ที่พระราชวังวินเซอร์แห่งนี้ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับเด็กๆทั่วประเทศอังกฤษที่ต้องอพยพจากบ้านของตัวเองเพื่อหนีภัย (สงครามโลกครั้งที่ 2) ไปอยู่ในที่ซึ่งปลอดภัย
ในวันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่พวกเราหลายคนล้วนรู้สึกถึงความเจ็บปวดจากการพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทั้งตอนนี้ หรือตอนนั้น (ค.ศ.1940) พวกเราล้วนตระหนักรู้ดีว่านี่คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องทำ
ในทุกความท้าทายที่พวกเราได้เคยเผชิญมา ความท้าทายนี้ถือว่าแตกต่าง เพราะในเวลานี้พวกเราได้ร่วมมือร่วมใจกับทุกประเทศทั่วโลก เพื่อที่จะเผชิญกับภัยพิบัตินี้ด้วยความอุตสาหะอันเป็นหนึ่งเดียว พวกเราได้ใช้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และความเห็นอกเห็นใจอันเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อที่จะรักษาโรคร้ายนี้อย่างไม่หยุดยั้ง และท้ายที่สุดแล้ว เราต้องประสบความสำเร็จ และความสำเร็จนี้ก็จะเป็นของพวกเราทุกๆคน
ในเวลานี้พวกเราควรเชื่อมั่นว่า ในขณะที่เรากำลังอดทน วันพรุ่งนี้ที่ดีกว่า จะกลับคืนมา เราจะได้พบกับผองเพื่อนของเราอีกครั้ง เราจะได้พบกับครอบครัวของเราอีกครั้ง และเราจะได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่ในตอนนี้ ข้าพเจ้าขอส่งความรู้สึกขอบคุณ และความปรารถนาดีไปยังทุกๆท่านทุกคน”
อ้างอิงวิดิโอจากช่อง สำนักพระราชวังอังกฤษ
ทั้งนี้มีรายงานว่าการมีพระราชดำรัสในครั้งนี้ เป็นการบันทึกเทปโดยใช้ช่างภาพเพียงคนเดียวซึ่งสวมชุดป้องกันเชื้อ ขณะที่เจ้าหน้าที่เทคนิคคนอื่น ๆ ทำงานอยู่ในอีกห้องหนึ่ง
ตลอดระยะเวลา 68 ปีที่ทรงครองราชย์ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ทรงมีพระราชดำรัสในช่วงวิกฤตการณ์ของบ้านเมืองเพียง 4 ครั้งเท่านั้น คือ
-ในช่วงต้นที่สหราชอาณาจักรเข้าร่วมสงครามในอิรักเมื่อปี ค.ศ.1991
-การสิ้นพระชนม์ของไดอานา เจ้าหญิงแห่งเวลส์ เมื่อปี ค.ศ.1997
-การสวรรคตของสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธ พระราชชนนี เมื่อปี ค.ศ.2002
-พระราชดำรัสขอบพระทัยเนื่องในงานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปีของพระองค์ ในปี ค.ศ.2012
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/