"...ศบค. หรือ ศอฉ.โควิด19 จึงควรเพิ่มมาตรการเข้มงวดที่รวดเร็วและจริงจังขึ้นอีก เช่น ลดครึ่ง จำนวนคนทำงานของข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ให้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการดูแลสู้ภัยโควิดทำงานที่บ้านผ่านระบบออนไลน์ ควรเพิ่มการใช้ระบบออนไลน์ในการรับแจ้งเรื่องราว การขออนุญาต การขอจดทะเบียนต่างๆต่อหน่วยงานราชการ..."
#ประเทศไทยต้องชนะ
#ถ้าประชาชนไทยไม่ร่วมมือไม่มีวันชนะครับ
จากตัวเลขของผู้ติดเชื้อในประเทศไทยวันนี้อยู่ในกลุ่มประเทศอยู่ตรงกลางของกลุ่มประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อได้ และกลุ่มที่ควบคุมไม่ได้จากทั่วโลก โดยอยู่อันดับ 2 ในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน
สรุปว่า ติดเชื้อเพิ่มขึ้นขึ้นวันละหลักร้อย ตายวันละหลักหน่วย
ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดให้สถิตินิ่งมีทิศทางติดเชื้อน้อยลงแบบญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง
เพราะคนไทยส่วนหนึ่งให้ความร่วมมือ social distancing
หยุดอยู่บ้าน40% แต่ยังมีอีก60% มีพฤติกรรมเคลื่อนที่สุ่มเสี่ยงเหมือนเดิม
เรื่องนี้ทางการแพทย์ระบุชัดครับว่าถ้าจะให้ได้ผลจริง
ต้องให้คนหยุดอยู่บ้าน90%
เหลือไว้แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและผู้เกี่ยวข้องเท่านั้นที่เคลื่อนไหวได้
1 สัปดาห์ข้างหน้าคือการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยครับ
การระบาดอาจเพิ่มทวีคูณขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
อาจเกิดsuper spreader แบบเดียวจากผับและสนามมวยได้ง่าย เพราะคนไทยชอบรวมกลุ่มกินเหล้า รดน้ำดำหัวและเล่นน้ำสงกรานต์
น้ำคือตัวกระจายเชื้อไวรัสโควิดจากสารคัดหลั่งได้ดีที่สุด
ศบค. หรือ ศอฉ.โควิด19 จึงควรเพิ่มมาตรการเข้มงวดที่รวดเร็วและจริงจังขึ้นอีกครับ
โดยขอเสนอเพื่อพิจารณาและมีคำสั่งดังนี้ครับ
1) ลดครึ่งเวลาการเปิดขายของร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์สโตร์และตลาดสดทั่วประเทศ
1.1 เพิ่มมาตรการบังคับให้ทุกร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์สโตร์ ใช้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อนเข้าซื้อสินค้าและต้องมีบริการแอลกอฮอล์เจลในทุกร้านค้า หากฝ่าฝืนให้ปิดร้านค้านั้น 15-30 วัน
1.2 ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และของมึนเมาทุกชนิดตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์
2) ลดครึ่ง การให้บริการขนส่งสาธารณะ รถขสมก รถร่วม รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟใต้ดิน เรือขนส่งมวลชน ฯลฯ เว้นแต่ในเฉพาะช่วงเช้าและเย็น
3) ลดครึ่งการให้บริการ รถบขส รถตู้และรถไฟ ที่เดินทางเดินทางข้ามจังหวัดทั้งจากกทม ปริมณฑลและทั่วประเทศ
3.1 ควรสั่งยุติการเดินรถสาธารณะและรถเอกชนขนคนข้ามจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์
4) ลดครึ่งเวลาทำการของหน่วยบริการประชาชนของหน่วยราชการกทมและทุกจังหวัดทั่วประเทศ
5) ลดครึ่ง จำนวนคนทำงานของข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน
5.1 ให้ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ และเอกชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องการดูแลสู้ภัยโควิดทำงานที่บ้านผ่านระบบออนไลน์
5.2 ควรเพิ่มการใช้ระบบออนไลน์ในการรับแจ้งเรื่องราว การขออนุญาต การขอจดทะเบียนต่างๆต่อหน่วยงานราชการ
เรื่องนี้ควรแจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าสัก1-2วัน ประชาชนจะได้เตรียมตัวและไม่ตระหนกครับ
ศบค. และ สธ. ควรต้องมีหน่วยวิเคราะห์ประเมินผลให้ทราบทุกวัน
ถ้ามาตรการเหล่านี้ใช้เข้มงวดแล้วไม่ได้ผลไม่ได้รับความร่วมมือภายใน1สัปดาห์ ต้องขอเสนอให้ ศบค.เร่งใช้มาตรการเข้มสุดในสัปดาห์ถัดไปคือการ ล็อกดาวน์ปิด กทม.และทุกจังหวัดพร้อมกันทั่วประเทศ 15 วันครับ
เจ็บพร้อมกันครั้งเดียวจบครับ
สมชาย แสวงการ
สมาชิกวุฒิสภา
ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ
และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา
@จากข่าว
ศบค.แถลงยอดคนติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่พุ่งอีก 120 ราย ผู้ป่วยสะสม 1,771 ราย เสียชีวิตรวม 12 ราย https://www.prachachat.net/general/news-441951
@ข่าว https://www.thairath.co.th/news/crime/1809838
@https://www.nationtv.tv/main/content/378768335/?qline=