"...หากถามว่าสนใจเมืองไหม ต้องบอกว่าสนใจ เพราะมีความรู้สึกว่า จ.นครปฐม ยังขาดอะไรหลายอย่าง ถ้ามีโอกาสจะต้องลงเล่นการเมืองอะไรสักอย่าง คิดว่า ก่อนที่จะไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ อยากทำอะไรให้พื้นที่ จ.นครปฐม ก่อนดีกว่า... ฉะนั้น ถ้าคิดจะเล่นการเมือง ผมคงคิดจะเล่นที่การเมืองระดับท้องถิ่นก่อน..."
"เราเองทำงานด้านนี้มากว่า 30 ปี คนทั่วไปมองว่าเราเป็น 'เจ้าพ่อขยะ' จะปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นเจ้าพ่อด้านการกำจัดขยะก็คงไม่ได้ แต่ว่าเจ้าพ่อในความหมาย คือ เราไม่ได้ใช้อิทธิพลในการได้งานมา"
คือความเดิมจากตอนที่แล้ว นายจิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ หรือ หนึ่ง ทายาทคนโตของ "ไชยา สะสมทรัพย์" เล่าถึงเรื่องราวในแง่การทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็น การจัดขยะ พลังงานก๊าซ รวมไปถึงสนามกอล์ฟ ต่อจากนี้เป็นคำถามในประเด็นทางการเมืองที่เขาบอกว่า สนใจลงเล่นการเมือง รวมไปถึงเหตุการณ์ ทหารและตำรวจบุกค้นบ้าน , พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเยือนสนามกลอ์ฟ , นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ หรือกระทั่ง นายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาติดต่อเจรจา (อ่านประกอบ : หนึ่ง-จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ 'คนพูดว่าเป็นเจ้าพ่อขยะ แต่ผมได้จากประมูลนะ ไม่ได้ล็อบบี้ใครมา')
เรื่องราวเป็นอย่างไร มีในบรรทัดถัดไป
สำนักข่าวอิศรา : มีแนวทางการเมืองอย่าไร
จิรวัฒน์ : ในมุมมองส่วนตัว การเมืองใหญ่ระดับประเทศมีลุงและอาอยู่แล้ว น้องคนรองจากผมก็เป็น ส.ส. หากถามว่าสนใจการเมืองไหม ต้องบอกว่าสนใจ เพราะมีความรู้สึกว่า จ.นครปฐม ยังขาดอะไรหลายอย่าง ถ้ามีโอกาสจะต้องลงเล่นการเมืองอะไรสักอย่าง คิดว่า ก่อนที่จะไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ในภาพรวมของประเทศ อยากทำอะไรให้พื้นที่ จ.นครปฐม ก่อนดีกว่า ไม่ใช่ว่าปัจจุบันไม่ดี แต่เชื่อว่าหลายๆ อย่างสามารถที่จะทำให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ได้
ไม่มีใครไม่รู้จักองค์พระปฐมเจดีย์และอาหารอร่อยในจังหวัด แต่เดินไปพบว่า น้ำตรงนี้ก็เน่า คลองตรงนี้ก็มีกลิ่นเหม็น ตรงนี้คิดว่าควรทำได้ดีกว่านี้ เรื่องถนน ไม่ได้กังวล เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของนักการเมืองท้องถิ่นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครที่เข้ามาเป็นผู้บริหารก็ต้องทำ แต่ส่วนตัวอยากทำในสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องที่ใครมาก็ต้องทำ อยากทำเรื่องที่นอกเหนือจากนั้นมากกว่า เช่น คลองควรจะใสสะอาด น่าใช้มากกว่านี้ หรือเรื่องสุขภาพ มีอาคารสุขภาพตำบลสร้างมาแล้ว ใช้ได้ไม่ค่อยดี และทำไมไม่ทำให้ดีไปเลย คนที่อยู่ใกล้จะได้ใช้ประโยชน์ ลดภาระของโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมลง
จากการสอบถามผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ได้รับทราบว่า มีผู้ป่วยนอกถึงวันละ 2,000 คน จึงสงสัยว่าทุกอำเภอต่างมีโรงพยาบาล ทำไมภาระโรงพยาบาลศูนย์นครปฐมยังมีมากอยู่ อาจจะต้องลองย้อนกลับไปก่อนที่คนจะป่วย ว่าความเจ็บป่วยเกิดมาจากสาเหตุอะไร ไปเน้นที่การป้องกันดีกว่า
ฉะนั้น ถ้าคิดจะเล่นการเมือง ผมคงคิดจะเล่นที่การเมืองระดับท้องถิ่นก่อน ก่อนที่เราจะไปทำอะไรข้างนอก ควรทำบ้านของเราให้ดีก่อน
สำนักข่าวอิศรา : มีความพร้อมมากน้อยย่างไร
จิรวัฒน์ : ปัจจุบัน บรรดาน้องๆ จบการศึกษาทุกคนแล้ว และได้เข้ามาทำงานที่บริษัทของครอบครัว เกือบทุกคน จะมีบ้างที่ไปเป็นทหาร หรือเป็น ส.ส. ส่วนตัวนั้น เรียนว่า ส่วนใหญ่จะเป็นคนดูเรื่องนโยบายมากกว่า ระดับปฏิบัติการจะปล่อยให้น้องๆ ทำกันเอง
ถามว่าพร้อมหรือไม่ไหม ก็พร้อม เท่าที่สังเกตมาคนรุ่นหลังเก่ง น้องก็ทำงานได้ดี เรียกว่าดีกว่าผมด้วยซ้ำไป โลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน เขาสามารถนำมาปรับใช้เป็นอย่างดี
สำนักข่าวอิศรา : ทางครอบครัวสนับสนุนด้วย
จิรวัฒน์ : ครอบครัวสนับสนุนไหม ก็ไม่ได้ห้ามอะไร โดยปกติในครอบครัว ใครอยากทำอะไรให้มาปรึกษากัน และตอบให้ได้ว่า สิ่งที่จะทำนั้น ทำแล้วจะดี จะเป็นประโยชน์กับบริษัทหรือสังคมอย่างไร ขอให้มีเหตุผล ครอบครัวพร้อมที่จะรับฟัง
สำนักข่าวอิศรา : จะนำประสบการณ์ด้านธุรกิจมาทำงานทางการเมืองอย่างไร
บริษัททำงานเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม หรือการบำบัดน้ำเสียอยู่แล้ว เรียกได้ว่าตรงสาย ผมเคยถามผู้บริหารที่ดูแลเรื่องนี้ว่าทำไมน้ำในคลองไม่ทำให้ดี เขาบอกว่าทำไม่ได้ ส่วนตัวมีความคิดว่า คนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ได้แล้ว น้ำแค่นี้ไม่มีทางทำไม่ได้ บริษัทบำบัดน้ำเสียจากขยะจนสามารถดื่มได้ น้ำในคลองเสียแค่นี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็ก เขาไม่คิดที่จะทำกันมากกว่า
หลายคนอาจจะมองว่า มีความรู้สามสามรถทำได้ที่ผ่านมาทำไมจึงไม่ทำ ต้องเรียนว่า เราไม่มีอำนาจหน้าที่จะไปทำ ยกตัวอย่างเช่น ผมอยากจะทำถนนตรงหน้าบ้านหรือทางเข้าไซต์งาน โดยจะออกเงินเอง ก็ไม่สามารถทำได้ไม่มีอำนาจจะไปทำได้ หลายอย่างที่ได้รู้ได้เห็นและอยากจะทำ แต่ไม่ได้สามรถทำได้ ใครมาก็ทำแต่ถนนอยู่แบบนั้น ไม่น่าจะเพียงพอ
สำนักข่าวอิศรา : แท้จริงแล้วตัวตนเป็นอย่างไร
จิรวัฒน์ : ผมก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกับคนนครปฐมทั่วไป ตื่นเช้าก็ออกกำลังกาย และก็มีเพื่อนฝูงแวะเวียนมากินข้าวด้วยกัน วันหยุดใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง ไปร่วมงานกับคนที่สนิทสนมบ้าง เป็นเรื่องปกติ วันไหนไม่มีงานก็อยู่กับครอบครัวตระเวนหาอาหารอร่อยกิน วนเวียนอยู่ในนครปฐม
มีสนามกอล์ฟกลับไม่ค่อยมีเวลาได้ไปตี ต่างจากเมื่อก่อนที่ไม่มีสนามเป็นของตัวเองกลับขยันออกไปตีบ่อยๆ นอกเสียจากว่าจะมีเพื่อนหรือผู้ใหญ่ติดต่อว่า ให้ไปตีกอล์ฟเป็นเพื่อน จึงถือว่าได้โอกาสไปตี
สำนักข่าวอิศรา : การที่พ่อรวมถึงคนในครอบครัวเป็นนักการเมืองถือว่าเป็นต้นทุนหรือไม่ อย่างไร
จิรวัฒน์ : ถือว่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง สวนตัวซึมซับกับภาพของพ่อมาตั้งแต่เด็ก พ่อเป็นคนตื่นเช้ามาก เวลาตีห้าลงมาข้างล่าง มีคนมารอพบอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ที่เราเห็นคือ มีมาหลายรูปแบบมาก บางคนร้องไห้เข้ามา ยังเป็นเด็กก็ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรกัน พ่อคุยนั่นนี่เสร็จก็จบ กลับไปเลิกร้องไห้ บางคนลูกไม่มีที่เรียนก็พากันเข้ามา หรือคู่สามีภรรยาทะเลาะเข้ามาหาก็มี ก็สงสัยว่าทำไมไม่คุยกันเอง
ผมซึมซับเรื่องพวกนี้มาทั้งชีวิต เพราะพ่อเล่นการเมืองมาตั้งแต่อายุยี่สิบกว่า ปัจจุบันอายุเจ็ดสิบ ชีวิตก็ยังเป็นอยู่อย่างนั้น เช้าก็ยังมีคนมาให้ช่วยอะไรอยู่เสมอ เป็นความรู้สึกที่ดีเวลาเราเห็นคนที่มีความทุกข์เข้ามา แต่ขากลับออกไปเขามีรอยยิ้ม สุขที่ได้ช่วยเหลือคน
ที่ผ่านมาผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเลย จนปีนี้อายุจะห้าสิบปี แต่ว่าที่บ้านก็จะมีคนที่แวะเวียนเข้ามาหา เราก็ช่วยตามความสามารถที่ช่วยได้ เชื่อว่าหลายสิ่งที่ลุงหรือพ่อทำไว้ เป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ถ้าเราสนใจที่จะอาสาลงไปรับใช้พี่น้องในจังหวัด ก็อาจจะได้รับแรงสนับสนุนระดับหนึ่ง ห้าสิบปีที่พ่อทำมา น่าจะการรันตีได้บางอย่างว่า พวกเราเป็นอยู่ของเราแบบนี้ เราทำในสิ่งที่พวกเราทำมาตลอด
สำนักข่าวอิศรา : ช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาที่สนามกอล์ฟ
จิรวัฒน์ : เล่าเฉพาะเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ค่อยเห็นภาพเท่าไร ต้องขอเล่าย้อนไปในเหตุการณ์ก่อนหน้านั้น เริ่มต้นจากลุงและพ่ออยู่ในแวดวงการเมืองในระดับประเทศมาสามสิบกว่าปี ผ่านการรัฐประหารหลายครั้ง แต่ไม่เคยเจอเหตุการณ์เหมือนอย่างที่ผ่านมา
ในวันหนึ่ง ทหารพร้อมตำรวจบุกเข้าบ้าน โดยที่เราก็ไม่ได้รู้เรื่อง แต่เราก็ไม่กลัวอะไร ไม่ได้มีอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือมีประเด็นปัญหาอะไร ส่วนผมเองใส่ชุดนอนนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังอ่านหนังสือพิมพ์และดื่มกาแฟ ทหารปิดหน้าปิดตาเข้ามา ก็บอกว่า ม.44 ขอตรวจค้น ผมก็เดินพาพวกเขาตรวจ ไม่มีอะไร ไม่เจออะไร สุดท้ายเขาบอกว่าผมว่า ทำตามหน้าที่นะครับ ผมก็บอกว่าผมเข้าใจ
เหตุการณ์นั้นผ่านไป จำไม่ได้ว่าผ่านมานานขนาดไหน วันหนึ่งมีคนโทรศัพท์ติดต่อมาว่า นายกฯ จะมาตีกอล์ฟ ซึ่งสนามกอล์ฟของเรารับแขกอยู่แล้ว คุณจะเป็นนายกฯ หรือใครก็แล้วแต่ มีเงินก็สามารถมาใช้บริการได้ แต่โดยธรรมเนียม นายกฯ หรือผู้บริหารระดับประเทศเดินทางมา เราก็ต้องไปต้อนรับอยู่แล้ว
คำแรกที่ท่านนายกฯ พูดก็คือ ชมว่าสนามกอล์ฟสวย เราก็ขอบคุณ ต่อมาท่านพูดว่า “ผมขอโทษนะ ผมไม่รู้เรื่อง” เราก็ตอบว่าไม่เป็นไรครับ
ภาพจาก : เฟซบุ๊กนายวัฒนา เมืองสุข (อ้างในไทยรัฐออนไลน์)
ประเด็นของการมาในวันนั้น หากผมจับใจความจากหลายสิ่งหลายอย่างคือ จะมาผูกมิตรและขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป แต่เราไม่ได้เสียหายอะไร อาจจะดูแล้วน่าตกใจไปหน่อย แต่ถ้าทำบ่อยเข้า ผมเชื่อว่าชาวบ้านดูออก ว่าทำเพื่ออะไร เขาคงมองว่าเราเป็นการเมืองฝ่ายตรงข้ามก็ต้องปรามไว้ก่อน เดี๋ยวสร้างความวุ่นวาย
ต้องเรียนว่า การเมืองในมุมของพวกเรานั้น ไม่เคยคิดจะสร้างความวุ่นวาย เหตุการณ์หนึ่งที่ผมเองได้ยินกับหูตัวเอง ครั้งเหตุการณ์ชุมนุมเสื้อเหลืองเสื้อแดง ก็มีกลุ่มคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่ง พยายามก่อม็อบเพื่อให้ขยายวงกว้างออกไป และพ่อผมเป็นคนพูดกับพวกแกนนำว่า ให้ไปทำที่อื่น อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นครปฐม ให้เป็นปัญหา ให้คนจังหวัดอึดอัดกัน ผมอาจจะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มองว่า การเมืองไม่ควรจะไปอยู่แบบนั้น เสื้อสีอะไรก็ไม่อยากจะลงไปยุ่งเกี่ยวกับเขา
ระบอบประชาธิปไตยถูกออกแบบไว้เหมาะสมที่สุด เช่น วันนี้ผมมีโอกาสที่ได้ลงคะแนนเลือกคนที่คิดว่าใช่ ผมก็เลือก ต่อมาเมื่อเขาได้เป็นผู้บริหาร ถ้าทำดีก็ถือว่าผมเลือกถูก แต่ถ้าไม่ได้ทำตามที่พูดหรือตามที่ผมคาดหวัง ก็คิดว่าสี่ปีข้างหน้าจะไม่เลือกแล้ว ไปเลือกคนใหม่ ปัญหาหนึ่งของความวุ่นวาย คือ คนไม่มีความอดทน ในเมื่อเลือกไปแล้วมันผิด ก็รอสี่ปีข้างหน้าแล้วเลือกใหม่
สำนักข่าวอิศรา : จากนั้นมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มาหาด้วย
จิรวัฒน์ : อย่างที่ผมเรียน นายกฯ มาเราก็ให้การต้อนรับ อดีตนายกฯ มา เราก็ควรจะต้องต้อนรับ อีกทั้งเคยเป็นคนที่ร่วมงานกันมาก่อน ว่าไปแล้วครอบครัวเราสนิทกับเขา (นายสมชาย) มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์
ครอบครัวเราอยู่ร่วมกับเกือบทุกพรรค ตัวผมแต่งงาน ท่านชวน (นายชวน หลีกภัย) ก็มาเป็นประธาน น้องชายผมแต่งงาน ท่านสมชาย ก็มาเป็นประธาน อีกหลายคนแต่งงาน ก็มีผู้นำในยุคนั้นๆ มาเป็นประธานให้
แสดงให้เห็นว่า ครอบครัวเราไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ใครมาก็ให้การต้อนรับ ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล จะเป็นนายกฯ หรือไม่ใช่
แต่ในมุมของท่านสมชาย อาจจะมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ มาแล้ว ครอบครัวสะสมทรัพย์จะไปอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ก็มาแย่งชิงคืน
ภาพจาก : ไทยรัฐออนไลน์
พรรคภูมิใจไทย ก็มีมาหา แต่เลือกฝั่งตั้งก่อนเลือกตั้งแล้ว ไม่เอาดีกว่า ส่วนตัว ผมสนิทกับพรรคภูมิใจไทย ก็เกรงใจเขามาก อนุทิน (นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย) มาหาถึง 4-5 ครั้ง ทั้งร้านกาแฟ บ้าน หรือสนามกอล์ฟก็มา
หากครอบครัวเราไปอยู่พรรคเพื่อไทย เขาคงยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่การเมือง ณ วันก่อนเลือกตั้ง บอกไม่ได้ว่า มันจะต้องวุ่นวายไปอีกนานแค่ไหน บ้านเมืองบอบช้ำมาก ไปอยู่ฝั่งนี้ เราก็ไม่รู้ว่าเขาทำอะไร อีกฝั่งก็อยากให้เราไปอยู่ แต่ก็ทำใจไม่ได้ หรือจะไปอยู่กับฝั่งนี้ ฝั่งที่เป็นตรงข้ามก็จะทะเลาะอีก เราก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น ก็เหลือทางเลือกสองทาง คือ เลิก ซึ่งครอบครัวเรามีความคิดนั้นเป็นอันดันแรก การเมืองแบบนี้ต้องเลิก ต้องหยุด ความคิดที่สองคือ ไปหาพรรคการเมืองที่ถอยห่างจากความขัดแย้ง
“พรรคชาติไทยพัฒนา” นี่แหละ ไม่ได้อยู่ฝั่งไหน อีกทั้ง สุพรรณบุรีกับนครปฐมก็บ้านใกล้เรือนเคียง และครอบครัวเราก็ไม่ได้เป็นคู่รักคู่แค้นอะไรกัน ครอบครัวจึงสรุปได้ว่า ถ้าจะยังเล่นการเมืองอยู่ ก็เลือกอยู่พรรคนี้ ที่มาที่ไปมีแค่นั้น ไม่ได้ซับซ้อนอะไร
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวจากปากของ "จิรวัฒน์" นักธุรกิจหมื่นล้าน ทายาทคนโตตระกูลสะสมทรัพย์ เส้นทางการเมืองนับจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องติดตาม
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
หนึ่ง-จิรวัฒน์ สะสมทรัพย์ 'คนพูดว่าเป็นเจ้าพ่อขยะ แต่ผมได้จากประมูลนะ ไม่ได้ล็อบบี้ใครมา'