
"...เวลาที่แก๊งสแกมเมอร์หลอกคนนั้น เขาไม่สามารถหลอกได้ด้วยตัวเอง เขาต้องอาศัยคนในชาติอื่นไปช่วยหลอก เช่น เวลาหลอกคนไทย ต้องอาศัยคนไทยเป็นคนโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปหาคนไทยด้วยกัน หรือหลอกคนตะวันตก ต้องอาศัยคนตะวันตก..."
1. ทำไมแก๊งสแกมเมอร์ต้องค้ามนุษย์
แก๊งสแกมเมอร์หรือศูนย์สแกม (Scam Centres) เป็นองค์กรอาชญากรรม (Organized Crime)ที่หลอกลวงเอาเงินคนผ่านทางออนไลน์
คนตั้งศูนย์สแกมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าของกลุ่มอั๊งยี่ชาวจีน เช่น ว่านก๊วกกอย (Wan Kuok-koi) เสอจื้อเจียง (She Zhijiang) หรือเฉินจื้อ (Zhen Chi) พวกนี้เป็นมหาเศรษฐี มีธุรกิจถูกกฎหมายบังหน้า และสัมพันธ์กับแก๊งอั้งยี่คนจีนที่เป็นองค์กรอาชญากรรมระดับโลก คือ แก๊ง 14K รวมไปถึงมีความสัมพันธ์กับนักการเมืองเป็นอย่างดี
เวลาที่แก๊งสแกมเมอร์หลอกคนนั้น เขาไม่สามารถหลอกได้ด้วยตัวเอง เขาต้องอาศัยคนในชาติอื่นไปช่วยหลอก เช่น เวลาหลอกคนไทย ต้องอาศัยคนไทยเป็นคนโทรศัพท์หรือส่งข้อความไปหาคนไทยด้วยกัน หรือหลอกคนตะวันตก ต้องอาศัยคนตะวันตก
เพราะการหลอกต้องการคนที่พูดภาษาเดียวกันและมีวัฒนธรรมเดียวกันกับ “เหยื่อ” บางครั้งการหลอกต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน เหยื่อจึงจะตายใจ ซึ่งแก๊งพวกนี้เรียกว่า “การขุนหมูให้อ้วน” (Fatten-up) แล้วค่อยเชือด (Pig Butchering)
แต่การที่จะหาคนไทย คนตะวันตกหรือชาติอื่นที่มาสมัครงานนั้น ทำได้ยาก เพราะคนตั้งใจไปเป็นอาชญากรข้ามชาติจริง ๆ มีน้อย ขั้นต้นจึงต้องหลอกคนชาตินั้น ๆ ให้มาสมัครงานก่อน แล้วค่อยบีบบังคับให้ “ก่ออาชญากรรม” ทีหลัง
การหลอกลวงคนนี้เข้าข่ายความผิด “การค้ามนุษย์” (Human Trafficking) เพราะต้องหลอกก่อนว่ามาทำงานแล้วจะได้เงินเดือนสูงและสวัสดิการดี
ต่อมาพอเขามาทำงานจริง จะกักบริเวณหรือขังเอาไว้ เพื่อไม่ให้หลบหนี หากฝ่าฝืนจะมีโทษรุนแรง เช่น เตะต่อย ทำร้าย หรือถูกจับโยนลงมาจากตึก
วิธีการมีตั้งแต่ยึดพาสปอร์ตและบัตรประจำตัวอื่น ยึดมือถือ ให้ใช้โทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตจากเครื่องคอมพิวเตอร์ที่แก๊งนี้ควบคุมได้ นอกเหนือจากนั้น แก๊งยังต้องเลือกทำเลที่ตั้งศูนย์สแกมให้อยู่ห่างไกลจากชุมชน เพื่อให้ยากต่อการขอความช่วยเหลือ
แรงงานในศูนย์สแกมทำงาน 12-20 ชั่วโมงต่อวัน สัปดาห์ละหกวัน ได้รับการรักษาพยาบาลหรืออาหารอย่างจำกัด
จากรายงานการวิจัย พบว่า แรงงานได้รับเป้าหมายว่าต้องหลอกคนได้จำนวนวันละเท่าใด หากทำไม่ถึงเป้าจะถูกลงโทษ เช่น ถูกเฆี่ยน งดให้อาหารหรือลดเงินเดือน
เดิมการโฆษณาของแก๊งกระทำผ่านทางตลาดดิจิทัลและบริการจัดหางานระดับล่าง แต่ปัจจุบันขยายออกไปสู่การโฆษณาตำแหน่งงานระดับสูง เช่น รับสมัครวิศวกรเพื่อทำงานก่อสร้าง หรือรับสมัครนักแปล
2. สถานการณ์ค้ามนุษย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
2.1 ลาว
รัฐบาลลาวตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 12 แห่ง แต่มีระดับการควบคุมทางกฎหมายแตกต่างกัน ในจำนวนนี้มีเขตเศรษฐกิจ 2 แห่ง คือ บ่อเต็น (Boten) และสามเหลี่ยมทองคำ (the Golden Triangle) เป็นแหล่งทำบ่อนกาสิโน ส่วนเขตอื่นเป็นแหล่งพัฒนาอุตสาหกรรม และเชื้อเชิญให้ต่างชาติมาลงทุน
บริษัทคนจีนทำสัญญาเช่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเอาไว้ 5 แห่ง โดยเฉพาะบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ในจังหวัดบ่อแก้ว เขตชายแดนติดไทยและเมียนมา จ้าว เหว่ย (Zhao Wei) ประธานบริษัทคิงส์โรมันกรุ๊ป (Kings Romans Group) ไปเช่าทำบ่อน “คิงส์โรมันกาสิโน” (Kings Roman Casino) และเป็นบริเวณที่รายล้อมด้วยอาคารอพาร์เม้นท์ โรงเรียน ไนท์คลับ ร้านค้าและภัตตาคาร
เดิม จ้าว เหว่ยเป็นเจ้าของกาสิโนในเมืองลา เมียนมา ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับนักพนันคนจีน
ปี 2018 จ้าว เหว่ย ถูกกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร ข้อหาพัวพันกับการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ การฟอกเงิน การติดสินบน การค้าสัตว์ป่า การกระทำผิดเหล่านี้ดำเนินการผ่านทางกิจการคิงส์โรมันกาสิโน
เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำในปัจจุบันยังประกอบด้วยศูนย์สแกม มีแรงงานจากลาว เมียนมา ไทยและชาติอื่นมาสมัครงานที่โฆษณาตามเฟสบุ๊คว่าจะได้เงินเดือนดีในการเป็นคอลเซ็นเตอร์
พอผู้สมัครงานเดินทางมาถึงเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ เขาจะถูกกักตัวไว้ที่คอลเซ็นเตอร์ โดยได้รับทราบเป้าหมายว่าเขามีหน้าที่หลอกขายเงินคริบโตและจะได้รับเงินส่วนแบ่งการหลอกจากบริษัท
คนที่ทำงานไม่ได้ตามเป้าจะถูกบังคับไปทำงานขายบริการทางเพศในกาสิโนหรือใกล้เคียง ส่วนมือถือและเอกสารต่าง ๆ จะถูกยึดเอาไว้
แรงงานจะต้องจ่ายเพื่อไถ่ตัวเองจากการตกเป็นหนี้ที่นายหน้าทำสัญญาเอาไว้และเป็นค่าที่พักอาศัยบริเวณศูนย์สแกม
เดือนมิถุนายน 2022 แรงงาน 500 คนได้รับการช่วยเหลือจากเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ หลายคนทำงานในสแกมเซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ชักจูงให้คนลงทุนหรือซื้อหุ้นบริษัทคิงส์โรมันกาสิโน
มีคนไทยจำนวน 22 คน สามารถหลบหนีจากศูนย์สแกมในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำไปได้และให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาถูกขู่ว่าจะถูกนำไปขายให้บริษัทอื่น หรือถูกนำไปขายบริการทางเพศหากเขาขายหุ้นได้ไม่เข้าเป้า
2.2 กัมพูชา
เหตุการณ์ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นในกัมพูชา ปี 2016 เมืองสีหนุวิลทางชายฝั่งทะเลทางใต้ มีการก่อสร้างโดยบริษัทคนจีน โดยมีการสร้างหรือมีแผนก่อสร้างบ่อนกาสิโนมากกว่า 100 แห่ง และมีคนจีนกว่าสามแสนคนอยู่ในบริเวณดังกล่าว
แต่ปี 2019 รัฐบาลกัมพูชาห้ามทำการพนันออนไลน์ตามคำขอร้องของสีจิ้นผิง เป็นผลให้บ่อนกาสิโนดำเนินการต่อไปไม่ได้ เพราะการพนันออนไลน์เป็นแหล่งรายได้สำคัญคู่กันกับการที่มีคนมาเล่นในบ่อนกาสิโน
ประกอบกับ ปี 2020 เกิดโรคระบาดโควิด 19 บ่อนกาสิโนสีหนุวิลมีเป้าหมายให้คนจีนมาเล่นโดยเฉพาะ จึงไม่สามารถอยู่รอด เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนมีน้อยมาก
ด้วยเหตุที่ระบบเซิฟเวอร์ของบ่อนกาสิโน สามารถรองรับการเป็นศูนย์สแกม อีกทั้งบ่อนสีหนุวิลมีคนต่างชาติทำงานอยู่แล้ว บ่อนกาสิโนจึงเปลี่ยนเมืองสีหนุวิลกลายเป็นศูนย์กลางของสแกมเซ็นเตอร์
ประเทศกัมพูชามีเป้าหมายที่จะตั้งศูนย์สแกมอยู่ด้วย โดยเฉพาะที่แขวงเซนซก (Sen Sok region) ที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมืองพนมเปญ แต่คนทั่วไปกลับรู้จักศูนย์สแกมที่เกิดขึ้นในเขตชายแดนเมืองปอยเปต เมืองเรียม เมืองสีหนุวิล เกาะกงและบาเวตในจังหวัดสวายเรียง
ศูนย์สแกมเหล่านี้ดำเนินการโดยชาวจีน รวมทั้งชาติอื่น ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมาและไต้หวัน
ในกัมพูชา มีการประมาณว่ามีแรงงาน 100,000 คนถูกบังคับให้ทำงานเป็นสแกมเมอร์ หลายคนมาจากประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ยังมีแรงงานจากประเทศอื่นที่เป็นเป้าหมายจากอาฟริกาและยุโรปด้วย
ตำรวจไทยรายงานว่าระหว่างเดือนตุลาคม 2021 ถึงเดือนเมษายน 2022 มีคนไทยกว่า 800 คนได้รับการช่วยเหลือจากศูนย์สแกมในกัมพูชา
ทว่าในช่วงเดียวกันนี้ ตำรวจไทยระบุว่ามีคนไทยอีกอย่างน้อย 1,000 คนที่ยังทำงานเป็นสแกมเมอร์อยู่
แรงงานไทยดังกล่าวทำงานการพนันออนไลน์และการพนันทางโทรศัพท์ และทำหน้าที่สแกมการเงิน โดยที่ถูกกักตัวไว้อย่างผิดกฎหมาย อดอยากและถูกทำร้ายร่างกาย เช่น ถูกเตะต่อย ถูกเฆี่ยนและถูกช็อตด้วยไฟฟ้า
อาจารย์วิฑิต มันตราภรณ์ ผู้ตรวจสอบพิเศษว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติในกัมพูชา ให้ข้อมูลว่าสถานการณ์ของเหยื่อ เป็นเหมือน “ตกนรกทั้งเป็น”
NGOs ในกัมพูชากล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมการค้ามนุษย์ และมีนักธุรกิจและนักการเมืองเกี่ยวข้องกับการสแกมและการบังคับแรงงานให้ก่ออาชญากรรมออนไลน์
ปี 2017 เสอจื้อเจียง (She Zhijiang) ได้สัญชาติกัมพูชา อาณาจักรทางธุรกิจของเขามีทั้งบ่อนกาสิโน และการลงทุนในหลายประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะในเมียนมา เขาเป็นผู้ก่อตั้งบ่อนการพนันและการค้ามนุษย์เมืองชเวโก๊กโกและก่ออาชญากรรมอย่างอื่นในเมียนมา
ต่อมา ปี 2022 เสอจื้อเจียงถูกจับในประเทศไทยด้วยข้อหาทำบ่อนการพนันออนไลน์โดยผิดกฎหมาย ขณะเดียวกันเขามีหมายจับในข้อหาเป็นหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมจากจีน
เสอจื้อเจียงถูกขังไว้ในไทยสามปีและต่อสู้มาตลอดว่าประเทศไทยส่งเขากลับไปจีนไม่ได้ อ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญไทย ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญไทยตัดสินว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เขาจึงถูกส่งกลับไปดำเนินคดีในจีนเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา
คราวต่อไปจะได้กล่าวถึงสถานการณ์ค้ามนุษย์ในเมียนมา ฟิลิปปินส์ และไทย และจะได้พูดถึงมาตรการสากลในการต่อสู้กับแก๊งสแกมเมอร์อีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ค่อยย้อนกลับมาพูดถึง “แก๊ง 14K” และ “ชเวโก้กโก”
เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพว่า “แก๊งสแกมเมอร์” เป็นองค์กรอาชญากรรมระดับโลก ไม่ใช่ “จีนเทา” หรือ “นักการเมืองเทา” อย่างที่เราเข้าใจ อันนั้นเป็นเพียง “ส่วนย่อย ๆ” ของปัญหาเท่านั้น
ที่ถูกนั้น ประเทศไทยต้องหันมาสร้างระบบ “การตำรวจที่มีประสิทธิภาพ” (effective policing) ได้มาตรฐานสากล
“การปฏิรูประบบตำรวจ” เพื่อต่อสู้กับปัญหาสแกมเมอร์สำคัญกว่ามาก
อีกทั้ง “การแก้ตัว” ไปวัน ๆ ไม่เกิดประโยชน์ คนไทยต้องช่วยกันเรียก “สติ” ตำรวจไทยกลับมาดัง ๆ
บทความโดย :
ทนายบ้าน ๆ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา