
"...จากการศึกษาผลกระทบของ “เกรียน” กับ “Bot” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2016 พบว่า มีการใช้ Bot ทำการทวีตข้อความช่วงเดือนสุดท้ายของการเลือกตั้งประมาณ 400,000 ครั้ง ซึ่งได้ผลในการกระจายเฟกนิวส์ งานวิจัยพบว่า Bot มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสื่อสารการเมืองและมติมหาชนในบริบทการเลือกตั้งอย่างหลากหลาย..."
1. “เกรียน” คือใคร?
“เกรียน” ภาษาไทยมาจากภาษาอังกฤษว่า “Troll” หรือ “Internet Troll” เป็น “ตัวตน” ของคนในโลกออนไลน์ที่เกิดขึ้นมา เพื่อจงใจปั่นป่วนด้วยการโพสต์ข้อความยั่วยุ ก่อกวน หรือไม่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความขัดแย้ง เกลียดชังกัน ในสังคมสื่อสารออนไลน์ โดยเฉพาะการสื่อสารทางการเมือง
พฤติกรรมของ “เกรียน” เกิดขึ้นได้ในสื่อสารออนไลน์ทุกช่องทาง เช่น ในโซเชี่ยลมีเดีย ฟอรัม แพลทฟอร์ม หรือช่องคอมเม้นต์ต่างๆ
“เกรียน” มักใช้บัญชีปลอม/บัญชีที่เพิ่งเปิดใหม่ ไม่ระบุชื่อจริง/ที่อยู่ชัดเจน
การสื่อสารการเมือง เรียกบัญชีนี้ว่า “Troll Account” ส่วนในประเทศไทยเรียกว่า “บัญชีอวตาร”
“เกรียน” บางครั้ง ทำงานร่วมกันกับ “Bot” หมายถึง โปรแกรมอัตโนมัติที่สามารถโพสต์หรือแสดงความคิดเห็นได้เองติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ต้องมีคนคอยสั่งให้ทำทีละครั้ง
“Bot” ยังอาจทำเพื่อวัตถุประสงค์อื่น เช่น การโฆษณาเว็บพนันออนไลน์หรือส่งข้อความรบกวนการสื่อสารรายการต่าง ๆ เช่น รายการวิจารณ์กีฬาในยูทิวป์ จนผู้จัดขอร้องว่า “อย่าฝลัด” (flood) เป็นคำสแลง หมายถึงการโจมตีด้วยข้อความซ้ำ ๆ กันเปรียบเสมือน “น้ำท่วม”
“เกรียน” แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
(1) “เกรียนอิสระ” (Independent Trolls) หมายถึง “เกรียน” ที่เกิดอารมณ์ร่วมต่อข่าวสารออนไลน์ที่เป็นสิ่งเร้าด้วยตัวเขาเองโดยไม่มีใครจ้าง เขารู้สึกว่าตัวเองต้องการตอบโต้ต่อข่าวสาร โดยการยั่วยุกลับ และหวังสร้างกระแส “เฟกนิวส์” ออกไปในวงกว้าง เพื่อทำลายคนสื่อสารที่ตนไม่ชอบ
(2) “เกรียนรับจ้าง” (Hired Trolls) หมายถึง “เกรียน” ที่มาจากการรับจ้างจากผู้ว่าจ้าง ในสหรัฐอเมริกามักเป็นพรรคการเมืองจ้าง “เกรียน” มา “ปั่นกระแส” เพื่อให้มีอิทธิพลต่อมติมหาชน บางครั้งสัมพันธ์กับการสนับสนุนของรัฐ เช่น กรณีของรัสเซีย เรียกว่า “Russian troll farms”
2. “เกรียน” ไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อน?
การมี “เกรียน” ในโลกออนไลน์ ทำให้การแสดงความคิดเห็นไม่สุจริต (in good faith) อันเป็นพยานหลักฐานทางกฎหมายว่า มีคนหรือพรรคการเมืองพยายามควบคุมทิศทางการสื่อสารของโลกออนไลน์ มีลักษณะที่แตกต่างไปจากการแสดงความคิดเห็นของประชาชน (public opinion) โดยทั่วไป
อีกทั้ง “เกรียน” และ “ผู้ว่าจ้าง” ยังมุ่งหวังที่จะมีอิทธิพล (influence) และครอบงำ (manipulation) ความคิดเห็นของประชาชนในวงกว้าง เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตนมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ
ปัญหาของ “เกรียน” คือ ปัญหาการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารและการโฆษณาชวนเชื่อ (Disinformation and Propaganda) และการสร้างเฟก นิวส์ (Fake News)
การที่ “เกรียน” กับ “Bot” ทำงานร่วมกัน โดยปล่อยข้อความคล้าย ๆ กันหรือซ้ำ ๆ กัน ออกไป ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมอย่างสลับซับซ้อน และท้าทายต่อสติปัญญาความสามารถดั้งเดิมของมนุษย์ ดังนี้
ประการแรก เมื่อมีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร หรือการสร้างเฟกนิวส์ทางการเมืองเกิดขึ้น มักขยายชุมชนให้เลือกข้างพรรคการเมือง (partisan communities) ออกไป อันนำไปสู่การแบ่งขั้วกันทางการเมือง (political polarization)
ประการที่สอง งานวิจัยในเชิงประจักษ์ พบว่า “เกรียน” ทำให้การเห็นไม่ตรงกันในโซเชี่ยลมีเดียมีสูงขึ้นและขัดแย้งกันเอง แสดงให้เห็นถึงปรากฏการณ์ “ห้องเสียงสะท้อน” หรือ “Echo Chambers” หมายถึง คนจะเลือกฟังเฉพาะสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยิน
ประการที่สาม ถึงแม้ว่าการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตกับการใช้โซเชี่ยลมีเดีย ไม่ได้มีสหสัมพันธ์ทางบวกกับการแบ่งขั้วการเมืองโดยตรง แต่พบว่ามี “ตัวแปรแทรก” (intervening variables) ที่เป็นกลไกเชื่อมระหว่างโซเชี่ยลมีเดียกับการแบ่งขั้วการเมือง เช่น การแยกสื่อออกจากกันเป็นส่วนย่อย การแสดงความคิดเห็นที่แบ่งกันแต่ละฝ่าย และการสื่อสารการเมืองทางลบของแต่ละฝ่าย
3. แหล่งที่มา เนื้อหา ผู้ผลิตเฟกนิวส์ทางการเมือง
3.1 แหล่งที่มา
เฟกนิวส์ทางการเมืองมีแหล่งที่มาจาก 4 แหล่ง ได้แก่ (1) “เกรียนอิสระ” (2) “เกรียนรับจ้าง” (3) “Bot” และ (4) เว็บไซต์ที่ผลิตเฟกนิวส์
3.2 เนื้อหา
เนื้อหาของเฟกนิวส์ทางการเมืองที่สำคัญ ได้แก่ (1) เนื้อหาเกี่ยวกับอุดมการณ์สุดโต่ง (2) เนื้อหาการโจมตีทางการเมืองเพื่อสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วมกันให้มากขึ้น และ (3) เนื้อหาการวิพากษ์เชิงลบโดยการเลือกข้าง ซึ่งยิ่งเสริมแรงให้พรรคการเมืองอยู่กันคนละขั้ว
3.3 ผู้ผลิต
ผู้ผลิตเฟกนิวส์ทางการเมืองมี 4 กลุ่ม ได้แก่ (1) “เกรียนอิสระ” (2) “เกรียนรับจ้าง” (3) “Bot” และ (4) “สื่อเลือกข้างสุดขั้ว” (hyper-partisan media) และ “นักทฤษฎีสมคบคิด” (conspiracy theorists)
“เกรียนอิสระ” จะเน้นเรื่องบันเทิงตามสื่อกระแสหลัก
ส่วน “เกรียนรับจ้าง” จะเน้นการมีอิทธิพลต่อมติมหาชนและการปลูกฝังความไม่ลงรอย/ความขัดแย้ง
ส่วน “Bot” ใช้เพื่อเป้าหมายการหลอกลวงทางการเมือง รวมถึงเพิ่มค่าของตัวชี้วัดของโซเชี่ยลมีเดียและกระจายเฟกนิวส์
สำหรับ “สื่อเลือกข้างสุดขั้ว” และ “นักทฤษฎีสมคบคิด” เป็นผู้มีส่วนสร้างสภาพแวดล้อมระบบการบิดเบือนข่าวสาร มักสร้างภาพความเลือนรางระหว่างความจริงกับนิยาย
4. ตัวอย่างการวิจัยในสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2016
จากการศึกษาผลกระทบของ “เกรียน” กับ “Bot” ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ปี 2016 พบว่า มีการใช้ Bot ทำการทวีตข้อความช่วงเดือนสุดท้ายของการเลือกตั้งประมาณ 400,000 ครั้ง ซึ่งได้ผลในการกระจายเฟกนิวส์ งานวิจัยพบว่า Bot มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสื่อสารการเมืองและมติมหาชนในบริบทการเลือกตั้งอย่างหลากหลาย
ปัจจุบัน การใช้ “เกรียน” กับ “Bot” เกิดขึ้นในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา รัสเซียและจีน และเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจในระดับโลก
“เกรียน” กับ “Bot” จึงเป็นความรู้สำหรับการสื่อสารทางการเมืองออนไลน์ของประเทศไทย โดยเฉพาะใกล้ถึงวันเลือกตั้ง หากมี “เกรียน” กับ “Bot” ออกมาเพ่นพ่านก็อย่าเพิ่งตกใจและตั้งสติดี ๆ ว่า “อะไรคือความจริงทางการเมือง” หรือเป็น “ความจริงทั้งหมด หรือครึ่งเดียว” หรือความตั้งใจของการสื่อสารของ “เกรียน” คือ “การหวังเพียงคะแนนเสียงให้แก่ผู้ว่าจ้าง” หรือ “การมุ่งแก้ไขปัญหาให้กับประเทศจริง ๆ ในระยะยาว”
ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีศูนย์จับ “เกรียน” แต่มีข่าวดีที่สหรัฐอเมริกาสามารถจับ “เกรียน” ได้แล้ว โดยตั้งศูนย์ค้นหาความจริงออนไลน์และสามารถสร้างโปรแกรมจับเกรียนได้ ซึ่งมีหลายโปรแกรม แม้แต่การใช้โปรแกรม GPT3 รวมไปถึงการวิเคราะห์ทางภาษาศาสตร์ (Linguistics)
อีกไม่นาน ประเทศไทยคงตามโลกสมัยใหม่ได้ทัน เมื่อนั้นโลกของ “เกรียนรับจ้าง” อาจเบาบางลง และคงเปลี่ยนไปทำอาชีพอย่างอื่นกัน
เพราะที่จริงโลกของ “เกรียนรับจ้าง” ก็เป็น “สีเทา” เหมือนกัน
บทความโดย :
ทนายบ้าน ๆ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา