
"...ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญเฉพาะหน้าที่เป็นที่จับตาใกล้ชิดโดยประชาคมโลกอยู่ที่การหยุดยิงถาวร การปล่อยตัวประกัน และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรม ซึ่งทั้งโลกรอฟังท่าทีของกลุ่มฮามาส โดยประธานาธิบดีทรัมป์ถึงกับประกาศกดดันว่า ถ้ากลุ่มฮามาสไม่ยอมรับแผนฯ ก็ต้องเตรียมตัวรับกับสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่จะตามมา ทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาฮามาสได้ประกาศความพร้อมที่จะปล่อยตัวประกันทั้งหมดให้แก่อิสราเอลแลกกับนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ประมาณ 2,000 คน พร้อมทั้งแสดงท่าทียอมรับที่จะถ่ายโอนอำนาจการบริหารฉนวนกาซาให้แก่คณะกรรมการอิสระของปาเลสไตน์ที่เป็นกลาง..."
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องถือว่าเป็นช่วงเวลาชี้เป็นชี้ตายของความพยายามในการแก้ไขปัญหาการสู้รบในฉนวนกาซาที่ประชาชนต้องสูญเสียชีวิตไปแล้วกว่า 66,000 คน (รวมถึงผู้ญิงและเด็ก) โดยแผนสันติภาพ 20 ข้อที่จัดทำโดยสหรัฐฯ ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มประเทศอาหรับและมุสลิม รวมถึงอิสราเอลซึ่งนาย เนทันยาฮูฯ นายกรัฐมนตรีฯได้ให้ความเห็นชอบภายหลังการเข้าพบหารือกับประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 2568 (ก่อนเดินทางกลับจากการร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก)
แผนสันติภาพ 20 ข้อ ของสหรัฐฯ บรรจุขั้นตอนรายละเอียด ตั้งแต่การหยุดยิงที่ถาวร การปล่อยตัวประกันอิสราเอลทั้งหมด (เชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่ 20 ราย) การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การจัดตั้งคณะผู้บริหารชั่วคราวปาเลสไตน์ที่ไม่สังกัดกลุ่มการเมืองภายใต้คณะกรรมการสันติภาพ (Board of Peace)ที่มีประธานาธิบดีทรัมป์เป็นประธาน
การจัดตั้งกองกำลังรักษาความมั่นคงนานาชาติ (International Stabilisation Forces) การปลดอาวุธและยุติบทบาททางการเมืองของกลุ่มฮามาส การค่อยๆถอนตัวของกองกำลังอิสราเอล โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไปจนถึงการให้ปาเลสไตน์ตั้งรัฐบาลดูแลตัวเอง ซึ่งเป็นแผนการสันติภาพถาวรระยะยาวซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี
ทั้งนี้ เป้าหมายสำคัญเฉพาะหน้าที่เป็นที่จับตาใกล้ชิดโดยประชาคมโลกอยู่ที่การหยุดยิงถาวร การปล่อยตัวประกัน และการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรม ซึ่งทั้งโลกรอฟังท่าทีของกลุ่มฮามาส
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ถึงกับประกาศกดดันว่า ถ้ากลุ่มฮามาสไม่ยอมรับแผนฯ ก็ต้องเตรียมตัวรับกับสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่จะตามมา ทำให้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาฮามาสได้ประกาศความพร้อมที่จะปล่อยตัวประกันทั้งหมดให้แก่อิสราเอลแลกกับนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังอยู่ประมาณ 2,000 คน พร้อมทั้งแสดงท่าทียอมรับที่จะถ่ายโอนอำนาจการบริหารฉนวนกาซาให้แก่คณะกรรมการอิสระของปาเลสไตน์ที่เป็นกลาง
ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ระบุในแผนฯต้องขอรอฟังรายละเอียดจากเจรจาเพิ่มเติม โดยนาย ทรัมป์แสดงความยินดีและให้ความเห็นว่ากลุ่มฮามาสพร้อมจะดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนแล้ว พร้อมทั้งกล่าวไปถึงว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีตัวเขาจะเป็นผู้ที่นำสันติภาพที่แท้จริงมาสู่ตะวันออกกลางเป็นครั้งแรกในรอบ 3,000 ปี และเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการโจมตีเป้าหมายในฉนวนกาซาทันที
ในส่วนของอิสราเอลก็ได้ประกาศความพร้อมในการค่อยๆถอนตัวจากพื้นที่สู้รบไปยังเส้นที่กำหนดไว้ตามขั้นตอนในแผนสันติภาพฯ
นอกจากนี้นาย เนทันยาฮูฯ ได้ออกโทรทัศน์เพื่อสื่อสารกับคนในประเทศแสดงความเชื่อมั่นว่าจะมีการปล่อยตัวประกันทั้งหมดในอีกไม่กี่วันนี้ และให้คำยืนยันกับประชาชนว่า รัฐบาลอิสราเอลจะดำเนินการทุกอย่างเพื่อปลดอาวุธกลุ่มฮามาสและทำให้ฉนวนกาซาเป็นเขตปลอดการสู้รบ
ทั้งนี้ เขาให้คำอธิบายด้วยว่าการโจมตีเป้าหมายที่ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิตของคนปาเลสไตน์กว่า 60 คนเป็นการดำเนินการทางทหารเพื่อตอบโต้การถูกโจมตี (defensive operations) เท่านั้น ไม่ใช่การใช้กำลังเชิงรุก
ในวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. นี้ ฝ่ายอิสราเอลและฮามาสมีกำหนดจะหารือผ่านคนกลาง (indirect talk)ที่กรุงไคโร โดยสหรัฐฯ จะส่งนาย Witkoff ผู้แทนพิเศษประธานาธิบดีฯ และนาย Kushner ลูกเขยประธานาธิบดีและอดีตผู้เจรจาแผนสันติภาพตะวันออกกลาง เข้าร่วมด้วย คาดว่าประเด็นสำคัญที่ต้องสร้างความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเริ่มปฏิบัติตามแผนฯ คือ ความมุ่งหมายและแนวทางการปลดอาวุธและการยุติบทบาททางการเมืองของกลุ่มฮามาส
นอกจากนี้ การปรากฏชื่อนาย Kushner ลูกเขยฯ ซึ่งเคยมีบทบาทสำคัญในการเจรจากระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางในช่วงรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก และเป็นผู้ที่มีธุรกิจมากมายในตะวันออกกลาง (โดยเฉพาะกับซาอุดีอารเบีย) น่าจะสะท้อนถึงความสำคัญที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ต่อโครงการฟื้นฟูพัฒนาฉนวนกาซ่า ซึ่งถูกบรรจุในแผนสันติภาพฉบับนี้ด้วย
เป็นที่รับทราบกันดีว่า ปัญหาการสู้รบในฉนวนกาซาเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาสันติภาพตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสลับซับซ้อนผูกโยงกับมิติต่างๆมากมายทำให้ยากต่อการแก้ไข
แต่การที่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ามามีส่วนผลักดันเรื่องนี้ด้วยตัวเองถึงขนาดยอมใส่ชื่อตัวเองเป็นประธานคณะกรรมการควบคุมคุมดูแลการเปลี่ยนผ่านของฉนวนกาซา หรือ Board of Peace นั้น ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในการดำเนินนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯ โดยนำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาเป็นเครื่องมือสร้างความเกรงใจในกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น ท่ามกลางปัญหาต่างๆ ที่รอการแก้ไขอยู่มากมายก็ควรถือว่า แผนสันติภาพ 20 ข้อ เป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับแก้ไขปัญหาฉนวนกาซาอย่างแท้จริง
ความสำเร็จจากการผลักดันให้มีการปล่อยตัวประกันอิสราเอลที่เหลือ นอกจากจะสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองในหมู่คนเชื้อสายยิวในสหรัฐฯ อย่างเป็นกอบเป็นกำแล้ว ยังอาจส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์กลายเป็นม้ามืดที่จะรับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ในปีนี้ หลังจากที่เจ้าตัวทำใจแล้วว่าคงไม่ได้แน่ๆ
บทความโดย :
เจษฎา กตเวทิน
6 ต.ค.2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา