
"...คำตอบข้อแรก คือ เรื่องข่าวรั่ว หรือคลิปหลุด นั้น มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป้าหมายของการเปิดเผยข่าวรั่วมีอยู่ 4 อย่าง ได้แก่ (1) เพื่อเปิดเผยการกระทำของกลุ่มย่อยบางกลุ่ม (2) เพื่อเป็นวิธีคานอำนาจกับคนที่มีอำนาจ (3) เพื่อเปิดโปงการคอร์รัปชัน และ (4) เพื่อเริ่มต้นให้เกิดการตรวจสอบทางการเมืองและทางกฎหมาย..."
การเมืองไทยถึงจุดเดือด-- ประเภทจุดไฟติด.. เมื่อมีคลิปหลุดการสนทนากันระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยกับสมเด็จฮุน เซน ของกัมพูชา
คลิปแรกยาว 7 นาทีเปิดเผยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ไม่รู้ใครเป็นคนปล่อย --แต่ฮุน เซน เล่าเองว่าเป็นคนอัดไว้แล้วแจกจ่ายให้คนรู้จักทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการไป 80 คน ส่วนคลิป ตัวเต็ม ฮุน เซน แจ้งเองว่าเดี๋ยวจะปล่อย แล้วไม่ทันขาดคำ คลิปตัวเต็มก็ออกมาวันเดียวกัน!!
เนื้อหาในคลิปเป็นการสนทนากันระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยเรียกตัวเองว่า “หลาน” คุยกับฮุน เซน เรื่องการเปิดด่าน นัยว่า ฮุน เซนตกลงเรื่องถอนกำลังทหารที่ช่องบกให้แล้ว แต่คิดว่าทหารไทยเป็นฝ่ายรุกโดยปิดด่านก่อน ทำให้เขาต้องตอบโต้..
ข้างหลานสาวบอกว่า ลุงอย่าไปฟังฝ่ายตรงกันข้าม ทำนองว่าพวกนั้นเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับ “เรา” หากลุงมีอะไรบอกมาเลยเดี๋ยวจัดการให้ --ในคลิปตัวเต็มตอนท้ายพูดย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าให้โทรมาคุยกันสองต่อสองได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ไม่มีใครรู้แน่..
ฮุน เซน เหมือนระมัดระวังคำพูดมาก –ย้ำอย่างเดียวว่าอย่าให้ฮุน เซนคุยเรื่องเปิดด่าน แต่ให้ไทยเริ่มเปิดด่านเองก่อน ฝ่ายเขารับรองว่านักเลงพอ พอไทยเปิดด่านแล้ว กัมพูชาจะเปิดด่านตามแน่นอน
หลานสาวจึงบอกตอนท้ายใกล้จบว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับรัฐมนตรีกลาโหมกับกองทัพ ได้ความแน่ชัดอย่างไรจะแจ้งลุงผ่านทาง “พี่ฮวด” อีกที!!
คนไทยแตกตื่นหน้าตาเหยเก--เรื่องคลิปหลุด –ตั้งวงสนทนากันเป็นเรื่องเป็นราว--ตั้งเป็นประเด็นตั้งแต่เรื่องภัยความมั่นคงแห่งชาติ --ไปจนถึงเกียรติภูมิแห่งชาติ
ในเฟสบุ๊คเรียกร้องให้คนไทยอดทน อดกลั้น แก้ปัญหากันอย่างสันติวิธี..
หลายคนเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีหลานสาวคนสวยลาออกได้แล้ว.. ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าจะลาออกทำไม ส่วนฝ่ายค้านไทยบอกว่าคนสวยสูญเสียความไว้วางใจแล้ว ยุบสภาเถอะ..ถึงเวลาแล้ว..
ข้างฝ่ายพรรคภูมิใจไทย เหมือน “ทองแท่ง” ตกใส่หัวแม่เท้าจนบวมเปล่ง –เริ่มเก็บข้าวของกลับบ้าน รอรับการปรับรัฐบาล และเริ่มทำใจกับการยกกระทรวงมหาดไทยให้พรรคเพื่อไทยแล้ว –เสียงสะอื้นยังไม่สิ้นจากอก กลายเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายระบมระทมทุกข์ ร้องเสียงสะอื้นและน้ำตารื้นขึ้นมาเต็มใบหน้าแทน—พรรคภูมิใจไทยกลายเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรก็ถูกไปหมดเสียอย่างนั้น..
หลายคนอ้างว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีน่าจะเข้าข่ายกบฏหรือขายชาติ บางคนยกกฎหมายอาญาขึ้นมาวิเคราะห์องค์ประกอบความผิด
แต่ในทัศนะของผู้เขียน ถ้ามองในแง่กฎหมาย อาจจะไม่ถึงกับ treason ทีเดียว เพราะหลานสาวเพียงบอกว่าอยากได้อะไรก็ต่อสายตรงมา เดี๋ยวจัดการให้ รับรองไม่มีใครรู้แน่—แต่ไม่ระบุชัดว่าสิ่งนั้นเป็นผลประโยชน์หรืออะไร—เช่น ฮุน เซน อาจอยากกินลำไยเชียงใหม่ก็ได้—ใครจะไปรู้?
การเสนอของหลานสาวดังกล่าว ฝ่ายฮุน เซน ไม่ได้สนองอะไร --มีแต่บอกว่า “เปิดด่าน” เถอะ และรู้สึกเจ็บแค้นทหารไทยว่าเป็นฝ่าย “ปิดด่าน” ข้างเดียว
แสดงว่าการปิดด่าน กระทบต่อ “หัวใจ” ของผลประโยชน์ของฝ่ายกัมพูชามาก น่าจะเป็นผลประโยชน์จากบริเวณแหล่งการพนันแถบชายแดนไทย-กัมพูชา และแหล่งผลประโยชน์อื่นที่เกี่ยวโยงกับผู้นำกัมพูชา—อะไรสักอย่างซึ่งเรา ๆ ท่าน ๆ ยังไม่รู้!!
หากมองทางวิชาการ ปัญหาที่น่าคิดในทางทฤษฎีการเมือง ก็คือ ฮุน เซน ปล่อยข่าวรั่วหรือคลิปหลุดทำไม? ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่ง การกระทำของหลานสาวคนสวยที่ถูกเปิดโปงนี้ จะมีผลทางการเมืองต่อไปอย่างไร?
คำตอบข้อแรก คือ เรื่องข่าวรั่ว หรือคลิปหลุด นั้น มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 เป้าหมายของการเปิดเผยข่าวรั่วมีอยู่ 4 อย่าง ได้แก่ (1) เพื่อเปิดเผยการกระทำของกลุ่มย่อยบางกลุ่ม (2) เพื่อเป็นวิธีคานอำนาจกับคนที่มีอำนาจ (3) เพื่อเปิดโปงการคอร์รัปชัน และ (4) เพื่อเริ่มต้นให้เกิดการตรวจสอบทางการเมืองและทางกฎหมาย
ในสหรัฐอเมริกาสมัยก่อนการเปิดเผยข่าวรั่วกระทำโดยการอาศัยหนังสือพิมพ์ มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1795 ซึ่งเปิดเผยการต่อรองกันระหว่างสมาชิกวุฒิสภากับรัฐมนตรี
ส่วนหนังสือพิมพ์ก็มักปกปิดแหล่งข่าวเอาไว้ แม้ว่าจะมีกฎหมายกดดันก็ตาม ทั้งนี้เพราะเป็นจรรยาบรรณหนังสือพิมพ์อย่างหนึ่ง แล้วอีกอย่างหนึ่ง หนังสือพิมพ์จะได้มีแหล่งข่าวเชิงลึกและมีผลพลอยได้จากขายข่าวเจาะชนิดสืบสวนสอบสวนลึกกว่าคนอื่น..
ต่อมาภายหลังวัตถุประสงค์ของการเปิดเผยข่าวรั่วมุ่งยกระดับออกไปสู่การรับรู้ของสาธารณะหรือการสร้างมติมหาชน และการมีอิทธิพลต่อนโยบายสาธารณะ
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา จึงเริ่มสร้างสัมพันธ์กับนักข่าว ในฐานะที่เป็นแหล่งปล่อยข่าว โดยเน้นการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์
บทบาทของข่าวรั่วในทางการสื่อสารการเมืองตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมาจึงเปลี่ยนไป 4 ประการ ได้แก่
ประการแรก ข่าวรั่วมักถูกใช้เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของสาธารณะที่มีต่อทางเลือกนโยบาย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อว่า “การทดลองปล่อยลูกโป่ง” (trial balloons)
ประการที่สอง ข่าวรั่วในทางดี มักถูกออกแบบเพื่อสร้างความก้าวหน้าให้กับนโยบายใดนโยบายหนึ่ง ส่วนข่าวรั่วในทางร้าย มักถูกปล่อยออกมาเพื่อทำลายนโยบายนั้น
ประการที่สาม ข้าราชการอาจปล่อยข่าวรั่วเพื่อเป็นเครื่องมือวัดปฏิกิริยาหรือการต่อรองกับนักการเมือง
ประการที่สี่ ข่าวรั่วยังตอบสนองต่อระเบียบวาระส่วนตัว เช่น ช่วยเพิ่มภาพพจน์ที่ดีของผู้ปล่อย หรือทำลายศัตรู
ปัญหาของการปล่อยข่าวรั่วนี้ยังเป็นปัญหาทางกฎหมายด้วย ประเทศต่าง ๆ มีความเห็นแตกต่างกัน สำหรับประเทศตะวันตก กลับมองข่าวรั่วในทางบวก ส่วนใหญ่เห็นว่าต้องประเมินกฎหมายเกี่ยวกับการรักษาความลับใหม่เพื่อคุ้มครองการบริหารประเทศให้ดีขึ้น
บางประเด็นเป็นประเด็นที่คนไทยนึกไม่ถึง เช่น สหรัฐอเมริกาเห็นว่าควรมีกฎหมายคุ้มครองการปล่อยข่าวรั่วเพื่อสร้างความโปร่งใสและพร้อมรับผิดของการบริหารบ้านเมือง หรือศาลสูงสหรัฐอเมริกาที่เคยตัดสินคุ้มครองการพูดที่เกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะ ได้เสนอแนะว่าควรคุ้มครองการปล่อยข่าวรั่วที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะด้วย --อันเป็นประเด็นที่ไปไกลกว่ากฎหมายการคุ้มครองพยานและการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดอย่างบ้านเรา
ย้อนกลับมาดูคำถามที่ผู้เขียนตั้งเอาไว้ว่า--ฮุน เซน เขาปล่อยคลิปหลุดทำไม? นักวิเคราะห์หลายคนวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะฮุน เซนต้องการสร้างสถานการณ์ให้ประเทศไทยเป็นศัตรูร่วมของ คนกัมพูชา เนื่องจากต้องการเบี่ยงเบนความสนใจคนกัมพูชาจากปัญหาภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริหารของรัฐบาลฮุน มาเนต ที่ได้รับความนิยมน้อยลง
แต่ประเด็นหนึ่งที่ยังไม่ค่อยได้สันนิษฐานกัน คือ เป็นไปได้ไหมว่าผลประโยชน์บางอย่างของ ฮุน เซน เริ่มขัดแย้งกับผลประโยชน์ของนักการเมืองไทยบางคน ดังที่ ฮุนเซน เขียนเฟสบุ๊คว่าจะเปิดโปงว่า “ช่องทางธรรมชาติ” ที่นักการเมืองไทยหนีไปกัมพูชานั้นไปทางไหน? และไม่นานมานี้ย้ำว่าอาจต้องมีการยึดทรัพย์นักการเมืองไทยที่ทิ้งไว้ที่กัมพูชา?
ส่วนประเด็นที่สันนิษฐานกันมาตลอด คือ ฮุน เซน ต้องการได้ดินแดนตามแผนที่ฝรั่งเศสที่เขายึดถือว่าเป็นของกัมพูชา ซึ่งเป็นความต้องการที่มีมานานแล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายการปล่อยคลิปหลุดเพื่อการเบี่ยงเบนความสนใจ หรือความขัดแย้งกับนักการเมืองไทย หรือความต้องการดินแดนเพิ่ม ล้วนเป็นจุดยืนที่มีประชาชนร่วมด้วย --อันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศกัมพูชา
ส่วนปัญหาคลิปหลุดที่หลานสาวคนสวยพูดว่า...อยากได้อะไรให้บอกว่า จะจัดการให้ ต่อสาย โทรศัพท์มาโดยตรงได้เลย หรืออย่าไปฟังฝ่ายตรงกันข้ามกับเราให้มาก โดยเฉพาะทหารเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับ “เรา” นั้น แม้จะไม่ถึงกับเป็นกบฏหรือขายชาติ หรือมิใช่การปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ --แต่ก็น่าจะเฉียด ๆ อยู่บ้าง..
ส่วนที่น่าจะเข้าตรงเป้าเลย คือ เสียเกียรติภูมิของชาติและเสียเกียรติศักดิ์ตำแหน่งสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และที่สูญเสียไปโดยสิ้นเชิง คือ การสูญเสียความไว้วางใจจากประชาชนในฐานะนายกรัฐมนตรีที่เป็นตัวแทนของประเทศไทย ซึ่งเข้ามากระทำการในนามรัฐบาลของ “คนไทย” และเพื่อ “ผลประโยชน์ของชาติไทย”
ส่วนความรับผิดทางการเมืองนั้น ประเทศไทยไม่มีระบบการถอดถอนบุคคลดำรงตำแหน่งระดับสูงออกจากตำแหน่งอันเนื่องมาจากการกระทำที่เสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ตำแหน่งหรือระบบ impeachment—จึงเป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ยากว่า “หลานสาวคนสวย” จะมีความพร้อมรับผิดเพียงใด..เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ-- โดยเฉพาะอาจต้องอาศัย “อาเตี่ย” ช่วยตัดสินใจ??
ประเด็นที่เซอร์ไพร้ส์ที่สุดของคนไทย คือ คนที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับรัฐบาลหลานสาวคนสวยได้ --กลับไม่ใช่ฝ่ายค้านที่แข็งแกร่งในประเทศไทย --แต่กลายเป็นฮุน เซน ซึ่งเป็นคนที่หลานสาวเรียกว่า “ลุง” ทุกคำ!!
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา