
"...รัฐบาลควรเดินหน้า “ทัพหลวง” ปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานผลความคืบหน้าสู่สาธารณะ โดยเฉพาะใน วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม สนับสนุนความพยายามของภาครัฐ และยืนยันความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี..."
“ต้องเดินหน้าปราบปรามผู้ผลิตและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด”
นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร
วันที่ 14 มีนาคม 2568
แม้รัฐบาลจะมีภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการในเรื่องต่างๆ แต่จากการสื่อสารของหน่วยงานรัฐพบว่า การดำเนินนโยบายการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดกฎหมายยังเดินหน้าไม่หยุด และกำลังแสดงผลสัมฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง
การดำเนินการแก้ปัญหาบุหรี่ไฟฟ้า สามารถทำได้ผ่านสองแนวทางหลัก ได้แก่ การจัดการด้านอุปทาน (Supply) และ การเปลี่ยนแปลงด้านอุปสงค์ (Demand) โดยใช้เครื่องมือสำคัญ 3 ประการที่เรียกรวมกันว่า 3E ได้แก่ และ Enforcement (การบังคับใช้กฎหมาย), Education (ให้ความรู้), และ Empowerment (เสริมพลัง)
1. Enforcement: ด้านอุปทาน มีบทบาทสำคัญ ใช้ทรัพยากรน้อย แต่ได้ผลจริง
การจัดการด้านอุปทานผ่านการบังคับใช้กฎหมาย (Enforcement) เป็นกลไกของรัฐที่สามารถสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมได้ชัดเจน และมักใช้ทรัพยากรน้อยกว่าการดำเนินการด้านอุปสงค์ การปราบปรามแหล่งนำเข้า การจำหน่าย และการกระจายบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขายออนไลน์และพื้นที่ซ่อนเร้น เช่น ชายขอบของเมือง ถือเป็นนโยบายสำคัญที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร กำลังเร่งรัดดำเนินการอย่างเข้มข้น และเริ่มมีผลเชิงประจักษ์อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด วันนี้ ( 5 พฤษภาคม 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยมีบุคคลบางกลุ่มที่อ้างอิทธิพลและ “ได้รับอนุมัติจากผู้ใหญ่” พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและจับกุมอย่างเข้มงวด รวมถึงจัดการกับ “พอตจมูก” อุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดในหมู่วัยรุ่น ซึ่งเข้าถึงง่ายและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ในวันเดียวกัน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงข่าวปฏิบัติการเชิงรุกในการตรวจค้นและปิดกั้นร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย เช่น SNUS และ นิโคตินถุง กว่า 6 แห่งในย่านบางรักและสาทร รวมถึงร้านค้าออนไลน์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบผิดกฎหมาย
การดำเนินการอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลอย่างไม่หยุดในเรื่องนี้ สมควรอย่างยิ่งที่สังคมจะให้การชื่นชมและสนับสนุน
2. Education และ Empowerment : ด้านอุปสงค์ มีคุณค่าแต่ใช้ทรัพยากรสูง
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคด้านอุปสงค์ สามารถทำได้ผ่านการให้ความรู้ (Education) และการเสริมพลัง (Empowerment) ซึ่งเป็นแนวทางที่มุ่งเน้นการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็กและเยาวชนเข้าใจพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อต้านแรงกดดันจากเพื่อนฝูง (peer pressure) และเปลี่ยนทัศนคติให้ไม่เห็นว่าการสูบคือความเท่หรือทันสมัย
การให้ความรู้ (Education) เป็นแนวทางพื้นฐานตามหลัก KAP (Knowledge – Attitude – Practice) ซึ่งช่วยให้ผู้รับข้อมูลมีโอกาสเปลี่ยนพฤติกรรมได้ แต่การให้ความรู้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงต้องเสริมด้วยการเสริมพลัง (Empowerment) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน ใช้ทรัพยากรสูง แต่หากดำเนินการได้ดีอาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระยะยาว
การเสริมพลังที่ได้ผลต้อง “รู้จัก รู้ใจ รู้วิธี” ให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มเป้าหมาย มีการประเมินศักยภาพ สร้างแรงจูงใจ และพัฒนาทักษะอย่างเป็นระบบ ตัวอย่างที่เห็นผลคือ กรณีที่เด็กหรือคนในครอบครัวมีอิทธิพลเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ เช่น ลูกสาวที่ขอร้องให้พ่อเลิกสูบบุหรี่เพราะกลิ่นรบกวนในบ้านจนประสบผลสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานด้านอุปสงค์ โดยเฉพาะ การให้ความรู้วงกว้างมีข้อจำกัด เนื่องจากเป้าหมายมีจำนวนมากและบางกลุ่มเป้าหมาย เป็นประชากรซ่อนเร้น (Hidden Population) จึงเข้าถึงยาก การให้ความรู้ในวงกว้างจึงไม่สามารถเจาะจงเปลี่ยนพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เดินหน้า Enforcement พร้อมพัฒนากลไกด้าน Demand อย่างยั่งยืน
เมื่อพิจารณาทั้งสองด้านแล้ว การดำเนินการด้าน อุปทานผ่านการบังคับใช้กฎหมาย (Enforcement) มีบทบาทสำคัญที่สุดในสถานการณ์ปัจจุบัน ด้วยข้อได้เปรียบด้านประสิทธิภาพ ความชัดเจนของผลลัพธ์ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ในขณะที่การดำเนินการด้าน อุปสงค์ผ่านการให้ความรู้และการเสริมพลัง ควรเป็นแนวทางระยะยาว เสริมให้สังคมมีภูมิคุ้มกัน แต่ต้องการทรัพยากรและการออกแบบที่ละเอียดอ่อน
รัฐบาลควรเดินหน้า “ทัพหลวง” ปราบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมรายงานผลความคืบหน้าสู่สาธารณะ โดยเฉพาะใน วันที่ 31 พฤษภาคม ของทุกปี ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม สนับสนุนความพยายามของภาครัฐ และยืนยันความมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรี ตามที่ได้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ว่า
“ต้องเดินหน้าปราบปรามผู้ผลิตและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเด็ดขาด”
บทความโดย :
วิทยา กุลสมบูรณ์
มูลนิธิเภสัชชนบท
5 พฤษภาคม 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา