"...การดำเนินมาตรการป้องกันการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ โดย อปท. มีหน้าที่ออกข้อบัญญัติ กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ ติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ห้ามสูบ และจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่..."
“เมื่อรัฐบาล ในฐานะแม่ทัพหลวง และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะทัพหน้า ร่วมกันปราบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเด็กและเยาวชน จึงย่อมเป็นพลังที่ใหญ่หลวงในการบรรลุผลดีต่อสุขภาพเด็กและเยาวชน ”
ในปัจจุบัน ปัญหาการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยพบการระบาดเพิ่มขึ้นในพื้นที่ทั่วประเทศ สถิติการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กเยาวชน ตลอดจนการได้รับการโฆษณาบุหรี่ไฟฟ้า จากการสำรวจมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในทุกภาค สถิติดังกล่าวฉายภาพการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเชิงตัวเลข เป็นสัญญาณที่บอกแนวโน้มการขยายตัวของปัญหารุนแรงที่กำลังจะติดตามมาจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
แต่สถิติดังกล่าว ก็ยังไม่เท่ากับ กรณีการเจ็บป่วยรุนแรง ของ เด็ก อย่างน้อยที่ผ่านมา การรายงานผู้ป่วยเด็กจากแพทย์ ในโรงพยาบาลในจังหวัดบุรีรัมย์ อุบลราชธานี และล่าสุดที่กาฬสินธุ์ ที่มีอาการรุนแรง อย่างน่ากลัว สอดรับกับปรากฎการณ์ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา เป็นสัญญาณชัดเจนถึงการลุกลามของปัญหานี้ ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
รัฐบาล นำโดย นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐบาล กระทรวงต่างๆ ได้ตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ และได้ดำเนินมาตรการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมผู้กระทำผิดจำนวนมาก รวมถึงการปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า เป็นความก้าวหน้าที่น่าชื่นชม อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ควรดำเนินต่อเนื่องอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้กระแสการควบคุมปัญหานี้สะดุดกลางทาง
ในการดำเนินการเพื่อเอาชนะปัญหาดังกล่าว บทบาทสำคัญอีกส่วนหนึ่งอยู่ที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ซึ่งอยู่ใกล้ชิดกับชุมชน และสามารถเป็น “ทัพหน้า” ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีการระบุการทำงานผ่านบทบาทดังต่อไปนี้
• การดำเนินมาตรการป้องกันการสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ โดย อปท. มีหน้าที่ออกข้อบัญญัติ กำหนดพื้นที่ห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะ ติดตั้งป้ายสัญลักษณ์ห้ามสูบ และจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมปลอดบุหรี่
• การรณรงค์ให้ความรู้ โดย อปท. จัดกิจกรรมเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับพิษภัยของยาสูบและบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านโรงเรียน ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และสื่อท้องถิ่น เพื่อปลูกฝังความตระหนักในเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป
• การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ
โดย อปท. บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานสาธารณสุข โรงเรียน หน่วยงานความมั่นคง และภาคประชาสังคม เพื่อสร้างแนวร่วมที่เข้มแข็งในการควบคุมการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่
ด้วยเหตุนี้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงมีบทบาทสำคัญในการเป็นกำลังหลักในพื้นที่ทั่วประเทศ ร่วมกับรัฐบาลในการผลักดันให้สังคมปลอดบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน ที่กำลังลุกลาม
เป็นที่น่ายินดีว่า ในปี 2568 สสส. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ) มีแนวทางจะร่วมมือกับ อปท. ทั่วประเทศ มุ่งสร้างความเข้าใจ ว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่ปลอดภัย แต่คืออันตรายที่คุกคามสุขภาพเด็กไทย รวมทั้งประชาชน
ทั้งนี้ มีตัวอย่างความสำเร็จ เป็นพื้นที่ต้นแบบ ของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะเป็น ทัพหน้าปราบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเด็กและเยาวชน เช่น อบต.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ที่ประกาศเป็นองค์กรปลอดบุหรี่ สร้างเขตปลอดบุหรี่ในพื้นที่สาธารณะ และควบคุมการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดจนเห็นผลเป็นรูปธรรม
เพื่อให้การเดินหน้าปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าไปถึงการหยุดผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน ในวันที่ 31 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันงดสูบบุหรี่โลก สสส จึงมีการประกาศร่วมมือกับเครือข่ายทั่วประเทศ นำความสำเร็จในการจัดการบุหรี่ไฟฟ้าจากพื้นที่ต้นแบบ (Specific Area Base Health Promotion Intervention ) มาขยายผล ให้เป็นชุมชนที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน ร่วมกับรัฐบาลที่มีนโยบายปราบปรามบุหนี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง
เมื่อรัฐบาล ในฐานะแม่ทัพหลวง และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในฐานะทัพหน้า ร่วมกันปราบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเด็กและเยาวชน จึงย่อมเป็นพลังที่ใหญ่หลวงนำความสำเร็จในการปกป้องสุขภาพเด็กและเยาวชนจากภัยบุหรี่ไฟฟ้าที่น่ากลัวในปัจจุบัน
วิทยา กุลสมบูรณ์
มูลนิธิเภสัชชนบท
27 เมษายน 2568

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา