"...การคิดแบบแยกส่วน แบ่งข้างแบ่งขั้ว ทำให้ชาวโลกเหมือนตาบอดคลำช้าง ทะเลาะกันยกใหญ่ วุ่นวาย รุนแรงกันไปทั่ว เราอย่าตามเขาไปเลย เดินตามพระพุทธเจ้าด้วยทางสายกลางดีกว่า ทุกคนล้วนเป็นเพื่อน เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่ามีเวรต่อกันเลย แต่มีความเมตตาและคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติดีกว่า..."
วิกฤตการเมืองอย่างเรื้อรัง อันทำให้ประเทศเสียโอกาสที่วิกฤต และหาทางออกไม่ได้ เพราะใช้แนวคิดตะวันตก
วิธีคิดแบบตะวันตก คือ คิดแบบตายตัว แยกส่วน แยกข้าง แยกขั้ว เป็นปฏิปักษ์ (antagonistic) และต่อสู้แย่งชิงกัน หรือ คิดเชิงอำนาจ ดังที่ชาวยุโรปได้ใช้อำนาจแย่งชิงไปทั่วโลก ทำให้โลกวุ่นวาย ปั่นป่วน เสียสมดุล วิกฤตไปหมดทุกด้านอยู่ในขณะนี้ และยุโรปกำลังใช้กรรมอยู่ในขณะนี้
ไทยก็เอาอย่างวิธีคิดเขามา เพราะเขามีอำนาจ จนประเทศเราปั่นป่วน วุ่นวาย ทั้ง ๆ ที่เรามีทรัพยากรมากพอที่จะพัฒนาให้ คนไทยทุกคนพออยู่พอกินและมีไมตรีจิตต่อกัน อันเป็นพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ร.9
ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ พระพุทธองค์เป็นศาสดาเอกของโลก คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นเหตุเป็นผลเป็นวิทยาศาสตร์ที่สุด ดังที่ไอสไตน์กล่าวว่า ถ้าเขาต้องลือกศาสนาใดศาสนาหนึ่งก็ศาสนาพุทธนั่นแหละ ไอน์สไตน์ยังกล่าวว่า
“เราต้องการวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้” (We shall need a radically new manner of thinking, if mankind is to survive) วิถีคิดแบบเก่า ไปต่อไปไม่ได้แล้ว
วิถีคิดแบบพุทธที่เรียกว่า “ทางสายกลาง” นั้นเป็นทางสายปัญญา ไม่ใช่สายอำนาจ ไม่แยกส่วน ไม่แยกข้างแยกขั้ว ไม่คิดเชิงปฏิปักษ์ แต่เน้นความเมตตาและการอยู่ร่วมกัน
พรรคการเมืองจะชื่ออะไร ๆ ก็ใช้แนวคิดทางสายกลางได้
เมื่อพรรคการเมืองใช้ทางสายกลาง ก็จะร่วมมือและส่งเสริมซึ่งกันและกันในหลายรูปแบบ ไม่ว่าเป็นรัฐบาลหรือไม่เป็น ก็ร่วมมือกันเพื่อบ้านเมืองได้ เพราะไม่คิดเชิงปฏิปักษ์และการต่อสู้โค่นล้ม
สังคมปัจจุบันต่างจากสังคมโบราณโดยสิ้นเชิง กลายเป็นระบบซับซ้อน (Complexity system) ที่ซับซ้อนและยากอย่างยิ่ง วิธีเก่า ๆ ใช้ไม่ได้ผลแล้ว วิธีเก่า คือ การใช้อำนาจ หรือเงิน หรือ การใช้ความรู้สำเร็จรูป หรือการวิพากษ์วิจารณ์ เนื่องจากพรรคการเมืองใช้วิธีเก่า ๆ จึงแก้ปัญหาไม่ได้ ประเทศไทยติดอยู่ในหลุมดำแห่งวิกฤตเรื้อรัง ทำให้เสียโอกาสไปมาก
ทางสายกลางจะทำให้รวมตัวร่วมคิดร่วมทำกันได้
การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ (Interactive learning through action) ในสถานการณ์จริงเป็นวิธีการทางปัญญาที่ทรงพลังยิ่ง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Transformation) หรือการพลิกโฉมประเทศไทย
วิธีการทางปัญญาดังกล่าวนี้ ยิ่งทำ
• ยิ่งรักกันมากขึ้น เพราะมีความเสมอภาค ภราดรภาค และสามัคคีธรรม
• ยิ่งเชื่อถือไว้วางใจกันมากขึ้น
• ยิ่งฉลาดขึ้น และฉลาดร่วมกัน
• เกิดปัญญาร่วม (Collective wisdom) อัจฉริยภาพกลุ่ม (Group genius) และนวัตกรรม
• ทั้งหมดเป็นพลังมหาศาล ที่ทำให้ฝ่าความยากทุกชนิดไปสู่ความสำเร็จ
• แล้วมีความสุขประดุจบรรลุนิพพานร่วมกัน
เมื่อเชื่อถือไว้วางใจกันและเกิดปัญญาร่วม ก็จะไม่มีอะไรที่ประเทศไทยทำไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ จึงกล่าวว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (Transformation) ในทุกมิติคือ การพลิกโฉมประเทศไทย (Transformation Thailand)
จะไม่มีความขัดแย้งรุนแรงระหว่างซ้ายและขวาอย่างน่าสลดสังเวชอีกต่อไป เพราะปัญญาทำให้เห็นช้างทั้งตัวหรือองค์รวม คนต้องมีทั้งแขนซ้ายแขนขวา เครื่องบินที่เป็นองค์รวมต้องมีทั้งปีกซ้ายปีกขวา ฉันใด ประเทศไทยที่เป็นองค์รวม ก็ฉันนั้น
ที่ว่าตาบอดคลำช้างแล้วทะเลาะกันยกใหญ่ เป็นเพราะตาบอดจึงไม่เห็นช้างทั้งตัว คลำรู้เป็นส่วน ๆ ถ้าเห็นช้างทั้งตัวก็ไม่มีอะไรทะเลาะกัน เพราะส่วนต่าง ๆ ล้วนเป็นของช้างตัวเดียวกัน
การคิดแบบแยกส่วน แบ่งข้างแบ่งขั้ว ทำให้ชาวโลกเหมือนตาบอดคลำช้าง ทะเลาะกันยกใหญ่ วุ่นวาย รุนแรงกันไปทั่ว เราอย่าตามเขาไปเลย เดินตามพระพุทธเจ้าด้วยทางสายกลางดีกว่า ทุกคนล้วนเป็นเพื่อน เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่ามีเวรต่อกันเลย แต่มีความเมตตาและคำนึงถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติดีกว่า
ทางสายกลางจะทำให้คนไทยก้าวข้ามความขัดแย้งทุกประเภท
เมื่อใดคนไทยมีความมุ่งมั่นร่วมกัน และสามารถเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในสถานการ์จริงได้จะเกิดพลังมหาศาล ที่จะขับเคลื่อนไปสู่ความเจริญอย่างแท้จริง จนเข้าสู่ยุคศรีอาริยะที่มีความเจริญพร้อมทุกด้าน
การเมืองใหม่ คือ การเมืองทางสายกลาง
ขอพรรคการเมือง และเพื่อนคนไทย พิจารณาให้ดี ๆ
ประเทศไทยมาถึงจุดพลิกผัน (Tipping point) แล้ว
โอกาสพลิกโฉมประเทศไทย อยู่ต่อหน้าเราแล้ว