"...ทางออกที่ดี ผู้เกี่ยวข้องควรมาปรึกษากันด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองให้ชัดเจนว่า ในเมื่อคอร์รัปชันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อบ้านเมืองและประชาชน แต่ละองค์กรจะใช้อำนาจอย่างไรและทุกฝ่ายควรร่วมมือกันอย่างไร เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้สงบสุข ก้าวหน้า แผ่นดินสูงขึ้น..."
ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องถูกต้องตามครรลองหรือไม่ แต่จากการศึกษาพบว่าหลายปีมานี้ การดำเนินคดีคอร์รัปชันที่ผ่านมือ ป.ป.ช. ไปแล้ว มีหลายอย่างที่ทำให้คดีล่าช้าหรือทำให้คนผิดลอยนวลหรือได้รับโทษน้อยเกินสมควร ทั้งๆ ที่การไล่ล่าคนโกงเป็นภาระที่ยุ่งยาก สิ้นเปลือง เนิ่นนาน เสี่ยงอันตราย
ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตเพื่อให้มีการศึกษาในกรณีต่อไปนี้
1. สำนักงานอัยการสูงสุด สามารถสั่งฟ้องคดีล่าช้าเกินกว่า 180 วันตามที่กำหนดในกฎหมาย ป.ป.ช. เช่น คดีฟุตซอล
2. สำนักงานอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องคดีกว่า 80 คดี ที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ทำให้ ป.ป.ช. ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเองและเป็นฝ่ายชนะคดีกว่าร้อยละ 70 ข้อมูลสำคัญนี้ชี้ให้เห็นว่า หาก ป.ป.ช. มักง่ายปล่อยตามเลย คนผิดจะลอยนวลแล้วกลายเป็นไอดอลของเหล่าคนโกง บ้านเมืองก็จะเต็มไปด้วยความอยุติธรรม
3. ศาลชั้นต้น ตัดสินรอลงอาญาในช่วง 5 ปีนี้รวมกันราว 450 คดี หรือราว 1 ใน 3 ของคดีที่ขึ้นสู่ศาล ล่าสุดคือคดีที่คนผิดกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจนโดนโทษจำคุกรวมกันถึง 8 ปี ยังได้รอลงอาญา ซึ่งต่างจากอดีตที่ผู้เขียนจำได้ว่าศาลมักสั่งรอลงอาญาเพียงความผิดเกี่ยวกับการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. และผู้กระทำผิดยอมรับสารภาพ
4. นักโทษคดีโกง ติดคุกแล้วได้รับลดหย่อนโทษมากและเร็วเกินไป ล่าสุดคนที่ศาลสั่งจำคุก 50 กว่าปี เอาเข้าจริงติดแค่ 8 ปีดูเหมือนว่ากรมราชทัณฑ์ก็จะให้ออกจากคุกแล้ว
เห็นได้ว่า กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายยังมีช่องโหว่อยู่มาก แต่ละองค์กรที่เกี่ยวข้องต่างแสดงบทบาทในทิศทางของตนเอง
ทางออกที่ดี ผู้เกี่ยวข้องควรมาปรึกษากันด้วยความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองให้ชัดเจนว่า ในเมื่อคอร์รัปชันเป็นอาชญากรรมร้ายแรงต่อบ้านเมืองและประชาชน แต่ละองค์กรจะใช้อำนาจอย่างไรและทุกฝ่ายควรร่วมมือกันอย่างไร เพื่อปกป้องบ้านเมืองให้สงบสุข ก้าวหน้า แผ่นดินสูงขึ้น
ท้ายนี้ ขอแสดงความชื่นชมต่อ ป.ป.ช. ที่กล้ายื่นฟ้องคดีนักการเมืองใหญ่จากจังหวัดสงขลา ต่อศาลคอร์รัปชันกลาง (กรุงเทพฯ) แทนที่จะเป็นศาลคอร์รัปชันภาค 9 จังหวัดสงขลาพื้นที่เกิดเหตุ นับเป็นการยืนหยัดสู้แบบพลิกทุกตำรา และนี่อาจเป็นคดีแรกที่มีการฟ้องนอกเขตอำนาจศาลคดีคอร์รัปชัน
ดร.มานะ นิมิตมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)