"...ปัญหาการปล่อยให้ฝ่ายข้าราชการประจำ มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและอาจารย์ผู้สอน ด้วยการเปิดรับการลงทะเบียนนักศึกษาทุกภาคทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั้งๆที่ไม่พร้อมในการรองรับการสอบออนไลน์??? หรือการปิดกั้นด้วยกาตัดสิทธินักศึกษาที่ลงทะเบียนในแต่ละเทอมไป มีเด็กไม่สามารถเข้าสู่การสอบได้เทอมละหลายหมื่นคน เป็นเงินลงทะเบียน ที่เปรียบเสมือนเงินกินเปล่า เกือบร้อยล้านบาท ในแต่ละเทอม..."
จดหมายเปิดผนึกกราบเรียนรัฐนตรีว่ากระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิยาลัยรามคำแหง กรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร ศิษย์เก่าศิษย์ปัจจุบันมหาวิทยาลัยรามคำแหงและสื่อมวลชนด้านการศึกษาทุกท่าน
ผมเขียนเรื่องร้องเรียนนี้ต่อทุกท่านและสาธารณะนี้เพื่อสะท้อนตัวอย่างของความล้มเหลวของระบบการศึกษาในมหาวิทยาลัย ในฐานะอดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ทนไม่ไหวกับปัญหาที่เห็นมานานเกือบ 1 ปี ในยุคดิสทรัปชั่นทางการศึกษาและในยามสถานการณ์โควิด ด้วยเพราะเห็นข้อเท็จจริงและด้วยความเข้าใจที่เคยเป็นนักศึกษาที่ต้องทำงานหาเงินลงทะเบียนด้วยความยากลำบากและมีความปรารถนาที่จะสอบเพื่อให้สำเร็จการศึกษาเพื่อนำไปประกอบวิชาชีพ
แม้ตัวผมเองจะจบมาจากเรียนและจบรั้วรามคำแหงมา40กว่าปีแล้ว และได้รับเกียรติอย่างยิ่งทั้งการได้รับคัดเลือกให้ได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีกิตติมศักดิ์ ปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์ ให้เป็นศิษย์เก่าดีเด่น รวมถึงการเคยเป็นกรรมการส่งเสริมมหาวิทยาลัย
จำเป็นต้องบอกกล่าวเรื่องนี้เพราะจะไม่ยอมปล่อยให้ความขัดแย้งทางการเมืองหรือปัญหาการบริหารอื่นใดในมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทำให้มหาวิทยาลัยที่ผมเคยรัก ต้องล่มสลายไป
เพราะยอมปล่อยให้ดำเนินงานแบบล้าหลังขุนนางธุรการวิชาการหรือปัญหาใดๆมีอำนาจเหนือเจตนารมณ์การก่อตั้งเพื่อความเป็นตลาดวิชาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ท่ามกลางยุคดิสทรัปชั่นทางการศึกษาเวลานี้
ปัญหาการปล่อยให้ฝ่ายข้าราชการประจำ มีอำนาจเหนือฝ่ายบริหารและอาจารย์ผู้สอน ด้วยการเปิดรับการลงทะเบียนนักศึกษาทุกภาคทั้งในส่วนกลางและภูมิภาคทั้งๆที่ไม่พร้อมในการรองรับการสอบออนไลน์??? หรือการปิดกั้นด้วยกาตัดสิทธินักศึกษาที่ลงทะเบียนในแต่ละเทอมไป มีเด็กไม่สามารถเข้าสู่การสอบได้เทอมละหลายหมื่นคน เป็นเงินลงทะเบียน ที่เปรียบเสมือนเงินกินเปล่า เกือบร้อยล้านบาท ในแต่ละเทอม
กำแพงทางการศึกษาที่ตั้งกีดกันนักศึกษาที่จะเข้าสอบด้วยการต้องยืนยันตัวตน ผ่านระบบออนไลน์ทุกคนเป็นเวลาล่วงหน้าหลายๆวันเพื่อตัดสิทธิอันชอบธรรมในการเข้าสอบไปนับพันนับหมื่นคน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและละเมิดสิทธิการเข้าถึงการศึกษาอย่างชัดแจ้ง
โดยข้ออ้างเพียงแค่ว่า เพื่อเตรียมความพร้อมซึ่งเป็นปัญหาของฝ่ายธุรการเอง นั้นถือเป็นการปัดภาระไปให้ลูกศิษย์
สิ่งที่ผมเสนอมานานและไม่เคนได้รับการแก้ไขมาตลอดหลายเดือนคือ
1) ควรจัดสอบที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงตามเดิมเมื่อสถานการณ์โควิดดีขึ้นและมหาวิทยาลัยพร้อม
2) ถ้าจัดสอบที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ด้วยสถานการณ์โควิด นักศึกษาทุกคนที่ลงทะเบียนแล้ว มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเข้าสอบได้ทุกคนตามวันเวลาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงประกาศกำหนด ไม่มีความจำเป็นต้องยืนยันตัวตนก่อนล่วงหน้าหลายสัปดาห์ มหาวิทยาลัยต้องจัดระบบรองรับให้ลงทะเบียนเข้าสอบได้ทุกวิชา จนถึงวันเวลาเข้าสอบ ณ เวลาที่เปิดสอบ ไม่ใช่วิธีการที่อำนวยความสะดวกให้ฝ่ายธุรการ ที่ไม่พร้อมเองเช่นนี้
3) มหาวิทยาลัยรามคำแหงต้องดำเนินคืนเงินให้กับนักศึกษาทุกคน ทุกวิชาที่ไม่ระบบสร้างความผิดพลาดทำให้นักศึกษาเข้าสอบไม่ได้ ย้อนหลังทั้งหมดในระยะ 1เศษที่เกิดความผิดพลาดนี้ ตามตัวเลขที่ทราบน่าจเป็นเงินมากกว่า 100-200 ล้านบาท
4) หากมหาวิทยาลัยไม่ดำเนินการตามข้อ1-3 ขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
4.1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย นวัตกรรม ควรตั้งคณะกรรมการสอบสวนในเรื่องนี้เพื่อแก้ไขอย่างเร่งด่วน
4.2 คณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้องของสส สว ตรวจสอบเรื่องนี้
5) นักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ได้รับผลกระทบควรยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อศาลปกครองและศาลยุติธรรม เพื่อมีคำพิพากษาให้คืนเงินคืนสิทธิและพิพากษาให้คืนความเป็นธรรมให้นักศึกษาทั้งหมดที่ไม่ได้นับความเป็นธรรมจากความผิดพลาดนี้
เขียนโดย สมชาย แสวงการ
อดีตศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหง รหัส22
#มหาวิทยาลัยรามคำแหงไม่ปรับปรุงตัวในยุคนี้อีกไม่นานคงจะเสื่อมถอย https://thaipublica.org/2020/11/veerathai
แหล่งที่มา :
https://www.facebook.com/100014542603197/posts/1322409021587172/