"...Metaverse เป็นหนึ่งในแผนการสำคัญของมาร์ค ซัคเกอร์เบอร์ ซีอีโอเฟซบุ๊ค (เมต้า) แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้มากกว่า 2,900 ล้านคนทั่วโลก ในการสร้างรายได้ในอนาคตที่จะพัฒนาประสบการณ์ 3D ที่สมจริงบนโลกอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า Web 3.0 ซึ่งภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เราทุกคนจะทำงาน เล่นสนุก พบปะสังสรรค์ และลงทุนในระบบนิเวศที่ครอบคลุมทุกอย่าง..."
หลายคนอาจยังสงสัยถึงนิยามของคำว่า Metaverse หรือในภาษาไทย ราชบัณฑิตยสภาบัญญัตให้ใช้คำว่า “จักรวาลนฤมิต” แต่หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบอ่านหนังสือ ชมภาพยนตร์ หรือเล่นวิดีโอเกม พอจะได้เห็นแนวคิดของ Metaverse บ้างแล้ว จากภาพยนตร์ อาทิ The Matrix หรือในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่อง Snow Crash ของนีล สตีเฟนสัน ที่เขียนขึ้นในปี 1992 ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นงานแรกที่มีคำว่า Metaverse อธิบายถึงผู้อยู่อาศัยแบบออนไลน์ที่ทำธุรกรรมโดยใช้สกุลเงินดิจิทัล เนื่องจากเกิดภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงและได้ทำลายล้างสกุลเงินในปัจจุบันไปจนหมดสิ้น
Metaverse เป็นหนึ่งในแผนการสำคัญของมาร์ค ซัคเกอร์เบอร์ ซีอีโอเฟซบุ๊ค (เมต้า) แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ที่มีผู้ใช้มากกว่า 2,900 ล้านคนทั่วโลก ในการสร้างรายได้ในอนาคตที่จะพัฒนาประสบการณ์ 3D ที่สมจริงบนโลกอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า Web 3.0 ซึ่งภายในไม่กี่ปีข้างหน้า เราทุกคนจะทำงาน เล่นสนุก พบปะสังสรรค์ และลงทุนในระบบนิเวศที่ครอบคลุมทุกอย่าง
โอกาสธุรกิจกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ
ปัจจุบัน มูลค่าของบริษัทอินเทอร์เน็ตทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ค อะเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และ กูเกิล ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุคปัจจุบัน บริษัทเหล่านี้มีความพยายามที่จะสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่เรียกว่า Metaverse ขึ้นมา ซึ่ง Grayscale Investments บริษัทลงทุนสกุลเงินดิจิทัล ประเมินว่า Metaverse จะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้นับล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่มวาณิชธนกิจ Jeffries เชื่อว่าการลงทุนใน Metaverse จะเหมือนกับการลงทุนในยุคแรกของอินเทอร์เน็ต
การระบาดของโควิด 19 นับเป็นตัวเร่งให้เกิด Metaverse เร็วขึ้น เพียงในระยะเวลา 2 ปีของการระบาดภูมิทัศน์ด้านดิจิทัลเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการศึกษาของ Bain & Co พบว่าผู้คน 70 ล้านคน ซึ่งเทียบเท่ากับประชากรทั้งหมดในสหราชอาณาจักรได้กลายเป็นผู้บริโภคดิจิทัลตั้งแต่เกิดโรคระบาดและเกือบแปดในสิบคน (78%) ในกลุ่มประชากรเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไปจะเป็นผู้บริโภคดิจิทัลภายในสิ้นปี 2564
พัฒนาการแบบไฮบริดของโลกออนไลน์และออฟไลน์ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนในทุกด้าน ตั้งแต่การทำงาน การช็อปปิ้ง การเชื่อมต่อแบบเสมือนจริงจึงเกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป และนั่นคือโอกาสของ Metaverse ที่กำลังขยายพื้นที่เชื่อมต่อกับโลกแห่งความจริง ทั้งด้านธุรกิจ การค้า การศึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย
ตัวอย่างเช่นธุรกิจชานมไข่มุก Bubble Tea Club ของ Pam Yip และเพื่อนของเธอ Jenny Le ที่สร้างประสบการณ์การทำชานมไข่มุกด้วยตัวเองให้กับลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊คและอินสตราแกรม ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางการคุมเข้มตามมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคระบาดของประเทศออสเตรเลีย
ภายใน 1 ปี Bubble Tea Club ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยมีรายได้ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐและมีแผนสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้าโดยใช้ Metaverse Virtual Reality ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเหมือนอยู่ในห้องทำชานมไข่มุกเลยทีเดียว
หรืออย่าง Roblox Corporation บริษัทเกมที่กำลังใช้เทคโนโลยี Metaverse ในการขยายพื้นที่เข้าสู่ธุรกิจการศึกษา โดยการสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ออนไลน์ให้กับเด็กประถมในสหรัฐอเมริกา โดยใช้โมเดลทางเศรษฐกิจที่เหมาะสมสำหรับครูและนักเรียน กรณีของครูสามารถขายเนื้อหาการสอนและการออกแบบเกมในตลาด Roblox เพื่อรับผลตอบแทนเป็นเงินสด ขณะที่นักเรียนสามารถใช้ทักษะที่เรียนรู้ใน Roblox สร้างรายได้บนแพลตฟอร์ม
Roblox เป็นบริษัทเกมที่ก่อตั้งในปี 2547 ปัจจุบันมีมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผู้ใช้งานมากกว่า 47 ล้านคนต่อวัน และส่วนใหญ่เป็นเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี Roblox เป็นเกมที่ผู้เล่นสามารถสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงที่เชื่อมต่อและตอบโต้ผ่านออนไลน์ โดยใช้อวาตาร์ดิจิทัลที่สามารถปรับแต่งได้เองเพื่อท่องในจักรวาลของ Roblox ทำให้ได้รับความนิยมมากขึ้น
เทคโนโลยี AR/VR หนึ่งในเครื่องมือสำคัญของ Metaverse กำลังกลายเป็นกระแสหลัก ทำให้ลูกค้าสามารถทำได้ทุกอย่างตั้งแต่การลองเสื้อผ้าและรองเท้า ไปจนถึงการทำงานจากระยะไกลในพื้นที่เสมือน บริษัทวิจัยการตลาด International Data Corporation (IDC) คาดว่าในปี 2025 มูลค่าของผลิตภัณฑ์เสริมและความจริงเสมือนจะสูงถึง 3.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐหรือเพิ่มขึ้น 9 เท่าจากปีนี้ที่มูลค่า 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 68% ต่อปี
ยังมีความเป็นไปได้เชิงสร้างสรรค์สำหรับธุรกิจในระยะยาวอีกมากมายในโลกของ Metaverse นอกจากการเปลี่ยนร้านเฟชบุ๊คหรืออินสตาแกรมให้กลายเป็นพื้นที่เสมือนจริงใน Metaverse เพื่อให้ผู้คนได้สัมผัสกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของพวกเขาเช่นเดียวกับในร้านที่มีหน้าร้านจริง หรืออาจออกแบบสินค้าดิจิทัลจำนวนจำกัดเพื่อเป็นช่องทางส่งเสริมการขายที่น่าตื่นเต้นให้กับลูกค้าที่มีความจงรักภักดีต่อแบรนด์ใน Metaverse ได้อีกด้วย
นี่คือโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ที่เกิดจากการเชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนและโลกแห่งความเป็นจริง ที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนอีกครั้ง
เรียบเรียงและอ้างอิงข้อมูลจาก :
https://www.usfunds.com/resource/the-metaverse-what-every-early-stage-investor-needs-to-know-2/
https://www.campaignasia.com/article/why-the-metaverse-could-be-the-next-biggest-opportunity-for-businesses-in-asia/474160
https://www.forbes.com/sites/greatspeculations/2021/12/20/the-metaverse-is-a-1-trillion-revenue-opportunity-heres-how-to-invest/?sh=27b660614df9
https://www.edweek.org/teaching-learning/teaching-in-the-metaverse-roblox-looks-to-make-it-a-reality/2021/11
แหล่งที่มา : https://www.bot.or.th/Thai/BOTMagazine/Pages/25650144GlobalTrend.aspx