“…ขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวเองต้องเก็บข้อมูลให้ดีและละเอียด โดยเฉพาะข้อมูลงานภาคบัญชีที่มักมองข้าม เพื่อทำให้สถาบันการเงิน หรือผู้ลงทุนอื่น เห็นได้ว่าเรามีทั้งทรัพยากร มีฐานข้อมูลในการวางกลยุทธ์ อย่างนี้จะทำให้เม็ดเงินเติมเข้ามาในระบบ…”
หมายเหตุสำนักข่าวอิศรา (www.isranew.org) : นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา แสดงปาฐกถาพิเศษเรื่องการยกระดับท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้ให้ประชาชน
โดยนายวีระศักดิ์ กล่าวว่า ในช่วงการระบาดของโควิด อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกือบจะจมน้ำ และมีหลายกลุ่มที่จมน้ำไปแล้ว การเปิดประเทศครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้ประกอบการหลายคนได้กลับเข้ามาตั้งต้นธุรกิจการท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะยังไม่ถึงกับคึกคักมากเหมือนอย่างที่เคย เพราะวันนี้เราเพิ่งแง้มหน้าต่างบานที่ 3 ออก ยังไม่ได้เปิดประตู แม้ว่าเราจะบอกว่าเราเปิดประเทศแล้วก็ตาม
สำหรับหน้าต่างบานที่ 1 ซึ่งเป็นบานที่เราไม่เคยปิด คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาแล้วต้องกักตัว แต่เดิมนั้นให้กักตัว 14 วัน แต่ตอนนี้เหลือ 10 วันแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พักจะเป็นของผู้เดินทางทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าใครๆต่างก็เดินทางมาได้ด้วยหน้างต่างบานที่ 1 ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เดินทางมา มักเป็นคนที่จำเป็นต้องเข้าประเทศไทยจริงๆ
หน้าต่างบานที่ 2 เกิดในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ เช่น ภูเก็ตแซนด์บ็อก หรือ สมุย โมเดล พลัส เป็นต้น ซึ่งมีการเปิดให้นักเดินทาง ท่องเที่ยวภายในพื้นที่แซนด์บ็อกซ์ก่อน 14 วัน ก่อนจะสามารถเดินทางไปในพื้นที่อื่นๆได้ ซึ่งตอนนี้ได้ปรับเงื่อนไขเหลือ 7 วันแล้ว
หน้าต่างบานที่ 3 เปิดให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากพื้นที่ 63 แห่ง ที่พำพักอยู่พื้นที่ที่กำหนดดังกล่าวครบ 21 วัน สามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว
“หน้าต่าง 3 ทั้งบานที่เปิด เรารู้ว่านักท่องเที่ยวอาจจะไม่เยอะ เพียงแต่การแง้มครั้งล่าสุดนี้เปรียบเป็นช่วงฤดูมรสุมค่อยๆ ผ่านไป และวัคซีนได้เคลื่อนตัวออกไปพอสมควรแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ทั้ง 63 แห่งที่รัฐบาลไทยเพิ่งแง้มออกมา และคนไทยเอง ในฐานะที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ก็ได้รับวัคซีนอยู่ในระดับที่น่าพอใจแล้ว แต่ก็อาจต้องเร่งกระจายกันต่อไปอีก ซึ่งปริมาณของนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจะค่อยๆโตขึ้นไปอย่างช้าๆ ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยใน 1 ปีเศษๆ สถานการณ์การท่องเที่ยวและการระบาดจะกลับมาดีขึ้น” นายวีระศักดิ์ กล่าว
6 ภารกิจกรมต่างประเทศ พัฒนาการท่องเที่ยวไทย
สำหรับภารกิจของกรมต่างประเทศ นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า กฎกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาระบุไว้ว่ากรมต่างประเทศมีภารกิจยกระดับประเทศไทยอยู่ด้วกัน 5 แนวทางดังนี้
1.จัดทำแผนพัฒนาทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ คือ ฟื้นฟูและสนับสนุนธุรกิจการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ โดยทำให้การยื่นเอกสารเกี่ยวกับทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เป็นเรื่องง่าย
2.จัดทำแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เดิมการขอพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวผ่านระบบราชการจะต้องผ่านหลายขั้นตอนและใช้เวลานาน ประกอบกับในช่วงวิกฤตโควิด งบประมาณของประเทศต้องใช้อย่างจำกัด ตนเองจึงขอเสนอว่าใน 1 ปีข้างหน้านี้ ควรพัฒนาในระดับเล็กๆ คือ อารยสถาปัต โดยไม่จำเป็นต้องทำให้หรู แต่ให้คำนึงถึงประโยชน์การใช้งานเป็นหลัก เช่น สร้างอ่างล้างมือสำหรับเด็ก ปรับกระจกให้เอียงลงเล็กน้อยเพื่อให้เด็กแล้วผู้สูงวัยสามารถมองเห็นตัวเองได้ หรือการทำลิฟต์ให้ผู้สูงอายุและผู้ช่วยสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก เป็นต้น
รวมถึงให้ใช้แรงงานของช่างท้องถิ่นเข้ามาช่วย และให้ผู้สูงอายุภายในท้องถิ่นเข้ามาช่วยตรวจสอบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้เรามีสตอรี่ที่จะนำไปเล่าต่อ และนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสถึงความเอาใจใส่ของเรา
3.การจัดบริการการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน เช่น การมีมาตรการทางสาธารณสุข หรือการจัดวางแผ่นเมนูร้านอาหาร เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจถึงความเป็นธรรมของราคา และปริมาณ ยกตัวอย่างญี่ปุ่นมีการถ่ายภาพจริงมาโชว์นักท่องเที่ยวให้ดู เพื่อให้ดูความแตกต่างของราคาและปริมาณ ทั้งนี้กรมการท่องเที่ยวอาจเปิดหลักสูตรถ่ายภาพเพื่อพัฒนาทักษะของผู้ประกอบการได้
4.ศึกษาวิเคราะห์วิจัยเพื่อรวมข้อมูลสถิติด้านการท่องเที่ยว เดิมนั้นกรมการท่องเที่ยวเคยจ้างบริษัทเอกชนในการวิเคราะห์ข้อมูล เพราะก่อนเกิดการระบาดของโควิดผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีจำนวนมาก อย่างไรก็ตามตอนนี้เราเหลือผู้ประกอบการที่ฟื้นตัวได้ ไม่มากเท่าเมื่อก่อน ดังนั้นจึงควรวางมาตรการการวิจัยเดียวกัน และให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ต่างๆ ช่วยกันเก็บข้อมูล ตรงนี้จะช่วยกระจายรายได้ให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวด้วย ขณะเดียวกันก็ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณ เพราะจะไม่ต้องเสียค่าเดินทางให้กับนักวิจัยจากเอกชน
5.การติดตามประเมินผลด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว ควรเตรียมแผนการประเมินขณะนี้ว่า ตอนนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วงที่ผ่านมาแล้ว การรอคิวหรืออะไรก็ตามที่ทำให้คนต้องรอโดยใช่เหตุ เช่น ตารางการเดินรถ ตารางการเดินเรือ รวมถึงการตั้งเงื่อนไขต่างๆ ตรงนี้ควรนำไปปรับแก้
6.การสนับสนุนกิจการภาพยนตร์ทั้งภาคการผลิตและการบริการที่เกี่ยวข้อง ควรจะสร้างแรงดึงดูดให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์สนใจเข้ามาถ่ายทำหรือมาใช้บริการภายในประเทศ
ชี้เก็บข้อมูลธุรกิจดี ตัวช่วยสร้างเม็ดเงิน
นายวีระศักดิ์ กล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงของการเปิดประเทศต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวว่า การเปิดประเทศนอกจากเราจะมีปัจจัยเสี่ยงจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา ซึ่งตรงนี้ยังไม่น่าห่วงเท่าไร เพราะราชการเรามีข้อมูลของนักท่องเที่ยวอยู่ในมือแล้ว แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการลับลอบเข้าเมืองของแรงงานข้ามชาติในประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องหลบซ่อนทั้งการเดินทางข้ามพรมแดนและหลบซ่อนอาการป่วยที่อาจติดตัวเขามาด้วย ตรงนี้ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องนำไปพิจารณาว่าจะฟื้นกิจการอย่างไรและจะฟื้นระดับไหน
ส่วนเรื่องของแรงงานในธุรกิจการท่องเที่ยวที่ก่อนหน้านี้เปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นกันจำนวนมาก เพราะที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซบเซามาก ผู้ประกอบการหลายคนต้องปิดตัว หรือลดจำนวนแรงงาน เมื่อเปิดประเทศอีกครั้งผู้ประกอบการต้องการให้แรงงานคนเดิมกลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง ตรงนี้อาจเกิดเหตุการณ์แรงงานไม่กลับมา หรืออาจถูกตั้งคำถามว่าการฟื้นธุรกิจครั้งนี้จะไม่นำไปสู่การเจ็บปวด ซึ่งผู้ประกอบการควรจะรีบตอบตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ นายวีระศักดิ์ กล่าวฝากข้อมูลถึงอุตสาหกรรมการเงินด้วยว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวที่ยังสามารถธำรงอยู่ สถาบันการเงินควรเห็นค่าด้วย เพราะผู้ประกอบการเหล่านี้คือคนที่อยู่รอ และพยายามที่จะสู้ต่อ รวมถึงอาจเป็นคนที่กลับมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวใหม่อีกครั้ง แต่มีวิธีการใหม่ๆ ดังนั้นสถาบันการเงินควรเริ่มหาคน วางคนมาช่วยสังเคราะห์ วิเคราะห์ และริเริ่มช่วยผู้ประกอบการอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต่างๆ ให้ธุรกิจฟื้นตัวได้เร็ว
“ขณะเดียวกันผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวเองต้องเก็บข้อมูลให้ดีและละเอียด โดยเฉพาะข้อมูลงานภาคบัญชีที่มักมองข้าม เพื่อทำให้สถาบันการเงิน หรือผู้ลงทุนอื่น เห็นได้ว่าเรามีทั้งทรัพยากร มีฐานข้อมูลในการวางกลยุทธ์ อย่างนี้จะทำให้เม็ดเงินเติมเข้ามาในระบบ” นายวีระศักดิ์ กล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage