"...3. ปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้มีการร้องเรียนมากขึ้น เช่น มีการรณรงค์มากขึ้น มีการจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ทุกจังหวัด สังคมมีระบบสื่อสารที่สะดวก มีโซเชี่ยลมีเดีย ที่ทำให้คนรู้เห็นและเข้าใจมากขึ้นว่าพฤติกรรมแบบไหนคือคอร์รัปชัน..."
มีคำถามว่า “ทำไมจึงมีเรื่องร้องเรียนที่ ป.ป.ช. จำนวนมาก” และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากช่วงก่อนปี 2557 มีปีละสามพันกว่าคดี เพิ่มเป็นปีละ 8 - 9 พันคดีในปัจจุบัน ท่านประธาน ป.ป.ช. ก็ให้ข้อมูลว่า แม้ในช่วงเวลาปีเศษของการระบาดโรคโควิด – 19 ยังมีเรื่องร้องเรียนมากถึง 15,283 กรณี
เหตุผลที่ระบุได้ คือ
1. มีเรื่องคอร์รัปชันเพิ่มมากขึ้นตลอดหลายปีมานี้
2. ความล้มเหลวของระบบร้องเรียนภายในหน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดของบุคคลที่ถูกร้องเรียน เช่น
ก. เมื่อพบเห็นความผิดแล้วหัวหน้าหน่วยงานไม่ดำเนินมาตรการทาง “วินัยและปกครอง” ตามมติ ครม.[2] ทำให้เรื่องคาราคาซัง
ข. ร้องเรียนแล้วหัวหน้าหน่วยงานเรียกผู้ร้องเรียนมาไกล่เกลี่ย[3] ทำให้ความผิดไม่ถูกสะสาง
ค. จงใจรอหรือปล่อยให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. สตง. ป.ป.ท. หรือ ตำรวจ ป.ป.ป.
ง. มีการช่วยเหลือกัน เช่น เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อมูลบางอย่าง
3. ปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้มีการร้องเรียนมากขึ้น เช่น มีการรณรงค์มากขึ้น มีการจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ช. ทุกจังหวัด สังคมมีระบบสื่อสารที่สะดวก มีโซเชี่ยลมีเดีย ที่ทำให้คนรู้เห็นและเข้าใจมากขึ้นว่าพฤติกรรมแบบไหนคือคอร์รัปชัน
4. บางเรื่องไม่ใช่คอร์รัปชัน หรือเป็นกรณีที่มีเพียงความผิดทางวินัย เช่น เจ้าหน้าที่ขาดความรู้ความสามารถ บกพร่อง ขาดความชัดเจนไม่โปร่งใส ทำงานข้ามขั้นตอน ฯลฯ
5. ผู้ร้องเรียนต้องการป้องกันตัวเอง หากกรณีนั้นถูกดำเนินคดีในภายหลัง หรือหวังได้รับการคุ้มครองจากรัฐหากมีการใช้อิทธิพล ข่มขู่คุกคาม หรือกรณีฟ้องปิดปาก
6. มีการร้องเรียนซ้ำซ้อนจากหลายคนหรือเรื่องเดียวกันแต่ไปร้องเรียนหลายที่ สุดท้ายเรื่องทั้งหมดถูกส่งมา ป.ป.ช. [1]
7. มีการร้องเรียนต่อเนื่องจากคดีอื่นที่เคยร้องเรียนแล้ว เช่น ผู้บังคับบัญชาละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่สอบสวนหรือไม่ดำเนินการทางวินัยและปกครองแก่ผู้ถูกร้องเรียนในเรื่องก่อนหน้านี้
8. มีการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่น เช่น ไม่ให้ผู้ถูกร้องได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง หรือได้รับการเสนอชื่อขอรับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นต้น
ข้อ 3 เป็นเหตุผลเดียวที่น่าดีใจนอกนั้นล้วนน่าเศร้า แนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้เขียนไว้ในแผนปฏิรูปฯ ด้านการต่อต้านคอร์รัปชันแล้ว เพียงแต่รอวันให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ
มีข้อสังเกตว่า ในหลายประเทศที่ควบคุมคอร์รัปชันได้ดี เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ จะให้ความสำคัญมากกับการจัดการปัญหาโดยหน่วยงานภายในองค์กร และมีหลักประกันแก่ผู้ร้องเรียนว่าทุกกรณีจะถูกจัดการอย่างเหมาะสม ขณะที่บางประเทศอย่าง อินโดนีเซีย หน่วยงาน ป.ป.ช. ของเขาจะเลือกทำคดีเฉพาะเรื่องใหญ่ มีผลกระทบสูงหรืออยู่ในความสนใจของสังคมเท่านั้น
สำหรับประเทศไทย จำเป็นต้องพัฒนาระบบรับเรื่องร้องเรียนให้ดีกว่าปัจจุบัน เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ ติดตามเรื่องได้ง่าย รวดเร็ว เรื่องถูกคัดกรองและส่งไปหน่วยงานผู้รับผิดชอบทันที ที่สำคัญกว่านั้นคือผู้เกี่ยวข้องต้องใส่ใจมากขึ้นกับการจัดการเรื่องร้องเรียนของ “บุคลากรในหน่วยงาน” รัฐและประชาชนที่ใช้บริการหรือ “อยู่ในพื้นที่” เช่น เทศบาลและจังหวัด เชื่อว่าจะส่งผลให้ คอร์รัปชันลดลงอย่างชัดเจน เพราะคนเหล่านี้อยู่ใกล้ชิดและรู้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีกว่าใคร
ดร. มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
อ้างอิงจาก :
[1] ขอบคุณข้อคิดเห็นดีๆ จากคุณประยงค์ ปรียาจิตต์และพลอากาศเอกวีรวิท คงศักดิ์
[2] มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ พ.ศ. 2563
[3] วิษณุพงษ์ โพธิพิรุฬห์และคณะ “ราชการไทยไร้คอร์รัปชัน: การสำรวจความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่รัฐต่อการแจ้งเบาะแสการทุจริต” 2563