"....ในช่วงปลายปี 2561 กฟภ. ได้ทำหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญางานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2-สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท กับ บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ พร้อมแจ้งขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา แต่หลังจากนั้นในช่วงปี 2562 กฟภ. ยังคงทำสัญญาว่าจ้างเอกชนรายนี้เข้ามารับงานหลายสัญญา ....ทั้งที่ ตามหลักการทางกฎหมาย การที่บริษัทฯ ถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง เนื่องจากทำงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงาน ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109 (2)..."
..........................................
การทำสัญญาว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามารับงานก่อสร้างสายส่งระบบไฟฟ้าวงเงินหลายร้อยล้านบาท ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
กำลังถูกจับตามอง!
เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูง กฟภ. ว่า ในช่วงปลายปี 2561 กฟภ. ได้ทำหนังสือแจ้งบอกเลิกสัญญางานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2-สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท กับ บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาได้ พร้อมแจ้งขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกค่าปรับจนถึงวันบอกเลิกสัญญา
แต่หลังจากนั้นในช่วงปี 2562 กฟภ. ยังคงทำสัญญาว่าจ้างเอกชนรายนี้เข้ามารับงานหลายสัญญา โดยเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 62 ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้าง บริษัทฯ รายนี้ เข้ามารับงาน โครงการประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานจ้างเหมาก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี บริเวณสามแยกบ้านแกใหญ่ - ทางหลวงหมายเลข 2076 (กม.ที่ 19+280) จังหวัดสุรินทร์ ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่ายระยะที่ 1 มูลค่ากว่า 137,699,370 บาท
ทั้งที่ ตามหลักการทางกฎหมาย การที่บริษัทฯ ถูกบอกเลิกสัญญาจ้าง เนื่องจากทำงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญา ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงาน ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109 (2) ที่ระบุว่า คู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐหรือผู้รับจ้างช่วงที่หน่วยงานของรัฐอนุญาตให้รับช่วงงานได้ไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงเป็นหนังสือนั้น ให้ปลัดกระทรวงการคลังเป็นผู้มีอํานาจสั่งให้ผู้ยื่นข้อเสนอหรือคู่สัญญาเป็นผู้ทิ้งงาน และให้แจ้งเวียนรายชื่อผู้ทิ้งงานให้หน่วยงานของรัฐทราบกับแจ้งเวียนในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางรวมทั้งแจ้งให้ผู้ทิ้งงานทราบด้วย
@ ภาพถ่ายสัญญาจ้างงานระหว่าง กฟภ. และบริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างในพื้นที่ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้
ก่อนที่ ในช่วงธันวาคม 2562 จะมีการตรวจสอบพบข้อมูลว่า ผู้บริหาร กฟภ.รายหนึ่ง ได้ลงนามในหนังสือแจ้งถึงบริษัทฯ ว่าจะไม่ลงโทษให้บริษัทเป็นผู้ละทิ้งงานจากการไม่สามารถทำการก่อสร้างโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2-สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จตามสัญญา ถือเป็นการไม่ปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเป็นการกระทำอันมีลักษณะเป็นการทิ้งงาน ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109 (2) เนื่องจากบริษัทฯ มีเจตนาที่จะปฏิบัติงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แม้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้าง ประกอบกับเมื่อ กฟภ. ขอยกเลิกสัญญาบริษัทฯ ก็มิได้ปฏิเสธความรับผิดชอบและยินยอมชำระค่าปรับให้แก่ กฟภ. ดังนั้น จึงเห็นสมควรไม่ลงโทษบริษัทฯ ให้เป็นผู้ทิ้งงาน
จึงทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องการบังคับใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 109 (2) ดังกล่าว
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า กฟภ. ได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) เป็นคู่สัญญางานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2-สถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตามโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้า ระยะที่ 9 ส่วนที่ 4 เป็นวงเงินค่าจ้างตามสัญญา 125 ล้านบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมสำหรับการจ่ายไฟ ภายใน 720 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา และได้มีการส่งมอบพื้นที่ในวันที่ 26 ก.พ.2559 ซึ่งครบกำหนดตามสัญญาในวันที่ 15 ก.พ.2561 และได้ทำข้อตกลงแก้ไขเพิ่มเติมสัญญา ครั้งที่ 1 เปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ ขยายเวลาปฎิบัติงานตามสัญญา เป็นเวลา 120 วัน ครบกำหนดอายุสัญญาที่ขยายให้ในวันที่ 15 มิถุนายน 2561
ขณะที่จากการตรวจสอบ หมายเหตุประกอบงบการเงิน บริษัท บูรพาเทคนิคคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) สำหรับปีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ที่นำส่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุไว้ในหัวข้อต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากโครงการที่เกินกำหนด เกี่ยวกับการรับงานโครงการนี้ว่า ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558 บริษัทได้รับการว่าจ้างให้ดำเนินการติดตั้งระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 125 ล้านบาท โดยมีกำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาว่าจ้างในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 อย่างไรก็ตาม ระหว่างติดตั้งงานดังกล่าว พื้นที่ดำเนินการได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง อันส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบัติงาน บริษัทจึงได้รับการอนุมัติขยายระยะเวลาเสร็จสิ้นโครงการซึ่งอนุมัติโดยมติคณะรัฐมนตรี เรื่องมาตรการการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบอันเนื่องมาจากเหตุอุทกภัย ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการเร่งรัดงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่องแต่ยังไม่สามารถปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จได้จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 ซึ่งถึงกำหนดเสร็จสิ้นโครงการตามที่ได้รับการอนุมัติขยายระยะเวลาแล้ว แม้ว่าบริษัทจะมีเจตจำนงที่จะรับผิดชอบงานโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ ในไตรมาส 3 พ.ศ. 2561 บริษัทได้ตกลงกับลูกค้าเพื่อหยุดการดำเนินงานในโครงการดังกล่าวแล้ว และอยู่ในระหว่างการเจรจากับลูกค้าเกี่ยวกับจำนวนงานที่จะรับชำระซึ่งยังมีความไม่แน่นอนสูง
บริษัทได้ประเมินผลกระทบจากการปฏิบัติงานที่เกินกำหนดระยะเวลาสัญญาว่าจ้าง และหยุดดำเนินการแล้ว ว่ามีผลกระทบโดยตรงกับการเรียกเก็บเงินค่าก่อสร้าง บริษัทจึงตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้ค่าก่อสร้างตามสัญญาที่ยังไม่ได้เรียกเก็บจำนวน 56.85 ล้านบาท ทั้งจำนวน นอกจากนี้ บริษัทมีต้นทุนจากโครงการที่เกินกำหนดระยะเวลาสัญญาประกอบด้วย ต้นทุนโครงการเพิ่มเติมจำนวน 3.86 ล้านบาท และค่าปรับตามสัญญาจำนวน 18.90 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้บันทึกผลกระทบทั้งสิ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวมสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 แล้ว
ในปี พ.ศ.2562 บริษัทได้จ่ายค่าปรับตามสัญญาบางส่วนจำนวน 6.00 ล้านบาทแล้ว สำหรับค่าปรับตามสัญญาส่วนที่เหลือและยอดคงเหลืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่วมกับลูกค้าเพื่อสรุปจำนวนงานที่จะรับชำระต่อไป
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้พยายามติดต่อไปยัง ผู้บริหาร กฟภ. ที่เป็นผู้ลงนามในหนังสือแจ้งถึง บริษัท บูรพาเทคนิคคอลฯ ว่าจะไม่ลงโทษให้เป็นผู้ทิ้งงาน เพื่อให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/