"...สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเอกสารจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ปาธัช จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทฯ แห่งนี้ เคยเป็นธุรกิจของคนนามสกุลใต้ธงชัยมาก่อนที่ นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ หรือ บิ๊กตุ๋ย ผู้ร่วมก่อตั้งสโมสรและผู้บริหารระดับสูงของทีมชลบุรี เอฟซี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี จะเริ่มเข้ามาถือหุ้นในช่วงปี 2543 และมีการแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการผู้ถือหุ้นหลายครั้ง จนกระทั่งบริษัทแห่งนี้ เปลี่ยนมือมาเป็นธุรกิจของ บิ๊กตุ๋ย และคนในครอบครัวในปัจจุบัน...."
สืบเนื่องจาก สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ติดตามขยายผลการตรวจสอบข้อมูลโครงการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอนประเภทหนังสือและชุดหนังสื่อที่ใช้ร่วมกับปากกาพูดได้ หรือที่เรียกว่า 'Talking Pen' เพื่อแจกจ่ายให้กับนักเรียนในเขตพื้นที่จังหวัดบึงกาฬ จำนวน 214 แห่ง ของ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บึงกาฬ จำนวน 2 สัญญา รวมวงเงิน 39,462,390 บาท ซึ่งปรากฎชื่อเอกชน 2 ราย คือ บริษัท สุภรา อินเตอร์ เทรด จำกัด และบริษัท ปาธัช จำกัด เป็นคู่สัญญา ได้รับงานไปแห่งละ 1 สัญญา ซึ่งถูกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบข้อบกพร่องในการกำหนดราคากลางจัดซื้อสูงกว่าความเป็นจริง ทำให้ราชการเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 16 ล้านบาท
โดยปรากฏข้อมูลการทำสัญญาซื้อขายสินค้า ในช่วงปี 2558-2559 จำนวน 2 สัญญา รวมวงเงิน 39,462,390 บาท คือ
1. สัญญาซื้อขายเลขที่ 1/2558 ลงวันที่ 2 มี.ค. 2558 วงเงิน 19.81 ล้านบาท คณะกรรมการกำหนดราคากลาง กำหนดราคากลางชุดละ 31,000 บาท จำนวน 645 ชุด เป็นงิน 19.99 ล้านบาท ราคากลาง ที่ควรจะเป็น 8.61 ล้านบาท ทำให้ราคากลางสูงกว่าราคากลางที่ควรจะเป็น 11.38 ล้านบาท และทำให้ราชการเสียหาย 11.20 ล้านบาท บริษัท สุภรา อินเตอร์ เทรด จำกัด เป็นคู่สัญญา
2. สัญญาซื้อขายเลขที่ 1/2559 ลงวันที่ 14 มี.ค. 2559 วงเงิน 19.65 ล้านบาท คณะกรรมการกำหนดราคากลาง กำหนดรคากลางชุดละ 30,840 บาท จำนวน 645 ชุด เป็นงิน 19.89 ล้านบาท ราคากลางที่ควรจะเป็น 13.87 ล้านบาท ทำให้ราคากลางสูงกว่าราคากลางที่ควรจะเป็น 6.02 ล้านบาท ดังนั้น ทำให้ราชการเสียหาย 5.77 ล้านบาท บริษัท ปาธัช จำกัด เป็นคู่สัญญา
(อ่านประกอบ : หนุ่มโคราชวัย 25 จัดตั้ง-หุ้นใหญ่! เปิดครบหลักฐาน บ.สุภราฯ ขาย‘หนังสืออัจฉริยะ’อบจ.บึงกาฬ, ลูกเจ้าของหจก.ฯ ขายวัสดุก่อสร้าง! แกะรอย'หนุ่มโคราช'หุ้นใหญ่ บ.หนังสืออัจฉริยะบึงกาฬ ,เผยโฉม 'หนังสืออัจฉริยะ' อบจ.บึงกาฬ ซื้อแพงท้องตลาด16ล.-คู่สัญญาโพสต์ขายแบบเดียวกันเป๊ะ?, เปิดปม 'Talking Pen' อบจ.บึงกาฬ จัดซื้อ2สัญญา แพงกว่าท้องตลาด16ล.-สตง.ไล่บี้เรียกเงินคืน, ไส้ใน อบจ.บึงกาฬ ซื้อ'หนังสืออัจฉริยะ' สัญญาแรก แพงกว่าตลาด11ล.-แข่ง 3 เจ้า ชนะหลักหมื่น, เจาะสัญญาที่2 อบจ.บึงกาฬ 'ซื้อหนังสืออัจฉริยะ'- ชื่อ บ.คว้าห้องเรียน 500 ล.โผล่คู่เทียบ)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลเอกสารจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ปาธัช จำกัด ที่แจ้งไว้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า บริษัทฯ แห่งนี้ เคยเป็นธุรกิจของคนนามสกุลใต้ธงชัยมาก่อนที่ นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ หรือ บิ๊กตุ๋ย ผู้ร่วมก่อตั้งสโมสรและผู้บริหารระดับสูงของทีมชลบุรี เอฟซี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมาคมฟุตบอลจังหวัดชลบุรี จะเริ่มเข้ามาถือหุ้นในช่วงปี 2543 และมีการแจ้งเปลี่ยนตัวกรรมการผู้ถือหุ้นหลายครั้ง จนกระทั่งบริษัทแห่งนี้ เปลี่ยนมือมาเป็นธุรกิจของ บิ๊กตุ๋ย และคนในครอบครัวในปัจจุบัน
โดยจากการตรวจสอบข้อมูลหนังสือบริคณห์สนธิ ช่วงจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทฯ ในช่วงเดือน พ.ค.2534 แจ้งข้อมูลว่า สำนักงานตั้งอยู่ที่ 589 ม.1 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แจ้งวัตถุประสงค์ 47 ข้อ ทุนบริษัท 1 ล้านบาท จำนวน 10,000 หุ้น (หุ้นละ 100 บาท) ปรากฏรายชื่อผู้ก่อการ จำนวน 7 ราย คือ (อายุขณะจดทะเบียนปี 2534)
1. นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 33 ปี
2. นางสาวกมลรัตน์ ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 31 ปี
3. นางศรีจันทร์ ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 55 ปี
4. นางสาวรัชนี ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 29 ปี
5. นางสาวทวีพร ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 24 ปี
6. นางสาวดวงดาว ใต้ธงชัย อาชีพค้าขาย อายุ 21 ปี
7. นาวสาววันวิสาข์ เจริญญาติ อาชีพค้าขาย อายุ 28 ปี
ปรากฏรายชื่อ นายสมบูรณ์ เตชะวลีกุล อายุ 27 ปี และนายวิชานันท์ ตันติวัฒนกุล อายุ 26 ปี เป็นพยาน
ปรากฏรายชื่อ นายสมบูรณ์ เตชะวลีกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจเป็นผู้มายื่นขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ
กรรมการบริษัท คือ นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย รายชื่อผู้ถือหุ้น 7 ราย (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 10,000 หุ้น) ดังนี้
1. นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย 3,900 หุ้น คิดเป็น 39%
2. นางสาวกมลรัตน์ ใต้ธงชัย 1,000 หุ้น คิดเป็น 10%
3. นางศรีจันทร์ ใต้ธงชัย 2,000 หุ้น คิดเป็น 20%
4. นางสาวรัชนี ใต้ธงชัย 1,000 หุ้น คิดเป็น 10%
5. นางสาวทวีพร ใต้ธงชัย 1,000 หุ้น คิดเป็น 10%
6. นางสาวดวงดาว ใต้ธงชัย 1,000 หุ้น คิดเป็น 10%
7. นางสาววันวิสาข์ เจริญญาติ 100 หุ้น คิดเป็น 1%
ปรากฏรายชื่อ นายสมบูรณ์ เตชะวลีกุล เป็นผู้รับมอบอำนาจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท
ต่อมา เมื่อวันที่ 19 มี.ค. 2540 จดทะเบียนแก้ไขที่ตั้งสำนักงานแห่งใหม่เป็น เลขที่ 192/5 ม.16 ต.บางเสาธง กิ่งอ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
จากนั้น เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2543 หรือผ่านมาประมาณ 9 ปี จดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทจากเดิม 1 ล้านบาท เป็น 21 ล้านบาท และปรากฏรายชื่อ นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ เพิ่มเข้ามาเป็นกรรมการร่วมกับ นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย (รวมเป็น 2 คน) และเข้ามาถือหุ้นเป็นอันดับสอง รองจากนางสาวกัญญาด้วย โดยรายชื่อผู้ถือหุ้นปรากฏดังนี้ (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 210,000 หุ้น)
1. นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย 75,600 หุ้น คิดเป็น 36%
2. นางสาวกมลรัตน์ ใต้ธงชัย 12,600 หุ้น คิดเป็น 6%
3. นางศรีจันทรา ใต้ธงชัย 16,800 หุ้น คิดเป็น 8%
4. นางสาวรัชนี ใต้ธงชัย 12,600 หุ้น คิดเป็น 6%
5. นางสาวทวีพร ใต้ธงชัย 14,700 หุ้น คิดเป็น 7%
6. นางสาวดวงดาว ใต้ธงชัย 14,700 หุ้น คิดเป็น 7%
7. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 63,00 หุ้น คิดเป็น 30%
ข้อสังเกต จากเดิมที่คนสกุล ใต้ธงชัย ถือหุ้นรวม 99% ลดลงเหลือ 70% โดยมีนายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ เข้ามาถือหุ้นอีก 30% ที่เหลือ ซึ่งเป็นสัดส่วนมากที่สุดเป็นอันดับสอง ทั้งยังเข้าเป็นกรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทอีกด้วย
จากนั้น ในเวลาไม่ถึง 1 ปี เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2544 จดทะเบียนแก้ไขรายชื่อกรรมการ โดย นางสาวกัญญา ใต้ธงชัย ออกจากการเป็นกรรมการ และกรรมการเข้าใหม่ 6 คน คือ (รวมนายธนศักดิ์เป็น 7 คน) (อายุขณะจดทะเบียนปี 2544)
1. นายวิบูรณ์ มณีฉาย อายุ 46 ปี อาชีพรับราชการ
2. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง อายุ 36 ปี อาชีพรับจ้าง
3. นางพรทิพย์ เกื้อทิพย์ อายุ 34 ปี อาชีพรับจ้าง
4. นางนัฐติยา กันทะสอน อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง
5. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบญจพล อายุ 29 ปี อาชีพรับจ้าง
6. นายสุภาพ คำใบ อายุ 32 ปี อาชีพรับจ้าง
และเปลี่ยนที่ตั้งสำนักงานเป็น เลขที่ 99 ม.1 ต.บางเสาธง กิ่งอ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2544 จดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทเป็น 40 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2545 จดทะเบียนแก้ไขที่ตั้งสำนักงานใหญ่เป็น เลขที่ 40/271 ม.7 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ และสำนักงานสาขาที่ 1 เลขที่ 99 ม.1 ต.บางเสาธง กิ่งอ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ
ทั้งนี้ รายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2545 ได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมปรากฏดังนี้ (หุ้นละ 100 บาท 400,000 หุ้น)
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 301,600 หุ้น คิดเป็น 75.4%
2. นายวิบูลย์ มณีฉาย 3,150 หุ้น คิดเป็น 0.78%
3. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.26%
4. นายพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.26%
5. นางนัฐติยา กันทะสอน 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.26%
6. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบจพล 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.26%
7. นายสุภาพ คำใบ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.26%
8. นางสาวดวงดาว ใต้ธงชัย 90,000 หุ้น คิดเป็น 22.5%
ข้อสังเกต คนสกุล "ใต้ธงชัย" เดิมที่เคยถือหุ้นใหญ่ 6 คน รวม 99% ลดเหลือ 70% และเหลือ 1 คนเท่านั้น คือ นางสาวดวงดาว ถือหุ้น 22.5% ส่วนหุ้นใหญ่สุดเป็นของ นายธนศักดิ์ 75.4% ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงจากกิจการของครอบครัวคนสกุล "ใต้ธงชัย" เปลี่ยนมือเป็นเป็นของนายธนศักดิ์
จากนั้นในปีเดียวกัน หลังจากมีการเพิ่มทุนบริษัทจาก 40 ล้านบาท เพิ่มเป็น 51 ล้านบาท ทำให้รายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 เปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็น (หุ้นละ 100 บาท 510,000 หุ้น) ดังนี้
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 411,600 หุ้น คิดเป็น 80.7%
2. นายวิบูลย์ มณีฉาย 3,150 หุ้น คิดเป็น 0.61%
3. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
4. นายพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
5. นางนัฐติยา กันทะสอน 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
6. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบจพล 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
7. นายสุภาพ คำใบ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
8. นางสาวดวงดาว ใต้ธงชัย 90,000 หุ้น คิดเป็น 17.64%
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2546 จดทะเบียนเพิ่มที่ตั้งสำนักงานสาขา 2 เลขที่ 63 ม.4 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และจากนั้น เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2547 จดทะเบียนเพิ่มที่ตั้งสำนักงานสาขา 3 เลขที่ 181 ม.7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ทำให้มีสำนักงานรวมทั้งหมด 4 แห่ง
ต่อมา มีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2547 เปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็น (หุ้นละ 100 บาท 510,000 หุ้น) ดังนี้
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 412,650 หุ้น คิดเป็น 80.91%
2. นางสาวแสงดาว ใต้ธงชัย 90,000 หุ้น คิดเป็น 17.64%
3. นายวิบูลย์ มณีฉาย 3,150 หุ้น คิดเป็น 0.61%
4. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
5. นายพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
6. นางนัฐติยา กันทะสอน 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
7. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบจพล 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
และเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 2547 จดทะเบียนกรรมการออก 1 คน คือ นายสุภาพ คำใบ เหลือกรรมการ 6 คน
จากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2547 เปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็น (หุ้นละ 100 บาท 510,000 หุ้น) ดังนี้
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 350,000 หุ้น คิดเป็น 68.62%
2. นายชาญศักดิ์ สุระประเสริฐ 50,000 หุ้น คิดเป็น 9.8%
3. นางจินตนา ชลชนะภัยพาล 50,000 หุ้น คิดเป็น 9.8%
4. นางเรณู รัตนสมบูรณ์ 30,000 หุ้น คิดเป็น 5.88%
5. นายประสิทธิ์ สุระประเสริฐ 22,650 หุ้น คิดเป็น 4.44%
6. นายวิบูลย์ มณีฉาย 3,150 หุ้น คิดเป็น 0.61%
7. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
8. นางพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
9. นางนัฐติยา กันทะสอน 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.2%
10. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบญจพล
ต่อมา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2549 จดทะเบียนแก้ไขตราประทับของบริษัท
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2555 จดทะเบียนกรรมการออก 1 คน คือ นายวิบูลย์ มณีฉาย และเข้าใหม่ 1 คือ นายกิติธัช สุระประเสริฐ อายุ 22 ปี (อายุขณะนั้นในปี 2555) โดยนายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ และนายกิติธัช สุระประเสริฐ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 2556 จดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมที่ตั้งสาขาจากเดิมเป็น สำนักงานสาขา 1 เลขที่ 63 ม.4 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ สำนักงานสาขา 2 181 ม.7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา และสำนักงานสาขา 3 เลขที่ 895,896 ม.5 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
จากนั้นมีการจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทจากเดิม 51 ล้านบาท เพิ่มเป็น 91 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2556 (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 910,000 หุ้น) เป็น
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 350,000 หุ้น คิดเป็น 38.46%
2. นายชาญศักดิ์ สุระประเสริฐ 50,000 หุ้น คิดเป็น 5.49%
3. นางจินตนา ชลชนะภัยพาล 50,000 หุ้น คิดเป็น 5.49%
4. นางเรณู รัตนสมบูรณ์ 30,000 หุ้น คิดเป็น 3.29%
5. นายประสิทธิ์ สุระประเสริฐ 22,650 หุ้น คิดเป็น 4.44%
6. นายวิบูลย์ มณีฉาย 3,150 หุ้น คิดเป็น 0.34%
7. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.11%
8. นางพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.11%
9. นางนัฐติยา กันทะสอน 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.11%
10. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบจพล 1,050 หุ้น คิดเป็น 0.11%
11. นายปารุส สุระประเสริฐ 200,000 หุ้น คิดเป็น 21.97%
12. นายกิติธัช สุระประเสริฐ 200,000 หุ้น คิดเป็น 21.97%
ข้อสังเกต คนสกุล "สุระประเสริฐ" ถือหุ้นรวม 92.33%
และเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2556 (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 910,000 หุ้น) จากเดิม 12 คน เหลือ 8 คน ดังนี้
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 445,900 หุ้น คิดเป็น 49%
2. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%
3. นางพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%
4. นางนัฐติยา กันทะสอน 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%
5. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบญจพล 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%
6. นางสาวเกศรินทร์ แก้วเตชะ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.54%
7. นายกิติธัช สุระประเสริฐ 219,500 หุ้น คิดเป็น 21.12%
8. นายปารุส สุระประเสริฐ 219,500 หุ้น คิดเป็น 21.12%
ข้อสังเกต คนสกุล "สุระประเสริฐ" ถือหุ้นรวมลดลงจากเดิม 5 คน เหลือ 3 คน และหุ้นรวม 92.33% ลดลงเหลือ 91.24%
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2557 จดทะเบียนแก้ไขที่ตั้งสำนักงานเป็น สำนักงานใหญ่ เลขที่ 40/271 ม.7 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ สำนักงานสาขา 1 เลขที่ 895,896 ม.5 ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ สำนักงานสาขา 2 เลขที่ 63 ม.4 แขวงลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ และสำนักงานสาขา 3 เลขที่ 181 ม.7 ต.หัวสำโรง อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา
จากนั้นมีการจดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทจากเดิม 91 ล้านบาท เพิ่มเป็น 121 ล้านบาท และเปลี่ยนแปลงสัดส่วนผู้ถือหุ้นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2557 (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 1,210,000 หุ้น) เป็น
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 505,900 หุ้น คิดเป็น 41.8%
2. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.41%
3. นางพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.41%
4. นางนัฐติยา กันทะสอน 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.41%
5. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบญจพล 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.41%
6. นางสาวเกศรินทร์ แก้วเตชะ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.41%
7. นายกิติธัช สุระประเสริฐ 499,550 หุ้น คิดเป็น 41.28%
8. นายปารุส สุระประเสริฐ 179,550 หุ้น คิดเป็น 14.83%
จากนั้น เมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2559 จดทะเบียนเพิ่มทุนบริษัทเป็น 181.95 ล้านบาท โดยรายชื่อผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2559 (หุ้นละ 100 บาท จำนวน 1,819,500 หุ้น) เป็น
1. นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 644,300 หุ้น คิดเป็น 35.41%
2. นายกิติธัช สุระปะเสริฐ 644,300 หุ้น คิดเป็น 35.41%
3. นายปารุส สุระประเสริฐ 505,900 หุ้น คิดเป็น 27.8%
4. นายเดชพล ฉัตรโพธิ์ทอง 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.27%
5. นายพรทิพย์ เกื้อทิพย์ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.27%
6. นางนัฐติยา กันทะสอน 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.27%
7. นางสาวอภิญญา พันธุ์เบญจพล 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.27%
8. นางสาวเกศรินทร์ แก้วเตชะ 5,000 หุ้น คิดเป็น 0.27%
ล่าสุด มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2560 แก้ไขหมู่ที่ตั้งสำนักงานใหญ่จากเดิมเลขที่ 40/271 ม.7 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ เป็นเลขที่ 40/271 ซอยพระยาสุเรนทร์ แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
จากนั้นไม่มีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงอะไรอีก
หมายเหตุ : สีแดง = ลดลงจากเดิม สีเขียว = เพิ่มขึ้นจากเดิม
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2562 ที่ผ่านมา นายธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า ทำธุรกิจในชื่อ บริษัท ปาธัช จำกัด จริง โดยร่วมหุ้นกับลูกชายคือ นายกิติธัช ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ส่วนการทำสัญญาขายสินค้าให้กับ อบจ.บึงกาฬ นั้น เป็นการประมูลงานถูกต้องตามระเบียบราชการทุกประการ
กรณีที่ สตง. ตรวจสอบพบว่า บริษัทฯ ขายชุดหนังสือ Talking Pen เกินกว่าราคากลางที่ควรจะเป็น นายธนศักดิ์ กล่าวว่า "สตง. นั้นได้เรียกลูกชายไปพูดคุยแล้ว แต่ผมไม่ทราบรายละเอียดเชิงลึกว่าเขาไปชี้แจงอะไรอย่างไรบ้าง เพราะไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการโรงงานมาเป็นระยะเวลาประมาณ 20 ปีแล้ว โดยจะไปมุ่งให้กับกิจกรรมในวงการฟุตบอลมากกว่า ส่วนบริษัทก็ให้ลูกชายบริหารไป แต่อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าทางบริษัทนั้นจะสามารถชี้แจงในข้อกล่าวหาได้ทุกประเด็น ส่วนกรณีที่บอกว่าไปซื้อ Talking Pen ต่อหน่วยแล้วมีราคาแพงนั้น ขอเรียนว่ามันเป็นเทรนด์ของสินค้าประเภทนี้ คือ ในช่วงเวลาที่มีการผลิตชุด Taking Pen ออกมาใหม่ๆ ของก็จะมีราคาสูง เพราะว่าเป็นที่นิยม แต่พอเวลาผ่านไป ราคาก็อาจจะลดลงมาได้ เปรียบเหมือนกับโทรศัพท์มือถือ หรือรถยนต์ซึ่งราคาจะลดลงมาอยู่ตลอด” นายธนศักดิ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราถามว่า รู้จัก บริษัท สุภรา อินเตอร์ เทรด จำกัด ซึ่งปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาที่ขายสินค้าให้กับ อบจ.บึงกาฬ และเข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันงานอบจ.อื่นหรือไม่
นายธนศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า "ไม่รู้จักกับบริษัทแห่งนี้แต่อย่างใด"
สำหรับบริษัท สุภรา อินเตอร์ เทรด จำกัด นั้น ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีการระบุหมายเลขโทรศัพท์ ติดต่อบริษัท ผู้ถือหุ้นบริษัท รวมไปถึงพยานในการจดทะเบียนจัดตั้งไว้หมายเลขเดียวกัน คือ 02-3309049 ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ของ บริษัท ครีเอชั่น ฟอร์ คิดส์ จำกัด ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายหนังสือเรียนและสื่อเสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็ก ตั้งแต่ปฐมวัยถึงระดับมัธยมศึกษา
เมื่อตรวจสอบข้อมูลสินค้าที่แจ้งขายไว้ในเว็บไซต์พบว่า มีหนังสือเรียนและสื่อเสริมทักษะการเรียนรู้สำหรับเด็ก แบบเดียวกับ ที่ อบจ. บึงกาฬ จัดซื้อจากบริษัท สุภรา อินเตอร์ เทรด จำกัด และบริษัท ปาธัช จำกัด อยู่ด้วย แต่ราคาจำหน่ายถูกกว่าสินค้าที่อบจ.บึงกาฬจัดซื้อ 1-2 เท่า อาทิ หนังสือ 100 นักประดิษฐ์ยอดเยี่ยมของโลก (100 Great Inventors) , 100 ผู้นำยอดเยี่ยมของโลก (100 Great Leaders) , 100 ผู้ยิ่งใหญ่ในวงการกีฬา (100 Greats in Sports) บริษัท ครีเอชั่น ฟอร์ คิดส์ จำกัด แจ้งราคาขายไว้ที่ เล่มละ 420 บาท แต่ อบจ.บึงกาฬ ตั้งราคากลางจัดซื้ออยู่ที่เล่มละ 1,740 บาท เป็นต้น (อ่านประกอบ : ใช้เบอร์โทรบริษัทอื่นแจ้งพณ.! ข้อมูลใหม่ บ.สุภราฯ ขาย‘หนังสืออัจฉริยะ’อบจ.บึงกาฬ แพง 11 ล.)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ใช้เบอร์โทรบริษัทอื่นแจ้งพณ.! ข้อมูลใหม่ บ.สุภราฯ ขาย‘หนังสืออัจฉริยะ’อบจ.บึงกาฬ แพง 11 ล
เผยโฉมทาวน์เฮ้าส์2ชั้น! ที่ตั้ง บ.ปาธัช ขายหนังสืออัจฉริยะ-สื่อการเรียน 4 อบจ.123 ล.
อบจ.หนองคายแห่งที่ 3! บ.สุภรา คู่เทียบ ปาธัช แข่งขายสื่อการเรียน 21.9 ล. ชนะแค่หลักพัน
บ.สุภรา คู่เทียบอีกแล้ว! เจาะสัญญา ปาธัช ขายสื่อการเรียนอบจ.นครพนม 41 ล.-ชนะหลักหมื่น
ก่อนสตง.สอบปม'หนังสืออัจฉริยะ'บึงกาฬ! บ.ปาธัช คู่สัญญาขายสื่อการเรียน3 อบจ. 83 ล.
ลูกเจ้าของหจก.ฯ ขายวัสดุก่อสร้าง! แกะรอย'หนุ่มโคราช'หุ้นใหญ่ บ.หนังสืออัจฉริยะบึงกาฬ
หนุ่มโคราชวัย 25 จัดตั้ง-หุ้นใหญ่! เปิดครบหลักฐาน บ.สุภราฯ ขาย‘หนังสืออัจฉริยะ’อบจ.บึงกาฬ
ใช้บ้านญาติขรก.แจ้งที่ตั้ง! เผยโฉม บ.สุภรา ขาย'หนังสืออัจฉริยะ' เกินราคาตลาด11 ล. อบจ.บึงกาฬ
เจาะสัญญาที่2 อบจ.บึงกาฬ 'ซื้อหนังสืออัจฉริยะ'- ชื่อ บ.คว้าห้องเรียน 500 ล.โผล่คู่เทียบ
ไส้ใน อบจ.บึงกาฬ ซื้อ'หนังสืออัจฉริยะ' สัญญาแรก แพงกว่าตลาด11ล.-แข่ง 3 เจ้า ชนะหลักหมื่น
เผยโฉม 'หนังสืออัจฉริยะ' อบจ.บึงกาฬ ซื้อแพงท้องตลาด16ล.-คู่สัญญาโพสต์ขายแบบเดียวกันเป๊ะ?
เจาะ 2 สัญญา อบจ.บึงกาฬ ซื้อ 'Talking Pen' แพงกว่าท้องตลาด16ล.- ผู้ขายอยู่ กทม.
เปิดปม 'Talking Pen' อบจ.บึงกาฬ จัดซื้อ2สัญญา แพงกว่าท้องตลาด16ล.-สตง.ไล่บี้เรียกเงินคืน