เสียชีวิตแล้วแต่ทรัพย์ยังอยู่! ปปง.ตามยึดเงินฝาก ‘เสี่ยอู๊ด สิทธิกร บุญฉิม ’ บ.ไดมอนด์ ฮิลล์ จำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัวผ่าน ธนาคารกรุงไทย 7 แห่ง 7 บัญชี หลัง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนฉ้อโกงประชาชน ศาลฎีกาพิพากษาแก้ร่วมกันฉ้อโกงผิดหลายกรรม 921 กระทง
..........................................
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้มีคำสั่งที่ 172/2564 วันที่ 1 ต.ค.2564 ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว เพิมเติม ราย เติม นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด นักสร้างพระเครื่องชื่อดัง (ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว) เป็นเงินสดจากการจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัวของธนาคารกรุงไทยสาขาต่างๆ จำนวน 7 สาขา 7 บัญชี มูลค่า 118,104 บาท (ดูเอกสารท้ายข่าว)
ในคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.ระบุว่า ตามที่สํานักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สํานักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจาก สํานักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตามหนังสือที่ ยธ (สคส) 0804/57 ลงวันที่ 9 มกราคม 2551 ซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทําความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา กล่าวคือ บริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จํากัด โดยนายสิทธิกร บุญฉิม เป็นผู้ดําเนินการ จัดสร้าง “พระสมเด็จเหนือหัว” ให้กับมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีพระวิสุทธาธิบดี เจ้าอาวาสวัดสุทัศน์เทพวราราม เป็นประธานมูลนิธิฯ ในการดําเนินการจัดสร้างได้มีการกล่าวอ้างและโฆษณาผ่านสื่อมวลชนต่าง ๆ ว่าพระสมเด็จเหนือหัว มีตรามหาพิชัยมงกุฎ พิมพ์ประทับด้านหลังองค์พระ โดยมีมวลสารสําคัญ คือ ดอกไม้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ ในการพระราชพิธีบําเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายบูรพกษัตริยาธิราชในงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติ ครบรอบ 60 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2549 นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวอ้างว่ามีผงพระพุทธคุณ ว่านมงคล ผงธูปบูชา พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์กว่าหมื่นชนิด ซึ่งทางสํานักพระราชวังชี้แจงว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และไม่ปรากฏข้อมูลว่าได้มีการขอพระบรมราชานุญาตจัดสร้างและนําดอกไม้พระราชทานไปเป็นมวลสาร ซึ่งมีร้อยเอก เพิ่มยศ ชยางเสน กับพวก ผู้เสียหายหลงเชื่อโดยได้ทําการสั่งจองและชําระเงินไว้แล้ว ต่อมา จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานของสํานักคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวน คดีพิเศษ ปรากฏว่าในการจัดสร้าง “พระสมเด็จเหนือหัว” มีการโฆษณาผ่านสื่อมวลชนทั้งหนังสือพิมพ์ รายวัน และแผ่นโฆษณา โดยมีการนํามงกุฏคู่ และมงกุฏเดี่ยว มีการนํารอยตราที่มีลักษณะคล้ายพระมหา พิชัยมงกุฏพิมพ์ประทับอยู่ด้านหลังองค์พระ และมีข้อความที่ปรากฏในสื่อโฆษณาต่าง ๆ และเหตุที่ผู้เสียหาย เช่าบูชาพระสมเด็จเหนือหัว เนื่องจากได้ทราบข่าวจากสื่อโฆษณาต่าง ๆ ว่ามวลสารที่นํามาสร้างพระสมเด็จ เหนือหัวเป็นดอกไม้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นเครื่องบูชากัณฑ์เทศน์ และรายได้ จะนําไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ ร่วมถวายเป็นพระราชกุศล ประชาชนทั่วไปจึงให้ความสนใจเช่าบูชา เป็นจํานวนมาก การใช้ถ้อยคําที่มีข้อความปรากฏในสื่อต่าง ๆ เป็นการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ต่อประชาชนทั่วไป หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้น ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหายซึ่งถูกหลอกลวง ต่อมาศาลอาญา พิพากษาว่านายสิทธิกร บุญฉิม และบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จํากัด กระทําความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน และศาลฎีกา พิพากษาแก้เป็นว่าความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดไป รวม 921 กระทง ปรับจําเลยที่ 2 กระทงละ 4,000 บาท เป็นเงิน 3,684,000 บาท เมื่อรวมกับโทษปรับฐานใช้หรือเลียนเครื่องหมายราชการตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว รวมปรับจําเลยที่ 2 เป็นเงิน 3,686,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคดีถึงที่สุดแล้ว อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทําความผิดดังกล่าว ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคําสั่งที่ ย.80/2556 ลงวันที่ 27 กันยายน 2556 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว รายนายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก จํานวน 4 รายการ พร้อมดอกผล และคําสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย.98/2560 ลงวันที่ 22 กันยายน 2560 เรื่อง อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) รายนายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก จํานวน 2 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทําธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทําธุรกรรมของบุคคล รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทําความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดี ดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่านายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจํานวน 7 รายการ ประกอบด้วยเงินสด ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว ปรากฏหลักฐานเป็นที่เชื่อได้ว่า ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการ ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดในคดีนี้เป็นสังหาริมทรัพย์ ประเภทเงินสด อันเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่อง สามารถปกปิด ซ่อนเร้น หรือโอนเปลี่ยนมือได้โดยง่าย หากมิได้มีการออกคําสั่งให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราวเมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิใน ทรัพย์สินดําเนินการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาล ได้มีคําสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สํานักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าว กลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายสิทธิกร บุญฉิม กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทําความผิดและอาจมีการโอน จําหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดําเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมาย ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคําสั่งให้ยึด ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทําความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จํานวน 7 รายการ พร้อมดอกผล มีกําหนด ไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2564 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สินแนบท้ายคําสั่งนี้
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า ก่อนหน้านี้ ปปง.มีคำสั่งที่ 98/2560 วันที่ 22 ก.ย.2560 อายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม นายสิทธิกร บุญฉิม จำนวน 2 รายการ ได้แก่
1. เงินในบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสำนักนานาเหนือ บัญชีเลขที่000-7-85663-6 ชื่อบัญชีโอนเงินพระสมเด็จเหนือหัว จำนวน 7,590,467 บาท (ข้อมูลณวันที่ 10 มี.ค.2560)
2.เงินบัญชีเงินฝากธนาคารออมสิน จำนวน79,065 บาท (ข้อมูล ณวันที่ 21 มิ.ย.2560)
มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติคือ 11 ก.ย.2560 –9 ธ.ค.2560
วันที่ 27 ก.ย.2556 ปปง.อายัดทรัพย์สินนายสิทธิกับพวก 4 รายการ การอายัดครั้งนี้เป็นการอายัดเพิ่มเติมหลังจากได้รับแจ้งจากธนาคารทั้งสองแห่งที่เป็นเจ้าของบัญชี
สำหรับเสี่ยอู๊ดเคยโด่งดังจากข่าวให้การสนับสนุนเหล่าดารานักแสดงชายหลายคน ได้ทำอัตวินิบาตกรรมไปอย่างกะทันหันกินยาฆ่าตัวตายภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ต.ในเมือง จ.พิษณุโลกเจ้าหน้าที่ทราบเหตุเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2558 ทั้งนี้นายสิทธิกรเริ่มต้นประกอบอาชีพค้าขายที่ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นเวลา 8 ปี และเป็นประธานบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด
ข่าวเกี่ยวข้อง
ปปง.พบ‘เสี่ยอู๊ด-สิทธิกร’มีเงินฝากอีก 2 บัญชี 7.5 ล.สร้างพระสมเด็จเหนือหัว