"...ในส่วนของเงินขาออก หลังเกิดปัญหาข้อพิพากษาฟ้องร้องเป็นคดีความ กลุ่มนักธุรกิจชาวไทยได้ยอมคืนเงินจำนวนกว่า 1,350 ล้านบาท ให้กลุ่มนักธุรกิจชาวจีน แต่มีการระบุให้จ่ายเงินผ่านบริษัทตัวแทนในประเทศไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัทฯ แห่งนี้ นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งไม่ได้นำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าติดต่อกัน 5 ปี และถูกขีดชื่อเป็นบริษัทร้างไปแล้ว..."
............................
การรวมลงทุนธุรกิจเข้าซื้อกิจการโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่านับพันล้านบาท ระหว่างกลุ่มนักธุรกิจชาวไทย และกลุ่มนักธุรกิจชาวจีน ในช่วงปี 2558 ที่เคยเกิดข้อพิพากษาฟ้องร้องคดีความในข้อหาหลอกลวงนั้น
กำลังถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น!
เมื่อสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการยืนยันข้อมูลว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มนักธุรกิจชาวไทย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกรมสรรพากร เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงินของกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนที่นำมาใช้ในการลงทุน ว่า มีลักษณะเข้าข่ายการหลบเลี่ยงภาษี รวมไปถึงการฟอกเงินหรือไม่
เนื่องจากเส้นทางเงินของกลุ่มนักธุรกิจชาวจีนที่นำมาใช้ในการลงทุนเข้าซื้อกิจกรรมโรงแรมดังกล่าว ทั้งในส่วนของช่วงขาเข้าที่นำเงินเข้ามาลงทุน และช่วงคืนเงินขาออก ส่อว่าจะมีความผิดปกติเกิดขึ้น
โดยในช่วงเงินขาเข้าที่นำมาลงทุน มีการตรวจสอบพบว่า เงินจำนวนหลายร้อยล้านบาท ถูกโอนมาจากบัญชีของชาวจีนจากประเทศลาว และจากบุคคลต่างๆ ในประเทศ ไม่ได้ถูกโอนมาจากบัญชีของบริษัทในประเทศจีน ที่ปรากฎชื่อเป็นผู้ร่วมลงทุนธุรกิจนี้โดยตรง (ดูรูปประกอบ)
ในส่วนของเงินขาออกที่หลังเกิดปัญหาข้อพิพากษาฟ้องร้องเป็นคดีความ กลุ่มนักธุรกิจชาวไทยได้ยอมคืนเงินจำนวนกว่า 1,350 ล้านบาท ให้กลุ่มนักธุรกิจชาวจีน แต่มีการระบุให้จ่ายเงินผ่านบริษัทตัวแทนในประเทศไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียนแค่ 1 ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บริษัทฯ แห่งนี้ นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งไม่ได้นำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าติดต่อกัน 5 ปี และถูกขีดชื่อเป็นบริษัทร้างไปแล้ว
ต่อมาเมื่อกลุ่มนักธุรกิจชาวไทย ได้ยื่นเรื่องให้หน่วยงานตรวจสอบภาครัฐ เข้ามาตรวจสอบ จากการติดตามเส้นทางการเงินพบว่า หลังจากที่มีการจ่ายเงินจำนวน 1,350 ล้านบาท ผ่านบริษัทตัวแทนในประเทศไทย เงินก็ถูกกระจายผ่านไปเข้าบัญชีของบุคคลกลุ่มต่างๆ ทั่วประเทศ ในระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน ด้วย (ดูรูปประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลบริษัทตัวแทนกลุ่มนักธุรกิจจีนในประเทศไทยดังกล่าว พบว่า มีชื่อย่อว่า 'ย.' ปัจจุบันมีสถานะร้าง ถูกนายทะเบียนได้ขีดชื่อออกจากทะเบียนเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2564 ได้ติดต่อไปยังผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากร เพื่อให้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องการร้องเรียนดังกล่าว ได้รับแจ้งว่า ขอให้ติดต่อไปยังโฆษกกรมสรรพากร เพื่อสอบถามข้อมูลเรื่องนี้อีกครั้ง
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เพื่อให้ยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วเช่นกันแต่ยังไม่สามารถติดต่อ
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะทยอยนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/