ผลงานข่าวรางวัลสืบสวนสอบสวนยอดเยี่ยม 2562 สำนักข่าวอิศรา : ชำแหละเครือข่ายโต๊ะจีน พปชร. 352 ล้าน เปลือยความสัมพันธ์กลุ่มทุน-การเมือง ก่อน กกต. ตีตกทุกข้อกล่าวหา อ้างไร้อำนาจสอบเส้นทางเงิน-กลุ่มเอกชน – เจาะกลุ่มเอกชน 4 ราย ร่วมประมูลขายรถบรรทุกให้ อปท. ทั่วประเทศส่อฮั้ว สตง.-ป.ป.ช. ขยายผลสอบเชิงลึก ฟันแล้ว 1 สำนวน
ในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนเพื่อตรวจสอบโครงการ และนโยบายต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้งที่ตรวจสอบพบเอง หรือนำรายงานผลการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐมาขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมดตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ
มีผลงานข่าวอย่างน้อย 2 ชิ้น ที่ทำให้สำนักข่าวอิศราได้รับรางวัลจาก 2 หน่วยงานที่มีบทบาทในด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประจำปี 2562 ได้แก่ 1.ข่าวตรวจสอบการระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ วงเงิน 352 ล้านบาท ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวออนไลน์เชิงสืบสวนยอดเยี่ยม ประจำปี 2562 จากสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ 2.ข่าวเจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุกให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศส่อฮั้วประมูล ได้รับรางวัลช่อสะอาด เป็นโล่เกียรติยศ ประเภทผลงานข่าวหรือสารคดีเชิงข่าวยอดเยี่ยม ประเภทสื่อออนไลน์ จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (อ่านประกอบ : ‘อิศรา’ คว้ารางวัลสืบสวนยอดเยี่ยม ‘ชำแหละโต๊ะจีน พปชร.' จากส.ผู้ผลิตข่าวออนไลน์, ‘อิศรา’รับ 2 รางวัลช่อสะอาดปี62 ตีแผ่ปมขายรถบรรทุก อปท.ส่อฮั้ว-ขายที่ดิน กคช. เอื้อเอกชน)
สำนักข่าวอิศรา สรุปผลงานข่าวทั้ง 2 ชิ้นให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
หนึ่ง ข่าวชำแหละเครือข่ายจ่ายเงินโต๊ะจีน พปชร. 352 ล้านบาท-กกต.ขยายผสอบเชิงลึกปม จนท.รัฐ
ช่วงเดือน ธ.ค. 2561 หรือประมาณ 1 ปีที่แล้ว มีประเด็นใหญ่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดงานระดมทุนโต๊ะจีน โต๊ะละ 3 ล้านบาท รวม 200 โต๊ะ โดยแกนนำพรรค พปชร. คาดการณ์ว่าน่าจะมีรายได้จากเงินระดมทุนในส่วนนี้ประมาณ 600 ล้านบาท
อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้เดินทางไปในงานระดมทุนโต๊ะจีนดังกล่าว พบเอกสารแผนผังการจัดงานจากหนึ่งในคณะผู้จัดงาน โดยเป็นเอกสารที่มิได้มีการเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนเป็นการทั่วไป แบ่งออกเป็น 2 โซน ได้แก่ ฝั่งวีไอพี (VIP) และฝั่งบุคคลธรรมดา
โดยในส่วนโต๊ะฝั่ง VIP ปรากฎชื่อผู้ซื้อโต๊ะคล้ายคลึงกับหน่วยงานรัฐ 3 แห่ง 33 โต๊ะ รวมยอด 99 ล้านบาท ได้แก่ คลัง ซื้อ 20 โต๊ะ 60 ล้านบาท ททท ซื้อ 3 โต๊ะ 9 ล้านบาท และ กทม ซื้อ 10 โต๊ะ 30 ล้านบาท
ภายหลังสำนักข่าวอิศราเผยแพร่รายงานข่าวดังกล่าวออกไป กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้าง สื่อเกือบทุกสำนักได้นำรายงานข่าวของสำนักข่าวอิศราชิ้นนี้ ไปรายงานต่อ เบื้องต้นนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะโต้โผจัดงานระดมทุนดังกล่าวออกมาปฏิเสธ ขณะที่หน่วยงานของรัฐทั้ง 3แห่ง ได้แก่ กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวเช่นกัน (อ่านประกอบ : เปิดเอกสารผังงานโต๊ะจีน 650 ล. พปชร. ชื่อคล้าย‘คลัง-ททท-กทม’หรา บริจาครวม 99 ล.)
(เอกสารผังงานระดมทุนโต๊ะจีน พปชร. ที่สำนักข่าวอิศราได้มาจากงานดังกล่าว ขณะที่นายณัฏฐพล ยืนยันว่า เอกสารที่เขามี ไม่ปรากฎชื่อตามนี้)
ต่อมาพรรคพลังประชารัฐเผยแพร่รายชื่อผู้จ่ายเงินระดมทุนโต๊ะจีน แบ่งเป็น 2 ล็อต ล็อตแรกเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2562 จำนวน 24 รายการ วงเงินรวม 90 ล้านบาท ล็อตที่สอง ต้นเดือน ก.พ. 2562 จำนวน 60 รายการ วงเงิน 262 ล้านบาทเศษ รวมทั้งสองล็อตเป็นเงินประมาณ 352 ล้านบาทเศษ โดยมีเอกชนชื่อดังหลายรายเป็นผู้จ่ายเงินระดมทุน ซึ่งไม่ตรงกับยอดเดิมที่นายณัฏฐพล เคยให้สัมภาษณ์คาดการณ์ว่าจะมีผู้จ่ายเงินระดมทุนรวมประมาณ 600 ล้านบาท โดยนายณัฏฐพลอ้างว่า สาเหตุที่ยอดระดมทุนไม่ถึงตามที่คาดการณ์เนื่องจากมีเอกชนบางรายที่ประสงค์จ่ายเงินให้ ไม่ต้องการให้สำนักข่าวอิศราเผยแพร่ข่าว จึงยังไม่สะดวกที่จะสนับสนุนตอนนี้ (อ่านประกอบ : ‘อิศรา’ถาม‘ณัฏฐพล’ตอบ! หลังฉากงานโต๊ะจีน ปิดยอด 352 ล.-ชื่อ‘คลัง-ททท-กทม’มาจากไหน?)
หลังจากนั้น สำนักข่าวอิศราสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และแหล่งข้อมูลทางโลกออนไลน์ พบข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทเอกชนหลายแห่งที่ปรากฏชื่อเป็นผู้จ่ายเงินระดมทุน เป็นคู่สัญญากับภาครัฐหลายสัญญา วงเงินรวมหลายพันล้านบาท บางแห่งแจ้งงบการเงินว่าไม่มีรายได้ หรือขาดทุน แต่กลับจ่ายเงินระดมทุนรวมหลายสิบล้านบาท
(โต๊ะจีนของแกนนำพรรค พปชร. ในงานระดมทุนเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา, ภาพจากไทยโพสต์)
หลังจากนำเสนอข่าวเรื่องนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้นำพยานหลักฐาน พร้อมกับเอกสารแผนผังงานโต๊ะจีนพรรคพลังประชารัฐที่สำนักข่าวอิศราเผยแพร่ นำไปยื่นเรื่องร้องเรียนให้สำนักงาน กกต. ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง
ความคืบหน้าล่าสุดเกี่ยวกับกรณีนี้ กกต. ได้ตีตกทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับกรณีการจัดงานระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐแล้ว โดยอ้างว่า ไม่มีอำนาจในการสืบค้นเส้นทางการเงินของบริษัทเอกชนต่าง ๆ หลายแห่ง ขณะเดียวกันไม่ปรากฏข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเกี่ยวข้อง นอกจากนี้ไม่มีอำนาจเรียกกลุ่มเอกชนต่าง ๆ เข้ามาให้ถ้อยคำ
กรณีตรวจสอบการจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงเครือข่ายกลุ่มทุน และกลุ่มการเมือง ที่เป็นความสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจการเมือง และทำให้สาธารณชนได้รับทราบว่า กลุ่มทุนใด เป็นท่อน้ำเลี้ยงของฝ่ายใด แม้ว่าท้ายที่สุด กกต. จะไม่สามารถดำเนินการสอบสวนหรือเอาผิดฝ่ายใดได้ก็ตาม ?
สอง ข่าวเจาะกลุ่มเอกชนขายรถบรรทุกให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศส่อฮั้วประมูล
กรณีนี้เริ่มต้นจากช่วงเดือน มิ.ย. 2561 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดนครราชสีมา แจ้งให้ บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด มารับทราบข้อกล่าวหา กรณีกล่าวหา นายสมชัย ปล้องพุดซา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลหนองไข่น้ำ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา กับพวก ว่ากระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 เกี่ยวกับการจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิง ของเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ ในช่วงปี 2553
สำนักข่าวอิศราจึงขยายผลการสืบสวนต่อเนื่อง จนพบว่า ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) อีกหลายแห่งเกือบทั่วประเทศ มีพฤติการณ์ในรูปแบบเดียวกับที่ปรากฏข้อกล่าวหาต่อเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ จ.นครราชสีมา
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศราตรวจสอบพบว่า เทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ จัดทำสัญญาจัดซื้อรถบรรทุกน้ำดับเพลิง และรถบรรทุกขยะมูลฝอยจากบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด รวม 2 คัน วงเงินเกือบ 4 ล้านบาท โดยปรากฏบริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด เป็นคู่เทียบร่วมประมูลด้วย ต่อมาสำนักข่าวอิศราตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบหลักฐานเชื่อมโยงว่าทั้ง 2 บริษัทเป็นกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้รับมอบอำนาจ และพยาน รวมถึงคนทำบัญชี เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน
หลังจากนั้นสำนักข่าวอิศราขยายผลการตรวจสอบเชิงลึกไปยัง อปท. ต่าง ๆ เกือบทั่วประเทศ พบว่า มีเอกชนอีกอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด และบริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเอกชน 2 รายข้างต้น เช่น ใช้ผู้เริ่มก่อตั้งบริษัทคนเดียวกัน หมายเลขโทรศัพท์เดียวกับเอกชนข้างต้น รวมถึงผู้รับมอบอำนาจ พยาน และคนทำบัญชีกลุ่มเดียวกัน
นอกจากนี้ยังพบว่ากรรมการบริษัทบางราย มีสถานะที่แท้จริงเป็นเพียงคนงานในโรงงานของนักธุรกิจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกนำชื่อมาเป็นเจ้าของบริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ด้วย ?
เมื่อตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า ในช่วงปี 2552-2560 บริษัท คิงส์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างกับหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ จำนวน 119 สัญญา วงเงิน 271,481,996 บาท ขณะที่ บริษัท ชัยมงคล แฟคตอริ่ง จำกัด ตั้งแต่ปี 2551-2555 ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกและรถหลายประเภท กับหน่วยงานของรัฐทั่วประเทศ จำนวน 42 สัญญา วงเงิน 98,923,500 บาท ส่วน บริษัท ไทยคาร์ อินดัสทรีส์ จำกัด ในช่วงปี 2554-2560 ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นทั่วประเทศ จำนวน 99 สัญญา รวมวงเงิน 281,836,283 บาท และ บริษัท รุ่งเจริญ อีควิปเมนท์ แอนด์ทรัค จำกัด ในช่วงปี 2555-2559 ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกกับหน่วยงานของรัฐ จำนวน 46 สัญญา วงเงินรวม 139,088,300 บาท
ยอดรวมของสัญญาขายรถบรรทุกให้กับหน่วยงานรัฐท้องถิ่นทั่วประเทศ ที่ทั้ง 4 บริษัท ได้รับไปทั้งหมดเป็น จำนวน 306 สัญญา รวมวงเงิน 791,375,079 บาท
สำนักข่าวอิศรา รวบรวมข้อมูลจัดทำเป็นแผนที่แสดงจุดที่กลุ่มบริษัทคิงส์ฯ ได้ทำสัญญาขายรถบรรทุกให้กับเทศบาลและองค์การบริหารส่วนตำบลต่างๆ ทั่วประเทศ ทั้งสิ้น 81 แห่ง จากทั้งหมด 38 จังหวัด แบ่งเป็น บริษัทคิงส์ฯ 14 แห่ง บริษัทไทยคาร์ฯ 41 แห่ง และบริษัทรุ่งเจริญฯ 31 แห่ง
(แผนผัง 4 เอกชนคว้างานขายรถบรรทุกให้ อปท. เกือบทั่วประเทศ 306 สัญญา 791 ล้านบาทเศษ)
ผลจากการนำเสนอข่าวดังกล่าว นำไปสู่การขยายผลตรวจสอบเชิงลึกจากหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) โดยนายประจักษ์ บุญยัง ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน รับลูกข้อมูลจากสำนักข่าวอิศรานำไปขยายผลตรวจสอบต่อ ขณะเดียวกันเมื่อกลางปี 2562 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นายกเทศบาลตำบลหนองไข่น้ำ กับพวก รวมถึงเอกชนอย่างน้อย 2 ราย ในกรณีนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ดีในปี 2563 ยังเหลืออีกหลายสำนวนในชั้นการไต่สวนของสำนักงาน ป.ป.ช. รวมถึงข้อมูลการตรวจสอบของ สตง. ที่จะต้องติดตามว่าท้ายที่สุดผลการตรวจสอบจะเป็นอย่างไรต่อไป
----
ทั้งหมดคือข่าวใหญ่อย่างน้อย 2 ชิ้น ที่สำนักข่าวอิศราใช้กระบวนการทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวน โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง และเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ จนกระทั่งหน่วยงานรัฐนำไปขยายผลสอบสวนต่อ กระทั่งได้รับรางวัลข่าวประจำปี 2562 ดังกล่าว
และในปี 2563 สำนักข่าวอิศราจะมุ่งเน้นทำข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนเพื่อตรวจสอบโครงการและนโยบายภาครัฐ เพื่อผลประโยชน์สาธารณะต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/