หลังถูกศาลฯ อนุมัติหมายจับ! ล่าสุด 'กิจ หลีกภัย' อดีตนายก อบจ.ตรัง เข้ารายงานตัวส่งฟ้องคดีจัดซื้อที่ดินทำท่าเรือแพง 10 ล.แล้ว เซ็นชื่อ-ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 3 แสน ได้รับอนุญาต ก่อนเดินทางกลับทันที ขณะที่บทลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ขาดอายุความแล้ว
จากกรณีสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่า เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2568 ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ได้อนุมัติออกหมายจับ นายกิจ หลีกภัย อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง จำเลย ในคดีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ฟ้องคดีซื้อที่ดินเพื่อนำมาก่อสร้าง ท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มีราคาสูงเกินจริง กว่า 10 ล้านบาท
หลังจากที่ นายกิจ หลีกภัย ไม่ได้เดินทางไปรายงานตัวส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2568 ขณะที่จำเลยรายอื่นเดินทางมารายงานตัวกันหมด และก่อนหน้านั้น ป.ป.ช. ได้พยายามส่งหนังสือแจ้งให้ไปรายงานตัวในวันดังกล่าว ตามที่อยู่ภูมิลำเนาแต่ไม่สามารถส่งหนังสือได้ สำนักคดี ป.ป.ช. จึงขอศาลฯ อนุมัติออกหมายจับดังกล่าว

ล่าสุด แหล่งข่าวจากศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า ในช่วงเช้าวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นายกิจ หลีกภัย ได้เดินทางมารายงานตัวต่อศาลฯ เพื่อส่งฟ้องคดีนี้เป็นทางการแล้ว ศาลฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ขณะที่ นายกิจยื่นหลักทรัพย์ประกันตัววงเงิน 3 แสนบาท ศาลฯ มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว ก่อนที่จะเดินทางกลับทันที
" การที่ นายกิจ หลีกภัย ไม่ได้เดินทางไปรายงานตัวต่อศาลฯ เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ก่อนที่จะเดินทางมารายงานตัวในวันนี้ (22 ตุลาคม 2568 ) ส่งผลทำให้การถูกชี้มูลความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 157 ขาดอายุความไปแล้ว เหลือแต่มาตรา 151 เท่านั้น" แหล่งข่าวระบุ
ขณะที่ข้อมูลคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ในช่วงต้นปี 2567 ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นายกิจ หลีกภัย กับพวก รวม 13 ราย กรณีการจัดซื้อที่ดินเพื่อนำมาก่อสร้างท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มีราคาสูงเกินจริง และให้ส่งรายงานสำนวนไต่สวน เอกสารหลักฐาน ไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดี แต่อัยการมีความเห็นแย้งในสำนวนไม่ฟ้องคดีให้ ป.ป.ช.จึงยื่นฟ้องคดีเอง
นายกิจ หลีกภัย เป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น เจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 และมีมูลความผิด ฐานละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 79
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐเทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับ นายกิจ หลีกภัย เป็นพี่ชายนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภา ก่อนหน้านี้ นายกิจ ถูก ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ได้รอลงอาญา 2 ปี ในคดีทุจริตเช่าท่าเทียบเรือนาเกลือเพื่อใช้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเลไปแล้ว
ส่วนคดีซื้อที่ดินเพื่อนำมาก่อสร้าง ท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง มีราคาสูงเกินจริง ดังกล่าว ปัจจุบัน ศาลฯ ยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดว่ามีการกระทำความผิด นายกิจ หลีกภัยและพวก ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
