ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี ‘ธานนท์ เวชพิทักษ์’ ผู้ได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่ม 11 ระดับอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช เคยต้องคดีค้ายาเสพติดถึงที่สุด จำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 200,000 บาท เพิ่งพ้นโทษยังไม่ครบ 10 ปี มีลักษณะต้องห้าม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลฎีกามีคำพิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายธานนท์ เวชพิทักษ์ ผู้คัดค้าน ซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 11 อําเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอําเภอ กลุ่มที่ 11 ลําดับที่ 2 เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา เนื่องจาก เคยต้องคําพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2103/2557 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) และมาตรา 66 วรรคสาม ฐานมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย จําคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 2 ปี 6 เดือน และปรับ 200,000 บาท โดยพ้นโทษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 ยังไม่ถึงสิบปี จึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) คำพิพากษามีรายละเอียดดังนี้
เปิดคำพิพากษาละเอียด - ถูกศาลสั่ง จําคุก 2 ปี 6 เดือน
ศาลฎีกา วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ความคดีเลือกตั้ง ระหว่าง คณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้ร้อง นายธานนท์ เวชพิทักษ์ ผู้คัดค้าน เรื่องพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง)
ผู้ร้องยื่นคําร้องว่า สืบเนื่องมาจากมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2567 ให้ไว้ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 และผู้ร้องได้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เรื่อง กําหนดวันเลือกและวันรับสมัครรับเลือกสมาชิกวุฒิสภา กําหนดวันเลือกระดับอําเภอ วันที่ 9 มิถุนายน 2567 วันเลือกระดับจังหวัด วันที่ 16 มิถุนายน 2567 และวันเลือกระดับประเทศ วันที่ 26 มิถุนายน 2567 เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 11 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอําเภอ อําเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอําเภอ
ต่อมาผู้อํานวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ของผู้คัดค้านแล้วพบว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2103/2557 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้าน มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) และมาตรา 66 วรรคสอง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย จําคุก 5 ปี และปรับ 400,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจําคุก 2 ปี 6 เดือน และปรับ 200,000 บาท ผู้คัดค้านต้องโทษจําคุก โดยพ้นโทษเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 ยังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอําเภอ
ความผิดดังกล่าว มิใช่ความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ ทั้งเป็นความผิดฐานเป็นผู้ค้าตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด อันเข้าลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด ผู้ร้องทําการไต่สวนแล้วได้ความดังกล่าวจริง ผู้คัดค้านจึงเป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) และ (12) การที่ผู้คัดค้านซึ่งมีหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกของตนให้เป็นไปตามที่กฎหมายกําหนด ลงลายมือชื่อในใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองว่าตนเองเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 โดยรู้อยู่แล้วว่าตนเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดฐานเป็นผู้ค้า ซึ่งเข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา
กรณีจึงถือว่าผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริต หรือเที่ยงธรรม และรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกได้สมัครรับเลือกอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) (12) มาตรา 20 วรรคสาม และมาตรา 74 ขอให้มีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
ผู้คัดค้านไม่ยื่นคําคัดค้าน
ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งไต่สวนและตรวจสํานวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา กลุ่มที่ 11 ต่อผู้อํานวยการการเลือกระดับอําเภอ อําเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช และเป็นผู้ได้รับเลือกในระดับอําเภอ กลุ่มที่ 11 ลําดับที่ 2 ต่อมาผู้อํานวยการการเลือกระดับจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาของผู้คัดค้านแล้วพบว่า มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) และ (12) จึงลบชื่อผู้คัดค้านออกจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกระดับจังหวัด
ศาลอุทธรณ์ พิพากษาถึงที่สุด มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อจําหน่าย
ผู้ร้องทําการไต่สวนแล้วได้ความว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ 2103/2557 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์ มีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) และมาตรา 66 วรรคสอง ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ค้า ตามสําเนาคําพิพากษา ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช และสําเนาคําพิพากษาศาลอุทธรณ์ เอกสารหมาย ร.1 ลําดับที่ 25 หน้า 87 ถึงหน้า 93 ผู้คัดค้านพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 ตามหนังสือเลขที่ 123/2560 ของเรือนจํากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เอกสารหมาย ร.1 ลําดับที่ 19 หน้า 60
คุณสมบัติต้องห้ามเป็นสมาชิกวุฒิสภา - เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (9) และ (12) อันจะถือว่าผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้ การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม เป็นเหตุให้ศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 หรือไม่
เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากพยานผู้ร้องปากนายรัชพล ทองเนื้องาม ประธานกรรมการสืบสวน และไต่สวนคดีนี้ ซึ่งเบิกความประกอบสํานวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาระดับจังหวัด จังหวัดนครศรีธรรมราช เอกสารหมาย ร.1 ลําดับที่ 1 ถึงลําดับที่ 28 ว่า
ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษา ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2103/2557 ของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยคดีดังกล่าว ศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่า ผู้คัดค้านมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2) และมาตรา 66 วรรคสาม ฐานมีเมทแอมเฟตามีน ไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่าย ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดฐานเป็นผู้ค้า ผู้คัดค้านได้รับโทษจําคุกและพ้นโทษโดยได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2560 ส่วนผู้คัดค้าน ไม่ได้นําพยานหลักฐานใดมาไต่สวนเพื่อให้เห็นเป็นอย่างอื่น
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจําหน่ายซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ค้า ผู้คัดค้านจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12)
การที่ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามดังกล่าวแต่ผู้คัดค้านยื่นใบสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยรับรองในบันทึกการให้ถ้อยคําของผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว. 2) เอกสารหมาย ร.1 ลําดับที่ 4 หน้า 20 และหน้า 21 ว่า ผู้คัดค้านไม่มีลักษณะต้องห้ามใด ๆ ตามกฎหมาย ย่อมถือได้ว่าผู้คัดค้านกระทําการเพื่อให้การเลือกมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสาม อันเป็นเหตุให้ต้องเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 226 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 20 วรรคสี่
เมื่อวินิจฉัยว่าผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 14 (12) แล้ว ก็ไม่จําต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 (9) หรือไม่อีก เพราะเมื่อผู้คัดค้านพ้นโทษจําคุก มาครบ 10 ปีแล้ว ก็ยังคงเข้าลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 14 (12) อยู่นั่นเอง พิเคราะห์พฤติการณ์ แห่งคดีแล้ว เห็นสมควรให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้านเป็นระยะเวลา 10 ปี
พิพากษาให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของนายธานนท์ เวชพิทักษ์ ผู้คัดค้าน เป็นระยะเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคําพิพากษา (คดีหมายเลขแดงที่ ลต สว 2/2568 วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568)