"...ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ในประเด็นเรื่องจำนวนเงิน 30,000 บาท นั้น เป็นเงินที่ นาง อ ได้โอนคืนให้กับตน เนื่องจากเป็นเงินที่ยืมจากตน เมื่อปี พ.ศ. 2556 และได้โอนคืนให้เมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งในตอนนั้นตนได้มอบเงินจำนวน 30,000 บาท เป็นเงินสด ตนจึงไม่ได้มีการเรียกเงินและรับเงินตามที่มีการกล่าวหา กรณีดังกล่าวไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากเป็นการกล่าวอ้างโดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นใด..."
นายมนัส มรรคาเขต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล ถูกศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 พิพากษาลงโทษ จำคุก 5 ปี หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีเรียกรับเงินและดำเนินโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นเด็กและเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้งโดยมิชอบ
คือ ข้อมูลสำคัญที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
ล่าสุด ในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสตูล ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีนี้เป็นทางการ ปรากฏรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิด และคำวินิจฉัยของศาล ดังต่อไปนี้
@ ผู้ถูกกล่าวหา
นายมนัส มรรคาเขต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล
@ ข้อกล่าวหา
การเรียกรับเงิน และการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กและเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้ง
@ พฤติการณ์ในการกระทำความผิด
ภายหลังจากที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ยได้รับแจ้งการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ตามโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้ง และจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง ในระหว่างที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางกำลังดำเนินการสืบหาราคาเพื่อประกาศกำหนดเป็นราคากลางในการจัดซื้อเครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้งและเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายพร้อมติดตั้ง
ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำการเรียกรับเงินจากตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ก เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท และได้มีการโอนเงินจำนวนดังกล่าวให้กับผู้ถูกกล่าวหา ผ่านทางเครื่องเบิกถอนเงินอัตโนมัติ (ATM) เข้าบัญชีเงินฝากธนาคาร ก. ชื่อบัญชี นายมนัส มรรคาเขต
หลังจากที่ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าเมื่อคณะกรรมการกำหนดราคากลาง ได้เสนอราคาอ้างอิงให้ผู้ถูกกล่าวหา ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหารของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่นเพื่อพิจารณาประกาศกำหนดราคากลาง เป็นจำนวนถึง 3 ครั้ง
โดยครั้งที่ 1 ตามบันทึกรายงาน ลงวันที่ 9 ตุลาคม 2557 คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้พิจารณาแหล่งที่มาของราคาอ้างอิง 8 แหล่ง ซึ่งมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ก รวมอยู่ด้วย โดยเสนอกำหนดราคากลางโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,623,000 บาท และโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,966,400 บาท ซึ่งมิได้เป็นราคาต่ำสุดที่มาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ทั้งหมด ปรากฎว่าผู้ถูกกล่าวหาให้ดำเนินการสืบราคากลางใหม่ โดยให้ความเห็นว่า “ให้คณะกรรมการกำหนดราคากลางสอบราคาแหล่งที่มาของราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ว่าเป็นราคาปัจจุบันที่รวมค่าขนส่ง ค่าติดตั้ง ค่าภาษีเรียบร้อยแล้วหรือไม่ โดยมีเอกสารยืนยันแหล่งที่มาของราคาโดยให้รายงานเป็นเอกสารภายใน 3 วัน”
ต่อมาในครั้งที่ 2 ตามบันทึกรายงาน ลงวันที่ 22 ตุลาคม 2557 คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้พิจารณาแหล่งที่มาของราคาอ้างอิง 5 แหล่ง โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ก รวมอยู่ด้วย โดยเสนอกำหนดราคากลางโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,575,300 บาท และโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,475,384 บาท ซึ่งมิได้เป็นราคาต่ำสุดที่มาจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ทั้งหมด ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาให้ดำเนินการหาราคาอ้างอิงใหม่
จนกระทั่งครั้งที่ 3 ตามบันทึกรายงานลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้พิจารณาแหล่งที่มาของราคาอ้างอิง 4 แหล่ง ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาสั่งการให้เอาราคากลางจากที่เหลือ จำนวน 4 ราย โดยให้พิจารณาตามใบเสนอฉบับล่าสุดจากรายที่เสนอล่าสุดเป็นราคากลาง ซึ่งรายดังกล่าวคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ตามใบเสนอราคา ฉบับลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการกำหนดราคากลาง จึงได้เสนอราคากลางจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ซึ่งเสนอมาต่ำสุด เป็นราคากลางโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 1,734,000 บาท และโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้ง เป็นจำนวนเงิน 2,343,896 บาท
ผู้ถูกกล่าวหาจึงพิจารณาเห็นชอบและอนุมัติให้ใช้ราคากลางดังกล่าว ตามประกาศกำหนดราคากลาง ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ก โดยหากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าราคากลางดังกล่าวมีราคาสูงกว่าราคาอ้างอิงที่คณะกรรมการกำหนดราคากลางได้เสนอในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2
กล่าวคือ ราคาอุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้งที่ประกาศกำหนดเป็นราคากลางสูงกว่าราคาอ้างอิงครั้งที่ 1 เป็นเงิน 111,000 บาท และสูงกว่าราคาอ้างอิงครั้งที่ 2 เป็นเงิน 158,700 บาท ส่วนราคาเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้งที่ประกาศกำหนดเป็นราคากลางสูงกว่าราคาอ้างอิงครั้งที่ 1 เป็นเงิน 304,000 บาท และสูงกว่าราคาอ้างอิงครั้งที่ 2 เป็นเงิน 795,016 บาท
การที่ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาว่า ในประเด็นเรื่องจำนวนเงิน 30,000 บาท นั้น เป็นเงินที่ นาง อ ได้โอนคืนให้กับตน เนื่องจากเป็นเงินที่ยืมจากตน เมื่อปี พ.ศ. 2556 และได้โอนคืนให้เมื่อปี พ.ศ. 2557 ซึ่งในตอนนั้นตนได้มอบเงินจำนวน 30,000 บาท เป็นเงินสด ตนจึงไม่ได้มีการเรียกเงินและรับเงินตามที่มีการกล่าวหา
กรณีดังกล่าวไม่อาจรับฟังได้ เนื่องจากเป็นการกล่าวอ้างโดยไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นใดที่แสดงให้เห็นว่าเป็นการยืมเงินและโอนคืนให้ตามการกล่าวอ้างดังกล่าว
ประกอบกับเมื่อฟังข้อเท็จจริงตามทางไต่สวน ที่ปรากฏพฤติการณ์ว่าภายหลังจากมีการโอนเงิน จำนวน 30,000 บาท เข้าบัญชีผู้ถูกกล่าวหา เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2558 ผู้ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์ที่พยายามจะใช้ราคาอ้างอิงจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ก มากำหนดเป็นราคากลาง โดยสั่งการให้คณะกรรมการกำหนดราคากลาง ดำเนินการเป็นจำนวนถึง 3 ครั้ง
จนกระทั่งครั้งสุดท้ายได้สั่งการให้ใช้ราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ซึ่งเสนอมาต่ำสุด ประกาศกำหนดเป็นราคากลางในทั้งสองโครงการ ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าราคาอ้างอิงในครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 แม้ว่าจะเป็นราคาที่ต่ำกว่างบประมาณที่ได้รับการจัดสรรก็ตาม พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวของผู้ถูกกล่าวหาจึงฟังได้ว่ามีเจตนา เพื่อช่วยเหลือให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ได้เข้าทำสัญญาในทั้งสองโครงการดังกล่าว ส่วนกรณีมีพฤติการณ์เรียกรับเงินอีก จำนวน 120,000 บาท ก่อนที่จะมีการทำสัญญาซื้อขายนั้น เนื่องจากในทางไต่สวนไม่ปรากฏพยานหลักฐานที่ยืนยันและเชื่อได้ว่ามีการเรียกเงินตามที่มีการกล่าวอ้างดังกล่าว
สำหรับกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอความ เป็นธรรมในตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนางสาว อ และนาย อา ซึ่งอ้างว่าบุคคลทั้งสองมีความสัมพันธ์พิเศษ และร่วมกันกลั่นแกล้งให้ตนได้รับความเสียหายนั้น คณะไต่สวนเบื้องต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวไม่มีผลต่อการวินิจฉัยการกระทำความผิดของผู้ถูกกล่าวหา ประกอบกับบุคคลที่ผู้ถูกล่าวหาอ้างทั้งสองได้ให้ถ้อยคำไว้ตั้งแต่ในชั้นการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน จึงไม่มีเหตุที่ต้องสอบปากคำบุคคลดังกล่าวเพิ่มเติม
ต่อมาในขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษ ทางไต่สวนได้ความว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้สั่งการกำชับให้ประธานกรรมการจัดซื้อโดยวิธีพิเศษให้เชิญเฉพาะเจาะจงบริษัทหรือห้างร้าน จำนวน 3 ราย และ 4 ราย ที่ได้ใช้เป็นแหล่งราคาอ้างอิงในขั้นตอนของการกำหนดราคากลางเท่านั้นเพื่อให้มายื่นซองเสนอราคาในทั้ง 2 โครงการ โดยมีห้างหุ้นส่วนจำกัด ก เป็นหนึ่งในรายชื่อดังกล่าว ซึ่งต่อมาก็มีห้างหุ้นส่วนจำกัด ก เพียงรายเดียวที่ได้มายื่นซองเสนอราคา ส่วนบริษัทหรือห้างร้านอื่นปรากฎว่าได้รับหนังสือเชิญให้เข้าเสนอราคาจากองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย แต่ก็ไม่ได้มายื่นเสนอราคาแต่อย่างใด โดยราคาที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ได้ยื่นซองเสนอราคามานั้น มีราคาเท่ากับราคากลางที่องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย ประกาศกำหนดราคากลาง ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 ในทั้งสองโครงการ คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีเศษได้ต่อรองราคาแล้วแต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก คงยืนยันราคาเดิม สำหรับโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้งนั้น ในการยื่นซองเสนอราคาครั้งแรก ปรากฎว่าห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ได้เสนอราคามีรายละเอียดไม่ตรงตามประกาศ จึงได้มีการยกเลิกการจัดซื้อ แต่ก็มีการดำเนินการจัดซื้อใหม่ ซึ่งก็มีห้างหุ้นส่วนจำกัด ก เพียงรายเดียวที่เข้าเสนอราคา โดยเสนอราคาเท่ากับราคากลางตามประกาศกำหนดราคากลาง ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2557 เช่นกัน คณะกรรมการจัดซื้อโดยวิธีเศษได้ต่อรองราคาแล้วแต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก คงยืนยันราคาเดิม และต่อมาก็ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ตามสัญญาซื้อขาย เลขที่ 2/2557 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2558 และสัญญาซื้อขาย เลขที่ 3/2558 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2557
ในขั้นตอนการตรวจรับพัสดุ เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ผู้ขาย ได้มีการส่งมอบงานตามสัญญาดังกล่าว คณะกรรมการตรวจรับพัสดุได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่เป็นไปตามสัญญาและได้แจ้งให้ดำเนินการแก้ไขงานและส่งมอบงานใหม่ รวมเป็นจำนวน 3 ครั้ง เมื่อคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่ยินยอมตรวจรับพัสดุเพราะเห็นว่าไม่ครบถ้วนและถูกต้องตามสัญญา ผู้ถูกกล่าวหาได้มีการเรียกปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ยและคณะกรรมการตรวจรับพัสดุเข้าพบเพื่อแก้ปัญหาในการตรวจรับว่าสามารถตรวจรับบางส่วนได้หรือไม่ ตามที่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ได้มีหนังสือ ลงวันที่ 10 มีนาคม 2558 ให้ผู้ถูกกล่าวหาพิจารณาสั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุไว้
แต่คณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่ยอมตรวจรับพัสดุเฉพาะจำนวนหรือที่ถูกต้องบางส่วนเพราะเห็นว่าพัสดุที่ตกลงกับห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ตามสัญญาต้องส่งมอบเป็นชุดให้ถูกต้องซึ่งไม่สามารถแยกการตรวจรับออกแต่ละส่วนได้และไม่ยอมตรวจรับพัสดุ และภายหลังอำเภอควนกาหลงได้มีหนังสือแจ้งให้องค์การบริหารตำบลทุ่งนุ้ยดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับคณะกรรมการตรวจรับพัสดุ อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ไม่ยอมตรวจรับพัสดุ องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย จึงมีคำสั่ง ที่ 715/2559 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2559 โดยคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยมีความเห็นว่าการใช้ดุลพินิจไม่ตรวจรับพัสดุของคณะกรรมการตรวจรับพัสดุไม่มีความผิดทางวินัยและได้ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากสัญญาซื้อขายได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ขายต้องส่งมอบสิ่งของให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญา
เมื่อห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ไม่ได้แก้ไขงานให้ถูกต้องตามสัญญา กองคลัง จึงได้เสนอการพิจารณาบอกเลิกสัญญาซื้อขายในโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง เนื่องจากค่าปรับเกินร้อยละสิบของวงเงินพัสดุ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับให้พิจารณาผ่อนผันการบอกเลิกสัญญาและแจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ยินยอมเสียค่าปรับเกินร้อยละสิบของวงเงินค่าพัสดุหรือค่าจ้าง แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก เห็นว่าได้ทำการส่งมอบเอกสารที่สำคัญต่าง ๆ ถูกต้องครบถ้วนทั้งหมดแล้ว จึงแจ้งให้ผู้ถูกล่าวหาพิจารณาสั่งการให้ตรวจรับพัสดุไว้
ต่อมาเมื่อกองคลังได้เสนอให้งานกฎหมายและคดี สำนักงานปลัด พิจารณาข้อกฎหมายเพื่อบอกเลิกสัญญาซื้อขาย ผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ลงนามอนุมัติบอกเลิกสัญญาซื้อขาย เลขที่ 2/2558 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2558 ส่วนโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้งกองคลังได้บันทึกเสนอการพิจารณาบอกเลิกสัญญาซื้อขาย เนื่องจากค่าปรับเกินร้อยละสิบของวงเงินพัสดุเช่นกัน ผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ลงนามในหนังสือแจ้งให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ยินยอมเสียค่าปรับให้แก่ทางราชการ
แต่ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก แจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหาสั่งการให้คณะกรรมการตรวจรับพัสดุบางส่วนและแจ้งค่าปรับแบบมีเงื่อนไข ต่อมากองคลังได้เสนอให้งานกฎหมายและคดี สำนักงานปลัด พิจารณาข้อกฎหมายเพื่อบอกเลิกสัญญาซื้อขาย ผู้ถูกกล่าวหาจึงได้ลงนามอนุมัติบอกเลิกสัญญาซื้อขาย เลขที่ 3/2558 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2558 ต่อมากองคลังได้เสนอเพื่อพิจารณาข้อกฎหมายลงโทษห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ให้เป็นผู้ทิ้งงาน แจ้งค่าปรับตามสัญญาและริบหลักประกัน โดยผู้ถูกกล่าวหาได้รายงานผลการ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงให้เป็นผู้ทิ้งงาน ตามหนังสือ ที่ สต 72502/547 ลงวันที่ 2 มิถุนายน 2558 ไปยังนายอำเภอควนกาหลง และเห็นชอบให้ดำเนินการริบหลักประกันสัญญา รวมเป็นจำนวนเงิน 200,220 บาท เข้าเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย
พฤติการณ์และการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เป็นเหตุให้การจัดซื้อตามโครงการจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องเล่นสนามเด็กพร้อมติดตั้ง และโครงการจัดซื้อเครื่องอุปกรณ์ออกกำลังกายกลางแจ้งพร้อมติดตั้งต้องถูกยกเลิก ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ ซึ่งไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ และเป็นเหตุให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก ถูกริบหลักประกันสัญญา เป็นจำนวนเงิน 200,220 บาท อีกทั้งถูกพิจารณาลงโทษเป็นผู้ทิ้งงาน
@ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 85/2565 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่าการกระทำของนายมนัส มรรคาเขต ผู้ถูกกล่าวหา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ฝ่าฝืนข้อห้ามในการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลนอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมายหรือกฎ ข้อบังคับที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมาย และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) และมีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี และส่งสำนวนการไต่สวนและเอกสารหลักฐาน พร้อมความเห็นไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน เพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจกับนายมนัส มรรคาเขต ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป
ให้ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนนายมนัส มรรคาเขต พิจารณาโทษตามฐานความผิดที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติ โดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก หากผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ใดไม่ดำเนินการตามมาตรา 98 โดยไม่มีเหตุอันสมควร ให้ถือว่าผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนจงใจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อกฎหมายหรือกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ประกอบกับเพื่อให้สอดคล้องกับหนังสือกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท 0804.3/ว 711 ลงวันที่ 7 เมษายน 2564 และให้แจ้งผล การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบด้วย
ทั้งนี้ ให้แจ้งองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งนุ้ย ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจเพื่อให้มีการชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
@ คำพิพากษาของศาล
จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม), 151 (เดิม) และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม), 151 (เดิม) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 (เดิม), 151 (เดิม) แต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 (เดิม) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำคุก 5 ปี ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 16 ก.ย.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า นายมนัส มรรคาเขต ได้ใช้สิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกหรือไม่
แต่ไม่ว่าบทสรุปผลการต่อสู้คดีจะออกมาเป็นอย่างไร คดีนี้นับเป็นอีกกรณีศึกษาสำคัญของผู้บริหารท้องถิ่น รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่น ไม่ให้กระทำความผิด เดินย้ำซ้ำรอยเดียวกันทั้งในปัจจุบันและอนาคตสืบไปอีกหนึ่งกรณี