"...เมื่อข้อเท็จจริงตามผลการสอบสวนและความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการที่เสนอมาดังกล่าวข้างต้นรับฟังได้ว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้รับเงินจากผู้รับจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาในโครงการจัดซื้อจอ LED ของเทศบาลเมืองบางแก้ว อันเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง กรณีนี้จึงมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแล้ว..."
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งให้ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว จ.สมุทรปราการ เป็นทางการแล้ว
คือ ความเคลื่อนไหวล่าสุด ภายหลังปรากฏข่าวในช่วงเดือนกันยายน 2566 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าจับกุม นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ในข้อหาทุจริต มีพฤติการณ์เรียกรับเงินสินบนผู้ประกอบการเพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติในโครงการจัดซื้อจอ LCDเป็นจำนวน 25% โดยจับได้พร้อมเงินของกลางที่กำลังส่งมอบ 1,560,650 บาท
ต่อมา หลังเกิดเหตุ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ได้มีคำสั่งให้ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตามขั้นตอนทางกฎหมาย พบว่า มีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา อันเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง พร้อมเสนอรายงานผลการสอบสวนให้ กระทรวงมหาดไทย พิจารณา ประกอบความเห็นของผู้ว่าฯ สมุทรปราการ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้วเห็นพ้องด้วย จึงมีการเสนอเรื่องให้ นายอนุทิน พิจารณาสั่งให้นายณัฐพงศ์ พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว จ.สมุทรปราการ ดังกล่าว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนชุดที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ แต่งตั้งขึ้นเกี่ยวกับคดีนี้ มีการระบุข้อมูลว่า จากการสอบสวนพบว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2566 นาย ช. (ตัวย่อ) ซึ่งได้รับมอบหมายจากห้างหุ้นส่วนจำกัด วีระชัยอินเตอร์เนชั่นแนล (ผู้เสียหาย) ให้เป็นผู้ดำเนินการประสานงานเกี่ยวกับตัวสินค้า อุปกรณ์และรายละเอียดในทางเทคนิค ได้ร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อให้เข้าสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จริงกรณีถูกเรียกรับสินบนเพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติโครงการจัดซื้อจอ LED และได้นำธนบัตรรัฐบาลไทยรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,560,650 บาท มาลงบันทึกประจำวันแล้วรับกลับคืนไปเพื่อใช้แสวงหาข้อเท็จจริงดำเนินการกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.2566 เวลาประมาณ 11.00 น. นาย ช. ได้เข้าพบนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ตามนัดหมายเพื่อนำเงินจำนวนดังกล่าวไปจ่ายที่ศูนย์การค้า Apple loft ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อแลกกับหนังสือสัญญาคู่ฉบับดังกล่าว และเมื่อได้มอบเงินจำนวนดังกล่าวให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการที่วางกำลังรอจึงได้รีบรุดเข้าไปที่เกิดเหตุในทันที
ขณะที่นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ถือถุงสีดำเดินมาจากอาคารด้านหลังของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) มุ่งหน้าไปยังประตูฝั่งผู้ขับด้านขวา แล้วหันไปทางช้ายอย่างรวดเร็ว มีลักษณะคล้ายกับตกใจเหมือนเจอเหตุการณ์บางอย่าง
เมื่อหันไปทางซ้ายแล้วได้กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปฝั่งประตูผู้โดยสารด้านซ้าย ขณะเดียวกันมีกลุ่มบุคคคคซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่วิ่งเข้าหานายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ และจากภาพวงจรปิดพบว่า ถุงสีดำดังกล่าววางอยู่บนพื้นทางเดินใกล้กับด้านหน้าข้างซ้ายของตัวรถยนต์คันดังกล่าว ภายหลังเจ้าหน้าที่แสดงตัว เชิญผู้ที่อยู่ในรถยนต์ให้ลงมาจากรถและขอตรวจสอบถุงสีดำต่อหน้านายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ
จากการตรวจสอบพบเงินสดจำนวน 1,560,650 บาท ซึ่งมีหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จึงเป็นผู้รับเงินจำนวนดังกล่าว จากนาย ช.
ขณะที่ นายณัฐพงศ์ แตงสวรรณ ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมการสอบสวน โดยอ้างว่า ในวันที่ 13 กันยายน 2566 ห้างหุ้นส่วนจำกัดวีระชัยอินเตอร์เนชั่นแนล และนายบุญชู กรานรอด รองนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ซึ่งปฏิบัติราชการแทนนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ได้ลงนามในสัญญาแล้ว และห้างหุ้นส่วนจำกัดวีระชัย อินเตอร์เนชั่นแนล ได้รับสำเนาคู่สัญญาฉบับดังกล่าวแล้ว สัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันแล้ว
นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ไม่มีอำนาจในการระงับให้มีการลงนามในสัญญาหรือเหนี่ยวรั้งไม่ส่งสัญญาคู่ฉบับให้แก่ผู้รับจ้างเพื่อเรียกรับสินบนจากการลงนามในสัญญาดังกล่าวได้
แต่กรณีนี้มิได้กล่าวหาว่ามีการเรียกรับสินนจากคู่ฉบับสัญญาที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย แต่มีมูลเหตุหรือพฤติการณ์ว่า เป็นการเรียกรับสินบนเนื่องจากห้างหุ้นส่วนจำกัด วีระชัยอินเตอร์เนชั่นแนล เข้าใจว่ามีสัญญาที่นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้วจะต้องเป็นผู้ลงนามอีกฉบับหนึ่ง
การรับเงินดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติในโครงการจัดซื้อจอ LED และเป็นการรับประโยชน์อันมิควรได้จากผู้ประกอบการ
พฤติการณ์ของ นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จึงเป็นการกระทำที่ไม่มีกฎหมายให้อำนาจ เป็นการปฏิปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อย อันเป็นเหตุให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ รายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณา และสั่งให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว พ้นจากตำแหน่ง ตามมาตรา 73 ประกอบมาตรา 73/1 แห่งพระระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการพิจารณาผลการสอบสวนแล้ว เห็นพ้องกับความเห็นของคณะกรรมการสอบสวน จึงรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณา และสั่งให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว
ขณะที่ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือถึงกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแจ้งว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ มีหนังสือจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ หนังสือฉบับลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 ถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หนังสือฉบับลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหนังสือฉบับลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ถึงรัฐมตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอความเป็นธรรมและขอให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม จึงมีการให้คณะกรรมการสอบสวนดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นที่ผู้ถูกกล่าวหาร้องขอแล้วรายงานผลให้ทราบภายใน 30 วัน ตามนัยมาตรา 73/1 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ก่อนที่กระทรวงมหาดไทย จะพิจารณารายละเอียดผลการสอบสวนแล้วเห็นว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว มีอำนาจหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลเมืองบางแก้ว ตาม พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 48 สัตตรส ซึ่งต้องปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวให้กิจการของเทศบาลเมืองบางแก้วเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
แต่กลับปรากฏตามผลการสอบสวนและความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ถูกจับกุมเนื่องจากเรียกรับสินบนจากผู้รับจ้างเพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาจัดซื้อจอ LED ที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม ซึ่งพฤติการณ์ปรากฏว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้ถือถุงสีดำเดินมาจากอาคารด้านหลังของรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า สีดำ (ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน) มุ่งหน้าไปยังประตูรถยนต์ฝั่งผู้ขับด้านขวา
แต่ทันใดนั้น นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ก็มีอาการตกใจแล้วลุกลี้ลุกลนเดินไปฝั่งประตูผู้โดยสารด้านซ้ายอย่างรวดเร็ว และในขณะนั้นได้ปรากฎกลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รุดเข้าจับกุมนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ โดยพบว่าถุงสีดำดังกล่าว วางอยู่บนพื้นทางเดิน ใกล้กับด้านหน้าข้างซ้ายของรถยนต์คันดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัว และตรวจสอบถุงสีดำต่อหน้านายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ พบเงินสดจำนวน 1,560,650 บาท ซึ่งมีหมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่นาย ช. ได้นำไปลงบันทึกประจำวันไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
@ นาย ณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ
พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นพิรุธว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้ทราบอยู่แล้วว่า ในถุงสีดำที่ตนถือเดินมานั้นบรรจุเงินซึ่งผู้รับจ้างได้นำมามอบให้แก่ตน ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่านายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้รับเงินจากผู้รับจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาในโครงการจัดซื้อจอ LED ของเทศบาลเมืองบางแก้ว
แม้ผู้รับจ้างจะได้รับสัญญาคู่ฉบับที่รองนายกเทศมนตรีเป็นผู้ลงนามปฏิบัติราชการแทนไปแล้ว และสัญญาดังกล่าวมีผลผูกพันแล้ว ก่อนที่นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จะถูกจับกุม ก็ตาม
แต่การที่นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้รับเงิน 1,560,650 บาท ที่ผู้รับจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเมืองบางแก้วนำมามอบให้แก่ตนนั้น ถือเป็นการอาศัยโอกาสที่ตนดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ควบคุมและรับผิดชอบในการบริหารกิจการของเทศบาลเมืองบางแก้ว แสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง การกระทำของนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จึงเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2596 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
ทั้งนี้ เมื่อได้พิจารณาข้อมูล ข้อเท็จริง และข้อกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วเห็นว่าการสอบสวนและสั่งให้นายกเทศมนตรีพ้นจากตำแหน่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำกับดูแลให้ผู้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงรักษาชื่อเสียงของเทศบาลให้ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน
การดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นมาตรการในกำกับดูแลเทศบาล ซึ่งการสอบสวนและการสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนั้น ไม่ต้องกระทำโดยกระบวนการพิจารณาคดีของศาล และการพิจารณาชังน้ำหนักพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดก็ไม่จำต้องถึงขนาดปราศจากข้อสงสัยตามควรดังเช่นในคดีอาญาเพียงมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาก็เพียงพอแล้ว เทียบเคียงคำวินิจฉัจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 11/ 2566
ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงตามผลการสอบสวนและความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการที่เสนอมาดังกล่าวข้างต้นรับฟังได้ว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้รับเงินจากผู้รับจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาในโครงการจัดซื้อจอ LED ของเทศบาลเมืองบางแก้ว อันเป็นการปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่เพื่อแสวงหาประโยชน์แก่ตนเอง
กรณีนี้จึงมีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหาแล้ว
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาผลการสอบสวนและความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ประกอบกับความเห็นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้วเห็นฟ้องด้วย จึงขอเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาสั่งให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ตามมาตรา 73/1 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในวาระการดำรงตำแหน่งอันเป็นผลมาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564
โดยที่คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณพ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว เป็นคำสั่งที่ออกโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คู่กรณีจึงไม่สามารถใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการรอง พ.ศ. 2539 ได้ แต่คู่กรณีอาจฟ้องคดีต่อศาลปกครองที่มีเขตอำนาจได้ ดังนั้น จึงเห็นควรแจ้งสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ให้นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ ทราบด้วย
***********
อนึ่งเกี่ยวกับคดีนี้ ปัจจุบันศาลฯ ยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดว่ามีการกระทำความผิดแต่อย่างใด นายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ มีสิทธิ์ในการต่อสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ขณะที่ในชั้นการสอบสวนทางเจ้าตัวได้ให้การปฎิเสธ และใช้เงินสด 4 แสนบาทเป็นหลักทรัพย์ขอประกันตัวชั่วคราว
นอกจากนี้ นายณัฐพงศ์ ยังมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครอง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวได้
ผลการต่อสู้คดีในชั้นศาลหลังจากนี้ เป็นอย่างไร ติดตามดูกันต่อไป
อ่านเรื่องประกอบ :
- 3 ป.จับสด นายกเทศฯบางแก้ว คาเงินของกลาง 1.5 ล. เรียกสินบน 25% จัดหาป้าย LED 13.3 ล.
- นายกฯบางแก้ว ชิงตั้งพี่เขยบริหารแทน! ผู้ว่าฯปากน้ำ สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่-ตั้งกก.สอบแล้ว