เผยมติ ป.ป.ช. เสียงเอกฉันท์ตีตกคดี 'พ.ต.ท.มาโนช เพ็ชรประกอบ - พวก ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาให้รับสารภาพชั้นจับกุม พร้อมเรียกรับทรัพย์สินแลกการปล่อยตัว จากการพิจารณาสำนวนไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงพยานหลักฐานฟังได้ว่ากระทำความผิด ไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหา พ.ต.ท.มาโนช เพ็ชรประกอบ (มีตำแหน่งเป็นรองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรบางละมุง ในช่วงปี 2565) และพวก ทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาเพื่อให้รับสารภาพในชั้นจับกุม และเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้ต้องหา
หลังพิจารณาสำนวนการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
คดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 10 ราย ประกอบไปด้วย
1. พ.ต.ท.มาโนช เพ็ชรประกอบ
2. พ.ต.ท.อิทธิคม หรืออภิชาติ บุญเกิด
3. พ.ต.ต.ศิลา สาใจ
4. ร.ต.ต.ไพทูลย์ กุลพิพิธ
5. ด.ต.ศุภชัย รักษาสิทธิ์
6. จ.ส.ต.ศราวุฒิ วุฒิอิ่น
7. ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ โคกเขา
8. ส.ต.อ.พงษ์เดช ยกยอดี
9. ร.ต.อ.ประยงค์ เวียงอินทร์
10. ด.ต.เจษฎาภรณ์ เวชกามา
สำนักงาน ป.ป.ช.ระบุพฤติการณ์ที่กล่าวหาว่ากระทำผิดโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ซึ่งเป็นข้าราชการตำรวจ มีอำนาจหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชน จับกุมปราบปรามผู้กระทำความผิด ตามกฎหมายซึ่งตนมีหน้าที่ต้องจับกุมหรือปราบปรามและยังมีอำนาจทำการสืบสวนคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (10) (16) และมาตรา 17 ได้ร่วมกันจับกุมนาย ก.และนางสาว ส. ในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และนาย ก.ให้การซัดทอดว่ายาเสพติดอยู่กับนาย บ.
เมื่อจับกุมตัวนาย บ.ได้ที่ห้องพักในซอยบ่อนไก่ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี จากการตรวจค้นกลับไม่พบยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 อยู่ร่วมกันภายในห้องพักของนาย บ. ได้สอบถามนาย บ. ว่ายาเสพติดอยู่ที่ไหน เมื่อไม่ได้คำตอบจึงลงมือทำร้ายร่างกายนาย บ.ด้วยการตบหน้า เตะ ชกต่อย และใช้เข็มขัดฝาดแผ่นหลังนาย บ. และในวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เข้าไปพูดคุยกับนาย บ. และ นาย ก.ว่ามีเงินหรือไม่ หากมีเงินจะปล่อยตัวนาย บ. นาย ก. และนางสาว ส.ไป นาย ก. จึงโทรศัพท์ไปหานาย ม. ส่วนนาย บ.โทรศัพท์ไปขอยืมเงินจากนางสาว ร. เมื่อนางสาว ร. รวบรวมเงินได้จึงโอนเงินมายังบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาสว่างแดนดิน หมายเลขบัญชี 413 - 4 - 362XX - X ของนางสาว ส. เมื่อ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ทราบว่ามีการโอนเงินมายังบัญชีธนาคารของนางสาว ส.แล้ว จึงให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำตัวนางสาว ส. ไปกดเงินที่เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ตู้ ATM) ที่ถนนหน้าตลาดสัตหีบ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และได้ส่งมอบเงินสดที่ถอนออกมาทั้งหมดให้แก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 จึงปล่อยตัวนางสาว ส. ไป ในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 และจัดทำบันทึกการจับกุมเฉพาะนาย บ.และนาย ก.จากนั้นนำตัวนายบ. และนายก. พร้อมด้วยยาเสพติดของกลางส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.ธ. รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา เมื่อพิจารณาจากบันทึกการจับกุมฉบับดังกล่าวประกอบสมุดยึดทรัพย์ลำดับที่ 1200/2561 ปรากฏว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ไม่ได้นำเงินสดที่รับมอบจากนางสาว ส. บันทึกไว้เป็นทรัพย์ของกลางหรือส่งมอบให้กับ ร.ต.อ. ธ. แต่อย่างใด
ผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ได้ร่วมกันจับกุมนาย พ. จากการจับกุมครั้งนั้น นาย พ.ให้การว่า ซื้อยาเสพติดมาจากนาย ก. ซึ่งอาศัยอยู่ในซอยบงกช พัทยาใต้ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมทั้งแจ้งว่า ขณะรับยาเสพติดมาจากนาย ก.พบเห็นนาย ก. มียาเสพติดอยู่ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก
ต่อมาช่วงเที่ยงของวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 มีการล่อซื้อยาเสพติดจากนาย ก. แต่ไม่สามารถล่อซื้อได้สำเร็จ เนื่องจากนาย ก.ไหวตัวทันและสามารถหลบหนีจากการจับกุมไปได้ เมื่อนาย ก. กลับมายังห้องพักได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับนางสาว ส. แฟนสาวฟัง จากนั้น แฟนสาวของนาย พ.โทรศัพท์มาหานาย ก. เพื่อขอซื้อยาเสพติด นาย ก. และนางสาว ส. จึงเดินทางออกจากห้องพักนำยาเสพติดไปส่งให้กับแฟนสาวของนาย พ.โดยให้นางสาว ส. เป็นคนโยนยาเสพติดไว้ ณ สถานที่ที่นัดหมายกับแฟนสาวของนายพ. จากนั้นนาย ก. และนางสาว ส. จึงเดินทางไปหาหอพัก เมื่อกลับมาถึงห้องพักนาย ก.ได้โทรศัพท์ไปหานาย บ. ให้มาช่วยขนของ นาย บ. จึงเดินทางมาหานาย ก.โดยระหว่างทางได้แวะซื้อเบียร์ ไส้กรอกและผลไม้ ที่ตลาดวนาสินธุ์ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี นำมากินกับนาย ก. เมื่อมาถึงห้องพักของนาย ก. ขณะกำลังช่วยกันขนของ นาย บ. ได้พูดคุยขอซื้อยาเสพติดจากนายก. นาย ก. จึงเล่าเหตุการณ์ที่ตนถูกล่อซื้อยาเสพติดให้นาย บ. ฟัง และบอกกับนาย บ. ว่าขณะนี้ตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวและเกรงว่าจะถูกจับตัวได้พร้อมกับยาเสพติดที่ครอบครองอยู่ จึงฝากให้นาย บ. ช่วยนำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ นาย บ.จึงรับเอายาเสพติดจากนาย ก. มาใส่ในถุงไส้กรอกและผลไม้ จากนั้นจึงเดินทางออกจากห้องพักของนาย ก.ไป
ต่อมาในช่วงเย็นของวันเดียวกัน ขณะนาย ก.และนางสาว ส.ยืนอยู่หน้าหอพัก ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ขับรถยนต์ 2 คัน มาจอดที่หน้าหอพักแล้วบุกเข้าจับกุมนาย ก.และนางสาว ส. เมื่อตรวจค้นไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย จึงนำตัวนาย ก. และนางสาว ส.ขึ้นรถยนต์ไปกับผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 พาไปยังสถานที่แห่งหนึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล จากนั้นได้สอบถามนาย ก.ว่ายาเสพติดอยู่ที่ไหน เมื่อได้ความว่า ยาเสพติดอยู่กับนาย บ. ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 จึงแบ่งหน้าที่กัน โดยแยกกันออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งควบคุมและนำตัว นางสาว ส.ไป และอีกกลุ่มหนึ่งให้นาย ก. พาไปยังห้องพักของนาย บ. เมื่อกลุ่มที่เดินทางไปยังห้องพักของนาย บ. ไปถึงห้องพัก นาย บ.ในซอยบ่อนไก่ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ปรากฏว่า ขณะนั้นนาย บ.ไม่อยู่ห้อง จึงวางแผนให้นาย ก. โทรศัพท์ไปหานาย บ. และสอบถามนาย บ. ว่าจะกลับมายังห้องพักเมื่อใด
เมื่อได้ความว่า นาย บ. กำลังเดินทางกลับมายังห้องพัก จึงกระจายกำลังกันรอบห้องพักของนาย บ.เมื่อนาย บ.ดินทางมาถึง ขณะกำลังเปิดประตูจึงบุกเข้าไปจับกุมตัวนาย บ.และแย่งกุญแจจากนาย บ. มาเปิดห้อง แล้วนำตัวนาย บ. เข้าไปภายในห้อง เมื่อตรวจค้นภายในห้องพักของนาย บ.กลับไม่พบยาเสพติดหรือสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อผู้ถูกกล่าวหาอีกกลุ่มหนึ่งที่ควบคุมตัวนางสาว ส. ไว้เดินทางมาถึง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จึงนำตัวนาย ก. ลงมาจากรถยนต์และนำตัวเข้ามายังห้องพักของนาย บ. เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 อยู่ร่วมกันในห้องพัก จึงเริ่มสอบถามนาย บ.และ นาย ก. ว่ายาเสพติดอยู่ที่ไหน เมื่อไม่ได้คำตอบ จึงลงมือทำร้ายร่างกายนาย บ.โดยการตบหน้า เตะ ชกต่อย และใช้เข็มขัดฝาดแผ่นหลัง เพื่อให้ นาย บ. ยอมบอกสถานที่ที่นำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ จนนาย บ.ยอมบอกว่าตนได้นำยาเสพติดไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณพุ่มไม้ ข้างทางเข้าซอยหมู่บ้านจอมเทียนนิเวศน์ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 จึงนำตัวนาย บ.นาย ก.และนางสาว ส. ไปยังสถานที่ดังกล่าว เมื่อตรวจค้นพบยาเสพติดที่นาย บ.ซุกซ่อนไว้ จึงให้นาย บ.และนาย ก. ชี้ยืนยันสถานที่ที่ค้นพบยาเสพติดและยาเสพติดที่ตรวจยึดได้และบันทึกภาพถ่ายพร้อมวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ได้อาศัยอำนาจในฐานะเจ้าพนักงาน ป.ป.ส. ของผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ร่วมกันนำตัวนาย บ.นาย ก. และนางสาว ส.ไปควบคุมไว้ที่บ้านพักในอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อขยายผลหาที่มาของยาเสพติดที่ตรวจยึดได้ โดยสอบถามข้อมูลจากนาย บ. นาย ก.และนางสาว ส. เมื่อได้ข้อมูลว่ายาเสพติดดังกล่าวนาย ก.รับมาจากนาย ม. ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่ 14 ซอยสีน้ำเงิน แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ควบคุมตัวนาย บ.นาย ก. และนางสาว ส. ไว้นั้น ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ได้ให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 เข้าไปพูดคุยกับนาย บ.และนาย ก.และสอบถามว่า มีเงินหรือไม่ หากมีเงินจะปล่อยตัวนาย บ. นาย ก.และนางสาว ส.ไป นาย ก.จึงโทรศัพท์ไปหานาย ม. ส่วนนาย บ.โทรศัพท์ไปหานางสาว ร.เพื่อให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารของนางสาว ส.เมื่อนางสาว ร. รวบรวมเงินได้ จึงได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารธนชาต สาขาบิ๊กซี พัทยาใต้ หมายเลขบัญชี 620 - 6 - 102XX - X มายังบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาสว่างแดนดิน หมายเลขบัญชี 413 - 4 - 362XX - X ของนางสาว ส. เป็นจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเวลา 16.49 น. จำนวน 10,000 บาท และครั้งที่ 2 เวลา 17.58 น. จำนวน 19,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 29,000 บาท เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ทราบว่ามีการโอนเงินมายังบัญชีของนางสาว ส.แล้ว จึงให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำตัวนางสาว ส. ไปกดเงินที่เครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ตู้ATM) ที่ถนนหน้าตลาดสัตหีบ ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี โดยให้นางสาว ส.ทำรายการถอนเงินผ่านเครื่องถอนเงินอัตโนมัติ (ตู้ ATM) จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเวลา 18.19 น. จำนวน 20,000 บาท และครั้งที่ 2 เวลา 18.20 น. จำนวน 15,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35,000 บาท เมื่อนางสาว ส. ถอนเงินออกมาได้ จึงส่งมอบเงินสดที่ถอนออกมาทั้งหมดให้กับผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ไป และในวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 จึงปล่อยตัวนางสาว ส.ไป โดยนำตัวไปส่งยังห้องพักในซอยบงกช พัทยาใต้ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี และจัดทำบันทึกการจับกุมนาย บ.และนาย ก.และนำตัวบุคคลทั้งสองพร้อมด้วยยาเสพติดของกลางส่งมอบให้กับ ร.ต.อ.ธ. รองสารวัตร (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา
เมื่อพิจารณาจากบันทึกการจับกุมฉบับลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 มิได้นำเงินสดจำนวน 35,000 บาท ที่รับไปจากนางสาว ส.บันทึกไว้เป็นทรัพย์ของกลางแต่อย่างใด เมื่อ ร.ต.อ.ธ. รับตัวนาย บ.และนาย ก.ไว้ จึงรับดำเนินคดีเป็นคดีอาญาของสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา ที่ 3810/2561 พร้อมยึดของกลางที่ส่งมอบให้ไว้ตามสมุดยึดทรัพย์ลำดับที่ 1200/2561 และในวันเดียวกันเพื่อให้สามารถพิสูจน์ได้ว่า นาย บ. ได้รับบาดเจ็บจากการถูกผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ร่วมกันทำร้ายร่างกาย นาย บ.ได้ร้องขอให้ ร.ต.อ.ธ. นำตัวไปตรวจชันสูตรบาดแผล ร.ต.อ.ธ.จึงนำตัวนาย บ.ไปยังโรงพยาบาลเมืองพัทยา ซึ่งในวันดังกล่าวมีนายแพทย์ ว.เป็นแพทย์ผู้ทำการชันสูตรบาดแผลของนาย บ.
เมื่อชันสูตรบาดแผลพบว่า นาย บ.มีบาดแผลเป็นรอยฟกช้ำบริเวณแผ่นหลังด้านซ้ายขนาดยาว ประมาณ 8 เซนติเมตร กว้าง 3 เซนติเมตร และขนาดยาวประมาณ 10 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตร และมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณสะโพกด้านซ้าย เมื่อเอกซเรย์ปอดยังพบว่า กระดูกซี่โครงที่ช่องอกด้านซ้ายตำแหน่งด้านหลังซี่ที่ 2 แตกหัก ซึ่งสามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า เป็นรอยแตกหักใหม่ เพราะมีลักษณะเป็นสีขาวหนาตรงบริเวณที่แตกหักเพียงแต่ไม่มีชิ้นส่วนของเศษกระดูกที่แตกหักไปทิ่มแทงอวัยวะอื่นใดภายในร่างกายเท่านั้น จึงไม่มีลมรั่วหรือมีเลือดออกในช่องปอด โดยนายแพทย์ ว. เห็นว่า นาย บ.ควรใช้ระยะเวลาในการพักรักษาอย่างน้อย 14 วัน หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอาการดังกล่าวน่าจะหายได้เป็นปกติ
เมื่อ ร.ต.อ.ธ. ทำการสอบสวนเสร็จสิ้น ได้สรุปสำนวนการสอบสวนและมีความเห็นควรสั่งฟ้องนาย บ.ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเป็นผู้ขับขี่รถเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 และมีความเห็นควรสั่งฟ้องนาย ก. ในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เสนอต่อผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น
ต่อมาในวันที่ 20 กันยายน 2561 ได้ส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมด้วยความเห็นไปยังอัยการจังหวัดพัทยา และพนักงานอัยการจังหวัดพัทยาเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายบ. และนาย ก. เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดพัทยา ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้มีคำพิพากษาในวันที่ 23 เมษายน 2562 เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.2886/2561 และหมายเลขแดงที่ อ.544/2562 พิพากษาให้ลงโทษจำคุกนาย ก. 25 ปี 9 เดือน และปรับ 750,000 บาท และลงโทษจำคุกนาย บ. 33 ปี 20 เดือน และปรับ 1,000,000 บาท
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่จะฟังได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 - 10 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป